สาธุๆๆ ... เพคะ คริคริ

เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้...ดีใจที่ได้ข้อมูลอันมีค่าจากท่านอสินะตันตระอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่หนูหายไปนาน...

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณท่าน asinatantra มากค่ะ

ช่วงนี้เหตุการณ์วุ่นวายไม่ได้ไปกราบขอพรท่านองค์เทพเลย กลัวท่านไม่ได้เห็นเราบ้างเดี๋ยวจะลืม 

อยู่บ้านก็ระลึกถึงท่านหหรือจุดธูป 5 ดอกสวดระลึกถึงไปตามภาษาของเราเอง

ขอคำแนะนำในการขอพรที่บ้านด้วยค่ะ อยากให้ท่านเมตตา ไม่รู้ว่าจะเห็นเรามั๊ย ......

โดยส่วนตัวหนูเองนะ นั่งสมาธิถวายท่าน ระลึกถึงองค์ท่านเสมอ นึกถึงท่านก็ขอบพระคุณท่านทุกครั้ง ... เพียงเท่านี้ ก็เป็นการบูชาถวายท่านแล้วนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟ ... ถ้ามีบาสัคจุดถวายด้วยได้ก็ดีมากเลย (ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเทวรูปท่านนะฮ๊าฟฟฟ มีหรือไม่มีก็ได้ฮ๊าฟฟฟ)

สอบถามค่ะ เพิ่งเริ่มนำวิชชาไปปฏิบัติค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ

เกี่ยวกับการทำบุญ คือเรายังสามารถทำบุญตามปกติได้เพียงแต่ไม่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร

หรือว่าเราไม่ควรทำบุญตักบาตรเลยค่ะ

ที่ท่านมัจจีตระตันตระว่า

การขอพรหรือระลึกถึงท่านที่บ้าน สามารถใช้การนั่งสมาธิถวายท่านที่บ้านได้ด้วยเหรอเจ้าคะ  เคยได้ยินอาจารย์ท่านว่า ถ้านั่งฯที่บ้านจะปล่อยจิตให้ว่างๆสบายๆแบบตอนที่นังในห้องสมาธิที่เทวาลัยไม่ได้ นั่งที่บ้านจะต้องกำหนดจิต พุท-โธ เข้า-ออกแบบพุทธ ถ้านั่งแบบปล่อยสบายๆ แบบเทวาลัยเดี๋ยวจะเห็นผี หรือสิ่งไม่ดีจะเข้ามาได้ เพราะที่เทาวาลัยมีท่านองค์เทพคอยปกปักษ์รักษาในสถานที่อยู่แล้ว งเริ่มแต่ที่บ้านเราเองก็ไม่แน่เสมอไป เพราะแต่ละแห่งอาจจะผ่านการทำพิธีถูกต้องหรือเปล่า....  แต่ก็เคยมีลูกศิษย์รุ่นพี่ท่านหนึง บอกว่า ถ้าต้องการนั่งสมาธิขอพรหรือระลึกถึงท่านองค์เทพที่บ้าน ให้นำน้ำบาสัคจุดตะเกียงอโรมาให้หอมๆในห้องหรือในบ้าน แล้วนั่งสมาธิขอพรก็ได้ เราก็เคยลองนะ ประมาณว่าเพียรพยายาม เนื่องจากคิดถึงท่านแล้วไปไม่ได้ ก็เอาๆ บรรยากาศก็หอมๆ คล้ายๆ พอให้หายคิดถึง แต่ไม่มีเพลงเปิด ไม่มีอาจารย์สวดหรือเคาะกระดิ่ง ก็อย่างน้อย  พอระลึกถึงแล้ว ทำให้อยากทำอะไรดีๆ แล้วก็มีสำนึกที่จะทำแต่สิ่งดีๆสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่เรื่อยๆ เพราะคิดว่า ท่านคงจะเห็นเราได้จากในทุกๆแห่งในโลกนี้..............

แต่อย่างไรก็ดี ก็หมั่นไปเยี่ยมสักการะท่านที่เทวาลยบ้าง ถี่บ้างบ่อยบ้างตามกำลัง แต่ไม่ได้หายหน้าไปนาน เพราะต้องเพียรขอพรต่อไป เนื่องจากยังมีกรรมอยู่อีกมาก และก็ต้องเพียรขอบคุณท่านเช่นกัน เพราะท่านประทานพรให้สมปรารถนาไปหลายสิ่งแล้ว

สำหรับ คุณ Nueng 111 ที่บอกว่าเพิ่งเริ่มนำวิชชาไปปฏิบัตินั้น แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ?

อันนี้โดนมากะตัวเล่าให้อ่านแล้วจะขนลุก

เคยไปทำบุญสังฆทานที่วัดแห่งหนึ่ง ถวายสังฆทานเสร็จก็ทำบุญซื้อโลงศพ ซึ่งเค้าจะมีกระดาษให้เขียนว่าจะอทิศให้ใคร ก็เลยเขียนว่า "เจ้ากรรมนายเวร" แปะไว้ข้างโลง เป็นอันเสร็จพิธี แล้วก็เดินออกจากวัด ขณะที่กำลังเดินๆ อารมณ์ดีสบายใจเพราะได้ทำบุญ ออกมาใกล้ถึงทางออกเชื่อมเข้าสู่บริเวณโรงเรียนซึ่งเป็นด้านหน้าของวัดและเป็นส่วนที่จะติดถนนใหญ่ ก็ได้กลิ่นอะไรเน่าๆโชยมาๆ  ตอนนั้นยังไม่กลัว แต่นึกได้ว่าน่าจะเป็นกลิ่นศพเริ่มเน่า เพราะมีประสบการณ์มาเยอะ หันไปมองหาแหล่งของกลิ่น เมรุ ที่เก็บศพ และศาลาสวดศพก็อยู่ตั้งไกล คราวนี้ถึงถนนใหญ่แล้วกลิ่นยังติดจมูกเข้าไปแบบลืมไม่ลงเลยทีเดียว เอาล่ะสิ ชักยังไง ขนลุก พอตั้งสติได้ เลยนั่งรถเมล์ มาเทวาลัยเลย  ก็ถามอาจารย์ว่า ไปทำบุญ แต่ไหงเป็นแบบนี้ กลัวอ่ะ   (ปกติไม่ใช่คนขี้กลัวนะ) อาจารย์ก็เลยถามว่า แล้วไปทำบุญให้ใคร ก็บอกอาจารย์ไปว่า ไม่ได้เจะจงระบุชื่อใคร เห็นว่าช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดี มีเรื่องตลอด เลยไปทำให้เจ้ากรรมนายเวร ซะหน่อย เท่านั้นก็เลยโดนอาจารย์ดุกลับมา และสั่งให้ไปทำน้ำมนต์อีก 2 ชุด กลับไปอาบซะ

อาจารย์ท่านแนะนำการทำบุญว่า คุณสามารถทำบุญได้ตามปกติ จะตักบาตร ถวายสังฆทาน สร้างโบสถ์ ถวายระฆัง หรืออะไรก็แล้วแต่ตามศรัทธา แต่การอุทิศส่วนกุศล อย่ากล่าวว่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ให้ระบุไปเลยว่าให้ใคร ชื่อเล่นชื่อจริง อะไรก็ได้ นึกหน้าเค้าได้เป็นพอ หรือนึกถึงคนที่เราเคยทำไม่ดีไว้ หรือผู้มีพระคุณ หรือ คนที่ทำให้เราลำบากเสมอๆ เพราะอาจจะมีกรรมต่อกันมา เป้นต้น

หากอยากจะทำบุญแบบไม่รู้จริงๆว่าจะอุทิศให้ใครดี ให้ทำเป็นบุญให้แก่สาธารณะ เน้นแบบไม่ต้องเสียตังค์มาก เช่น การล้างห้องนำให้วัด ถู-ทำความสะอาดโบสถ์หรือภายในวัด สอนหนังสือโรงเรียนวัด สอนธรรมมะให้เด็ก หรือผู้ยากไร้ อ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง เป็นต้น

สำหรับการอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ระบุนั้น บางทีพวกที่เร่ร่อนที่อยู่รอบๆ (สัมพเวสี) เค้าจะมาฉกรับบุญที่เราอุทิศไป และหากติดใจเพราะเราใจดี อาจจะตามเรากลับบ้านมาด้วย ซึ่งท่านเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรตัวจริงของเราก็ได้  

แต่หากต้องการจะขออโหสิกรรม ลดกรรม หรือ ล้างอกุศลสัญญา กับเรื่องในอดีต ให้ปรึกษาอาจารย์ดูนะ

ข้อมูลถูกต้อง หรือไม่ประการใด ขอผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ขอทำความเข้าใจในส่วนที่หนูได้ตอบไปนะฮ๊าฟฟฟฟ ... ครือว่า ที่บอกว่านั่งสมาธิที่บ้านเพื่อขอพรนั้นก็ได้ หมายความว่า นั่งนับหนึ่งร้อยลมหายใจ ถ้าความเข้าใจส่วนตัวหนูเองนะ การนับร้อยลมหายใจก็คล้ายๆกับการภาวนา พุท โธ อยู่ ณ ขณะที่นั่งสมาธิ เพราะเป็นการทำให้จิตใจ จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เหมือนกับการนั่งสมาธิภาวนา พุทโธ ส่วนการจะจุดบาสัคเสริม เปิดดนตรี หรือหาต้นกำเนิดเสียงกระดิ่งเสียงเคาะ หรืออะไรก็ตามนั้นก็แล้วแต่ประสงค์เลย เพียงแค่การนั่งสมาธิ ระลึกถึงท่านเสมอ หนู(คิดเอง)ว่า เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับความตั้งใจจริงอันบริสุทธิ์ของเราที่มีเจตนาถวายเพื่อท่านจริงๆ และหนู(คิดเอาเองนะ)ว่า ท่านรับรู้ทุกสิ่งในของเราไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย และท่านก็เมตตาเราเสมอมา เพียงแต่หนู(คิดเอง)ว่าเรามักจะคิดว่าท่านอาจจะไม่รับทราบในสิ่งที่เราทำไป แต่เราอาจจะลืมไปนิดนึงว่า "ท่านคือผู้ที่สร้างสรรพสิ่ง" ส่วนเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรอันนี้หนูว่ารอคำตอบจากท่านอื่นๆดีก่า เพราะหนูก็ไม่ทราบรายละเอียดมากมายเท่าใดนัก ^^

สอบถามกับอาจารย์ที่ตันตระแล้วค่ะ สรุปว่าสามารถทำบุญได้ตามปกติค่ะ เพียงแต่ไม่ทำการอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร

เพราะถ้าเราเลือกในการปฎิบัติอิทราคุรุวิชชา นั่นคือเราเลือกที่จะเดินทางอื่นที่ไม่ใช่พื้นดวงเดิมของเรา เหมือนจงใจจะหลบเจ้าหนี้ของ

เราซักระยะ ดังนั้นการอุทิศให้ก็เป็นการแสดงตัวให้เค้ารับรู้ว่าเราหนีมาอยู่ตรงนี้ แต่เราก็สามารถทำบุญสร้างกุศลและทำทานได้ตามปกติ

โดยอาจจะอุทิศให้กับบิดามารดา หรือเจาะจงไปถึงผู้ที่เราอยากอุทิศให้ การทำบุญทำทาน เป็นสิ่งที่ดีและควรทำค่ะ

ไม่รู้ว่าตอบได้ครบถ้วนตามอาจารย์บอกรึป่าว รบกวนอาจารย์ผู้รู้ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วยน่ะค่ะ

ขอความเมตตาของพระองค์ทรงประทานต่อผู้มีทุกข์ผู้นี่ด้วยค่ะ