ReadyPlanet.com


เมื่อเบื้องบนเปิดทาง ใยเล่าเหล่ามนุษย์จึงไม่เดิน (นิทานดีดี)
avatar
เจ้าบ้าน



ครั้งหนึ่งในประเทศจีน มีบ้านเศรษฐีใจบุญอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีสามี ภรรยา ที่รักการทำบุญ ช่วยเหลือผู้คนยากจนเข็ญใจ ด้วยการให้ทาน ด้วยข้าวสุก ทุกวันในเวลาเช้า โดยจะต้มข้าวสามหม้อใหญ่ ให้ทานทุกวันมิเคยขาด สามีภรรยา ผู้มีฐานะดีนี้ ยังคงขาดแต่ทายาท จึงเฝ้าอ้อนวอนต่อเทพยดา ฟ้าดิน ขอให้มีทายาทไว้สืบสกุล โดยอธิษฐาน ต่อองค์พระโพธิสัตว์ เพื่อขอทายาทที่ดี มีคุณธรรม และจิตใจดี เหนือกว่าตนเองและภรรยา เป็นเวลานาน ถึง 12ปี เมื่อครบกำหนด 12ปี (ซึ่งความจริงการขอบุตรต่อพระโพธิสัตว์ ต้องอ้อนวอนนานถึง 20 ปี จึงจะสำเร็จได้) จึงรู้สึกว่า คงไม่สามารถเป็นไปได้ตามที่ตนต้องการแล้ว จึงเปลี่ยนไปขอพรต่อเทพเจ้า ผู้เป็นกษัตริย์แห่งสวรรค์ ขอทายาทไว้สืบสกุล โดยขอแค่เพียงทายาทที่มีคุณธรรม และจิตใจดีเสมอกับตนเองและภรรยา ทั้งคู่ภาวนา เพียรขอ เป็นเวลานานถึง 12ปี เมื่อครบกำหนด 12ปี(ซึ่งความจริงการขอบุตรต่อกษัตริย์แห่งสวรรค์ ต้องอ้อนวอนนานถึง 14 ปี จึงจะสำเร็จได้)  ก็บังเกิดความท้อแท้ในใจเสียก่อน เนื่องจากตนเองและภรรยาก็มีอายุมากขึ้น และคงไม่สามารถมีทายาทไว้สืบสกุลได้แล้ว  จึงหยุดการทำทาน ที่เคยกระทำมามิได้ขาดเป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 36ปี เลิกสวดมนตร์บูชาเทพเจ้า เฝ้าแต่จุดธูป อ้อนวอน ภูตผี ปีศาจ ขอให้เพียงแค่มีทายาทไว้สืบสกุล ดูแลทรัพย์สิน ถือป้ายหน้าศพให้แก่ตนและภรรยาก็เพียงพอ หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งปี ภรรยาเศรษฐีก็ตั้งครรภ์ และได้ให้กำเนิดลูกชายสมดั่งปรารถนา หลังจากได้ลูกชายคนนี้ ฐานะและกิจการของเศรษฐี ก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ทีละน้อย ทีละน้อย จวบจน บุตรชายเศรษฐีอายุครบ 12 ปี ภรรยา ของเศรษฐีก็ล้มเจ็บ และเสียชีวิต ในวัย 65ปี บุตรชายก็ได้ทำหน้าที่  ถือป้ายวิญญาณให้แก่ภรรยาเศรษฐี ตามที่ได้ตั้งใจไว้ หลังจากวันที่ภรรยาเสียชีวิต เศรษฐีก็มีความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก จนเริ่มล้มป่วย กระเสาะกระแสะ ลูกชายที่เริ่มเป็นหนุ่ม ก็เริ่มออกเที่ยว คบหาเพื่อนที่ไม่ดี เที่ยวเตร่ เล่นการพนัน นำเงินทอง ทรัพย์สินต่างๆ ออกไปขาย เพื่อ ดื่ม กิน และเล่นการพนัน โดยที่เศรษฐี ก็ไม่สามารถห้ามปรามได้ หลังจากภรรยาเสียชีวิตไป 5ปี เศรษฐีเฒ่าวัย 75 ก็เสียชีวิตตามภรรยาไป พร้อมกับทรัพย์สมบัติที่ถูกผลาญ ไปมากกว่า 8ใน10ส่วน ส่วนลูกชายเมื่อจัดการงานศพพ่อแล้ว ก็ ดื่ม กิน เที่ยว และเล่นการพนันหนักกว่าเดิม จนเป็นหนี้สินมากมายล้นพ้นตัว  จนวันหนึ่ง เจ้าหนี้ได้มาทวงหนี้ที่บ้าน เมื่อลูกชายเศรษฐีไม่มีให้ จึงถูกซ้อมจนแทบจะขาดใจตาย ขณะนั้นมียมทูตผู้มีหน้าที่เก็บวิญญาณ ผ่านมา จำได้ว่าตนเองสมัยยังเป็นมนุษย์เคยได้รับทาน ด้วยข้าวจากบ้านหลังนี้ รู้สึกสงสารที่ต้องเห็นลูกชายของผู้เคยมีพระคุณ ต้องทรมานด้วยกรรม ซึ่งจะต้องพิการและกลายเป็นขอทานข้างถนนอีก 20ปี จึงจะหมดกรรมสิ้นชีวิตในชาตินี้ จึงตัดสินใจ เก็บดวงวิญญาณลูกชายเศรษฐีก่อนเวลาอันควร และนำส่งยังนรกภูมิ เมื่อนำส่งนรกภูมิ ผู้เป็นใหญ่แห่งนรกจึงตำหนิ และมีคำสั่ง ให้นำดวงวิญญาณดวงนี้ กลับคืนไปส่งที่เดิม เนื่องจากยังไม่หมดอายุขัย แต่เมื่อกลับไปถึงโลกมนุษย์ ร่างกายก็ถูกโยนทิ้งลงน้ำจนเน่าเปื่อยไปแล้ว เพราะพวกเจ้าหนี้เกรงกลัวความผิด ยมทูตจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายเศรษฐีฟัง ในขณะที่เล่าให้ฟังอยู่นั้น ก็มีบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่ง ถึงแก่อายุขัย ตกน้ำและจมน้ำตาย ยมทูตจึงให้ลูกชายเศรษฐี เข้าสวมใช้ร่างนั้น แต่ลูกชายเศรษฐีไม่ยินยอม พร้อมกับบอกว่า รูปร่างเดิมสวยงามกว่านี้ มีบ้านใหญ่โต โอ่โถง ข้าทาสบริวารมากมาย เป็นผู้มีเกียรติ เป็นที่นับหน้าถือตา เข้าร้านอาหารก็ต้องได้โต๊ะพิเศษ ไปที่ใด ก็มีแต่ผู้ต้อนรับขับสู้อย่างดี ยมทูต จึงว่า ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะผู้อื่นยังไม่รู้ความจริง หากข้ามิได้นำวิญญาณเจ้าออกมาก่อนเพียงครึ่งชั่วยามด้วยจิตสงสาร เจ้าก็เป็นเพียงขอทานพิการข้างถนนเท่านั้น ขณะนี้เจ้าได้เป็นคนใหม่ที่ ไม่พิการ เจ้าก็น่าจะพอใจแล้ว ลูกเศรษฐี ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับ พร้อมกับอ้างว่า ที่ยมทูตได้ดีเป็นถึงยมทูตได้ เพราะ มีชีวิตจากข้าว ที่พ่อแม่ของตนเป็นผู้ให้ทาน และตนเองก็มิได้ร้องขอให้ยมทูตเก็บวิญญาณตนเอง หากยมทูตยังยืนกรานจะให้ตนเองใช้ร่างบัณฑิตนี้ จะต้องช่วยเหลือให้ตนเองร่ำรวย ยมทูตจนใจ จึงได้ยอมตกลงกับลูกเศรษฐี เมื่อลูกเศรษฐีได้เข้ามาในร่างของบัณฑิตหนุ่ม แล้วก็เดินทางเพื่อเข้าไปสอบในเมืองหลวงแต่เนื่องจากตนเองไม่มีความรู้อะไรเลย จึงได้แต่เดินเที่ยวเตร่ คบหาพูดคุยกับ เพื่อนบัณฑิตที่ได้เจอกันระหว่างทางไปเรื่อยๆ จนรู้สึกถูกต้องชะตากับสหายบัณฑิตหนึ่งคน จึงตกลงใจ ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เพียงเพื่อฆ่าเวลา เพราะตนเองรู้อยู่ว่า ยมทูต จะต้องทำให้ตนเองร่ำรวยได้อย่างแน่แท้ ในขณะที่เดินทาง ยมทูตทราบดีว่าจะต้องผ่านมาทางนี้แน่นอน จึงได้เอาทองก้อนใหญ่มหึมาไปฝังไว้ แต่ด้วยกลัวว่าจะมีใครมาเห็น จึงฝังให้โผล่มาแค่ปลายนิ้วก้อย  อีกชั่วครู่ ลูกเศรษฐีก็เดินทางมาถึง แล้วได้สะดุดทองที่ยมทูตฝังไว้ให้ ก็ก้มลงมอง เห็นว่าทองนี้เล็กแค่ปลายก้อย จึงไม่สนใจ เพราะคิดว่า ทองแค่นี้น้อยเกินไปสำหรับตน เดี๋ยวยมทูตก็หาให้ใหม่ จึงบอกเพื่อนที่เดินมาด้วยกันแล้วเห็นเหตุการณ์ว่า ถ้าอยากได้ก็เอาไปได้เลย ตนยกให้ เพื่อนจึงขุดทองนั้นขึ้นมา แต่ยิ่งขุดก็ยิ่งลึก ยิ่งพบว่าทองนั้นใหญ่มาก ขุดๆๆลงไป เท่าไหร่ก็ยังไม่หมด จึงเรียกลูกเศรษฐีมาช่วยกันขุด โดยเสนอต่อลูกเศรษฐีว่า ท่านมาช่วยกันขุดเถิด ท่านเป็นคนเจอ เราจะแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง ลูกเศรษฐีจึงตอบไปว่า ไม่เอาหรอก งานหนักแบบนี้ข้าทำไม่ไหวหรอก โดยคิดเอาว่าเรื่องอะไรจะต้องไปเหนื่อยด้วย เดี๋ยวยมทูตก็หาทางช่วยให้ตนร่ำรวยได้เอง แล้วก็นอนรออยู่เฉยๆ เพื่อนเมื่อขุดเสร็จก็จะขนไปแบ่งขาย ก็เรียกลูกเศรษฐีอีก บอกว่า ทองนี้ใหญ่และหนักมาก มาช่วยกันขนเอาไปขายเถิด ท่านขนได้เท่าไร ก็เอาไปเถิด ลูกเศรษฐีไม่สนใจและปฏิเสธ โดยตอบว่า ขนทองที่หนักขนาดนั้นแล้วยังต้องเอาไปหาที่ขายอีก งานหนักแบบนี้ไม่เหมาะกับคนอย่างข้าหรอก และคิดเอาว่าเรื่องอะไรจะต้องไปเหนื่อยด้วย เดี๋ยวยมทูตก็หาทางช่วยให้ตนร่ำรวยได้เอง แล้วก็นอนรออยู่เฉยๆอีก เพื่อนของลูกลูกเศรษฐีค่อยๆขนทองไปขายได้กำไรมากมายร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนก็ยังมีจิตกตัญญู นำเงินที่หาได้มาซื้อหาอาหารให้ลูกเศรษฐีที่นอนรออยู่เฉยๆ กินอิ่มสำราญทุกวัน จนกระทั่งขายทองจนหมด และมีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐี จึงจะออกเดินทางต่อเพื่อไปสอบเป็นจอหงวนในเมืองหลวง ก็ได้ชักชวนให้ลูกเศรษฐีเดินทางไปด้วยกัน แต่ลูกเศรษฐีปฏิเสธ และคิดเอาว่าเรื่องอะไรจะต้องไปเหนื่อยด้วย เดี๋ยวยมทูตก็หาทางช่วยให้ตนร่ำรวยได้เอง แล้วก็นอนรออยู่เฉยๆต่อ เมื่อเพื่อนจากไปอาหารก็เริ่มหมด ตนไม่ทำอะไรเลยได้แต่นอนรออยู่ในตรอก วันเวลาผ่านไปไม่มีอะไรตกถึงท้อง ยิ่งหิวยิ่งอด หิวจนแทบจะขาดใจอีกรอบหนึ่ง ยมทูตเห็นดังนั้น จึงได้เอาทองไปซ่อนไว้ใต้เสื่อ เพื่อหวังว่าเมื่อลูกเศรษฐีขยับตัวแล้วเจ็บหลัง จะได้ลุกขึ้นสะบัดเสื่อแล้วพบทองคำนั้น แต่เมื่อลูกเศรษฐีขยับตัวแล้วเจ็บหลัง กลับตำหนิยมทูตว่าไม่ดูแล ปล่อยให้อดอยาก ลำบาก แร้นแค้น แม้นอนยังปวดหลัง แล้วก้อลุกขยับไปนอนที่ตรอกตรงข้าม ผู้คนเดินผ่านไปมาเห็นแล้วเกิดความเวทนาจึงได้หย่อนเศษเหรียญให้ ประดุจขอทาน พอยังชีพไปวันๆ ยมทูตเห็นดังนั้นจึงตามไปช่วย โดยให้ลูกเศรษฐีตื่นมาทุกๆวันจะมีเหรียญและอาหารเพียงพอในการยังชีพ เป็นเช่นนั้นมาระยะหนึ่ง ลูกเศรษฐีก็กลับไปเล่นการพนันอีก เหรียญที่ยมทูตทิ้งไว้ให้ตื่นมาเจอทุกวันๆก็หมดไปกับการเสียพนัน จนในที่สุดลูกเศรษฐีก็อดตาย และเมื่อถึงเวลา ยมทูตมารับ ลูกเศรษฐีจึงได้โวยวายตำหนิยมทูต ว่าไม่รักษาสัญญา ไม่ได้ช่วยให้ตนร่ำรวยอย่างที่รับปากไว้ ยมทูตจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า เราได้พยามช่วยท่านแล้ว ทองที่เอาไปฝังไว้ให้ตั้งแต่ครั้งแรก ท่านเพียงจะแค่ขุดไปขายก็ไม่ทำ ในเมื่อมันยากไป ทองที่ข้าเอาไปซ่อนใต้เสื่อท่าน เพียงท่านเก็บเสื่อหลังจากลุกจากที่นอน ท่านก็ไม่ทำ เพียงแค่เก็บเสื่อ ท่านยังไม่เก็บจึงไม่พบทองที่ข้าซ่อนไว้ให้  และเมื่อตื่นมามีเหรียญและอาหารกินยังชีพทุกๆวัน ท่านยังเอาไปเสียกับการพนันอีก เราเป็นหนี้บุญคุณ กินข้าวที่บ้านท่านแค่ 3 มื้อ เราได้ชดใช้ ด้วยการช่วยท่านไปแล้ว ถึง3 ครั้ง ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วไม่ใช่หรือ และบัดนี้ก็ถึงเวลาที่ท่านต้องชดใช้กรรมที่ท่านก่อแล้ว จงหยุดคร่ำครวญ และตามเราไปนรกเพื่อรับกรรมได้แล้ว

 



ผู้ตั้งกระทู้ เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-08-16 11:51:49


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3194784)
avatar
asinatantra

อ่านแล้วผมก็เปรียบเทียบสองกรณีในหัวผมว่า

หนึ่ง  ผมมีคนรู้จักหนึ่งคนที่เค้ากลุ้มใจว่าอายุเข้าวัยกลางคน นิด ๆ ยังไม่มีอะไร ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ไม่มีประกันสุขภาพ ไม่มีงานที่แน่นอน ไม่มีครอบครัว คนผู้นี้เวลานึกถึงอนาคต ก็ พลางคิดว่าแก่ตัวจะทำอย่างไร จะอยู่ที่ไหน และจะอยู่อย่างไรกับใคร เอาอะไรกิน  .. ผมฟังคำบ่นปนเศร้าใจของผู้เล่าและก็เคยเสนอแนะไปว่า ไม่ลองสร้างดูหละ มันก็ยังทันนะ สร้างงานที่มั่นคง เลือกทำงานที่มั่นคง  สร้างกลุ่มเพื่อนคนรอบข้างที่ไว้ใจได้ บ้านมันแพงไม่มีไม่เป็นไรเช่าเอาตลอดชีวิตก็ได้ เก็บเงินไว้ เราคำนวณตัวเราดูอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้  ค่อย ๆ สร้าง ค่อย ๆ เก็บ เราเอาตัวอย่างแบบคนอื่นไม่ได้หรอก  คนเดิมบอกว่าไม่เอาหรอกไม่ชอบทำงานเครียด ๆ อยากทำบ้างเที่ยวบ้าง ไปอย่างนี้ ..... ผมก็ อะ จัดปายยยยย

สอง  คุณลุงคนหนึ่งอายุน่าจะหกสิบกว่าๆ ที่ผมเจอที่เทวาลัยสองสามเดือนก่อน  ครั้งแรกที่คุณลุงมาคุณลุงมากับคุณป้าอีกคนหนึ่งเพราะคุณลุงแทบจะเดินไม่ได้แล้ว หกล้มหัวเข่ากระแทกพื้นเทวาลัยบ่อยมากเพราะขาอ่อนแรงจนพวกเราต้องเข้าไปประคอง พาไปตามจุดต่างๆเพื่อประกอบพิธีสวด  และจากการสอบถามบ้านคุณลุงก็อยู่ไกลมากเอาประมาณสมมุติว่าแจ้งวัฒนะ ละกัน วันสองวันหลังจากวันแรกคุณลุงก็ยังมาแถมมารถเมล์คนเดียว แจ้งวัฒนะมาถึงสะพานควายคุณ ๆ ลองคิดดู ขึ้นรถเมล์มาคนเดียวด้วยสภาพขาทืี่ไม่มีแรงขนาดนั้น   ลูกหลานแกปล่อยปละไม่สนใจ  อาิทิตย์แแรก ๆ ผมเฝ้ามองคุณลุงคนนี้เสมอ ๆ ถึงความเพียร ที่บ่งบอกในสายตาอันเหงาหง่อยและว่างเปล่าและเจ็บป่วย คุณลุงเดินที่ละเก้าทีละเก้าจากหน้าร้านสุคณธรามาถึงประตูเทวาลัย บางวันฝนก็พร่ำ ๆ คุณลุงก็ค่อย ๆ คืบทีละเก้าทีละเก้าๆ ละไม่เกินหนึ่งฟุต อยู่อย่างนั้น  ผมอึ้งและเฝ้าติดตามดูเป็นกำลังใจให้ห่าง ๆ เสมอมา   ผมเล่าให้เจ้าบ้านทราบเรื่องราวของคุณลุงคร่าว ๆ พร้อมชี้ให้ดูท่าเดินของคุณลุงที่ลำบากลำบนเหลือแสนแล้วผมก็ถามไปลอยๆ ว่า " สงสารคุณลุงจัง แกเพียรเอามาก ๆ  ไม่รู้คุณลุงจะดีขึ้นมั้ยนะ "  เจ้าบ้านบอกว่า " ทุกอย่างหากเป็นพระประสงค์ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ " แล้วท่านก็สั่งให้ร้อยประคำให้คุณลุงไปหนึ่งเส้น   คุณลุงมาเทวาลัยอาทิตย์ละหลายวันเชียวและตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ คุณลุงก็ยังคงมาสม่ำเสมอ  วันนี้ผมก็เจอคุณลุงอีกเหมือนเดิมแต่ตอนนี้คุณลุงเดินมาเทวาลัยได้ตามปกติด้วยสปีดปกติตามคนแก่อายุย่างเจ็ดสิบปีพึงเดินได้แบบสบายๆ แววตาที่เคยเลื่อนลอยกับมีความใสและความสุขอ่อน ๆ แฟงอยู่  และ แถมว่าวัีนนี้คุณลุงสามารถมีสมาธิจนเห็นผมที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานหลังกระจกและต้นไม้ แถมยังส่งยิ้มเย็นๆ ให้ผมด้วย  ผมเห็นคุณลุงแล้วผมก็ชื่นใจครับ ในสิ่งที่ความเพียรของคุณลุงสมปราถนา......

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-17 15:13:06


ความคิดเห็นที่ 2 (3199412)
avatar
Nicky

อ่านจนจบ รู้สึกจุก...ขอบพระคุณสำหรับคำสอนและข้อคิดที่อ่านทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เอากลับมาคิดแตกออกไป ยิ่งมาก ยิ่งรู้สึก ยิ่งสำนึก ยิ่งอยากพยายามทำชีวิตบนถนนชีวิตเส้นนี้ ให้ได้ดียิ่งๆขึ้น...

อ่านข้อความของท่านอสินะตันตระ..แล้วย้อนกลับมาดูตัวเอง เหมือนกำลังส่องกระจกบานใหญ่... หนูจะพยายามต่อไป...ไม่ย่อท้อ ไม่รอเพียงโชค วาสนา..หากแต่ความเพียรพยายามและศรัทธาที่สำคัญกว่า..ขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Nicky ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-30 12:02:21


ความคิดเห็นที่ 3 (3199996)
avatar
ลูกตันตระ
ขอบคุนมากคับ ที่เอาสิ่งดีๆแบบนี้มาให้อ่านคับ ชอบมากคับบ สู้ คับ ทุกคน ชีวิตต้องดิ้นรนคับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-02 05:15:11


ความคิดเห็นที่ 4 (3202791)
avatar
อาศิรวาทเทวาบารมี

ขอบคุณสำหรับนิทานดีดี จะพยายามให้ดีที่สุดครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-15 01:33:11


ความคิดเห็นที่ 5 (3494182)
avatar
ThitipanS

 ขอบพระคุณเจ้าบ้านค่ะที่ช่วยชี้นำทางค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ThitipanS (clubgalz-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2015-03-12 22:50:47



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.