ReadyPlanet.com


เฉพาะอาจารย์ตันตระเทวาลัย
avatar
เจ้าบ้าน


 

การทดสอบเจตญาณประจำปี จัดขึ้นทุกวันที่7/7-9/9 ของทุกปี

การทดสอบเจตญาณ

เจตญาณคือ ญาณวิชชา ที่สามารถสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในตันตระเทวาลัย การได้มาสามารถได้มาต่อเมื่อ ได้ทำงาน รับใช้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกพระองค์ในตันตระเทวาลัย อย่างเต็มที่ และ สม่ำเสมอ ซึ่งผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกคนต้องมี

หัวใจของเจตญาณ คือ ศรัทธา เชื่อมั่น ปราศจากข้อสงสัย และความเมตตา

·       ศรัทธา นอกจากความรักและภักดี สูงสุดแล้ว ในความเป็น ข้ารองบาท ที่ดี เป็นผู้รับใช้ ในฐานะ ข้ารองพระบาท ย่อมมิใช่ ผู้แทนพระองค์ ดังนั้นความเย่อหยิ่ง อหังการ จึงเป็น ศัตรู ตัว สำคัญ ของความ ศรัทธา ในฐานะ ข้ารองพระบาท ความอ่อนน้อมต่อผู้ อื่น และผู้ซึ่งศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน จึงเป็นหนทาง ที่ ถูกต้อง และสำคัญ ซึ่งจะละเลยเสียมิได้

·       เชื่อมั่น  ความเชื่อมั่นโดยปราศจากความสงสัย เป็นอีกหนทางหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึง จิตที่น้อม ถวายแทบพระบาท องค์พระผู้เป็นเจ้านั่นแสดงชัดถึง ผลสำเร็จ ที่ได้รับ ว่าตนเอง เหมาะสม กับสิ่งใด และควรได้รับผลแห่งความสำเร็จเท่าใด

·       เมตตา ความเมตตา นั้นยากที่สุดคือเมตตาต่อตนเอง เมื่อเมตตาต่อตนเองแล้ว ย่อมเมตตาต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน เช่นเมื่อกระทำสิ่งใด ด้วย ความคิด การพูด การปฏิบัติ ซึ่ง ไม่เป็นผลดีต่อ บุคคลอื่น ด้วยความไม่เมตตา นั่นหมายความถึง ตัวเรากำลัง ทำร้ายตนเอง ด้วยการแสดงความไร้ซึ่งเมตตา ต่อพระพักตร์ องค์พระผู้เป็นเจ้า และนั่นก็คือ ไม่เมตตาต่อตนเอง

การแก้ไข

·       คำพูดดีไพเราะใครไม่อยากฟัง มิตรสหายรายล้อมมากมาย แต่มีซักคนหรือไม่ ที่จะเป็นมิตรที่ดี นำสิ่งที่ตนเองกระทำไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะ ไม่ควร  มาตักเตือนด้วยอาการสำรวม (การตักเตือน นั้น หากมีผู้ตักเตือน เกินกว่า สามคน นั้นถือว่า วิกฤติ) ดังนั้นจงเร่งรีบหาให้พบ เมื่อพบแล้ว จงรับฟัง และรวบรวม คำพูดเหล่านั้น เพื่อมา พิจารณา ไตร่ตรอง สำรวจตนเอง และยอมรับในความจริง อย่าได้เติบโต ด้วยรอยเท้า ที่ผิดตั้งแต่ย่างก้าว แรกๆ เร่งรีบแก้ไข ด้วยการตั้งมั่น ย่อมสำเร็จได้

 



ผู้ตั้งกระทู้ เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-07-20 21:13:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3188393)
avatar
asinatantra

วินาทีที่ตัดสินใจ

หลาย ๆ ครั้งที่เด็ก ๆ มาถามปรึกษาแนวคิด เรื่องกลุ้มใจในเรื่อง...  แต่ผมจะขอเปรียบเทียบเรื่องที่เด็กเอามาปรึกษากับเรื่องนี้ละกัน  สองสามอาทิตย์ก่อนคนทำสวนซึ่งออกจะเป็นคน(มาก) หรือ (เยอะ) ไปซักหน่อย เข้ามาครวนครางกับผม ซึ่งคนทำสวนมักจะหาโอกาสบ่นโน้นบ่นนี้กับผมเรื่องคนโน้น คนนี้อยู่บ่อย ๆ ซึ่งผมก็กลุ้มใจแทนมาเป็นปี  แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องเอกสารทางราชการเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งทะเลาะเบาะแว้งกันมาตั้งแต่เริ่มเอาเอกสารไปจนวันที่ใช้เสร็จแล้วต้องเอาเอกสารมาคืน   เจ้านายตามเอกสารของคนทำสวนคือช่างทำไฟ  คนทำสวนไม่ชอบช่างทำไฟ เลยบิดพริ้วไม่อยากคืนเอกสารให้ช่างทำไฟ เลยมาโอดครวญงอแงกับผม ให้ช่วยเหลืออยากจะไม่คืนเอกสารและอยากจะเปลี่ยนนายจ้าง  ด้วยฟังคนทำสวนพูดเรื่องนี้มาเป็นปีสองปี เรื่องเดียวกัน  ผมก็ถามกลับไปว่า "ช่างไฟเค้าทำอะไรให้เหรอ " เค้าโกงเงินเราหรือเปล่า  หรือเค้าขโมยของขโมยเงินเราหรือเปล่า " คนทำสวนตอบว่า " เปล่า "  ผมถามต่อไปว่า  " แล้วเค้าเอามีดแทงเราให้ปาดเจ็บ เจ็บปวดหรือไง "  คนทำสวนตอบว่า " เปล่า "   ผมก็ถามตอบว่า " แล้วเค้าด่าพ่อแม่เราให้เสียหายหรือเปล่า "  คนทำสวนก็ตอบว่า  " เปล่า "

ผมก็ถามต่อว่า " แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน "  คนทำสวนบอกกลับว่า  ผมนะไม่เข้าใจ

ผมก็ตอบว่า ผมเข้าใจสิ เข้าใจว่าไม่ชอบขี้หน้ากันถูกมั้ย  เค้าพูดไม่เพราะ พูดไม่ดีด้วย พูดไม่เข้าหู เลยเกลียดขี้หน้า พอเกลียดขี้หน้าแล้วก็มีแต่ปัญหา ไม่อยากนี้ ไม่ชอบนั้น ไม่เอานี้  ... แต่นอกจากไม่ชอบขี้หน้ากันช่างไฟเคยทำอะไรให้ เค้าทำร้ายเราเหรอ ก็เปล่า .. ทำไมถึงสร้างปัญหาจากการไม่ชอบขี้หน้าแค่นั้น ผมก็แจงต่อไปว่า  หากวัดกันแค่ไม่ชอบขี้หน้าแล้วละก็ คนสวนก็คงไม่ได้ทำงานที่นี้แล้วเพราะก็คงมีคนไม่ชอบคนทำสวนอีกเยอะ หรือผมอาจจะไม่ชอบขี้หน้าคนทำสวนอยู่ก็ได้ ถูกมั้ย แต่ก็ไม่เห็นมีใครสร้างปัญหา ขึ้นมา ผมบอกต่อไปว่า  ลองย้อนนึกกลับไปถึงวันที่มาขอทำงานกับเค้าใหม่ ๆ สิ  ตอนนั้น อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ นอนไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ ใครจ้างก็ได้ ขอให้แค่ให้ได้อยู่ทำงาน  .. แต่เมื่อมีแล้ว สบายแล้ว ความไม่ชอบขี้หน้าเริ่มเป็นปัญหาแล้ว ถูกมั้ย ?  ลองเอาไปคิดดู ในสิ่งที่ผมพูดช่างไฟก็อาจจะไม่ชอบขี้หน้าเราอยู่มาก ทำไมเค้าทำได้ หละ งานก็คืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว  คำสั่งก็คือคำสั่ง  หากทำได้แบบนี้ทุกอย่างมันก็เดินต่อกันไปได้ ถูกมั้ย.. คนเราทุกคนมีข้อดีและข้อเสียทุกคนทั้งนั้นแม้กระทั้งผมเอง หากแต่อยู่ที่ว่าเราจะเลือกจะเอาข้อไหนและเอาอะไรมาถือไว้แบบไหน แบบสันติหรือแบบสร้างปัญหา ไอ้ขนาดถึงกับว่ายอมเสียงาน เสียคนค้ำจุนช่วยเหลือ เพียงเพราะความไม่ชอบขี้หน้า อย่างนี้ไม่ถูก ผมก็บอกให้คนทำสวนลองเอาไปคิดทบทวนดู

แน่นอนคำตอบคือ พยักหน้า งึก ๆ ซึ่งผมก็เข้าใจได้ในทันทีว่า  ไม่เข้า แต่จำเป็นต้องเข้า ... สามอาทิตย์ผ่านมาก็ดูยังสงบอยู่

การเปรียบเทียบกันนี้  เพื่ออจะบอกว่าในหลาย ๆ ครั้งที่เด็กมีปัญหาในความคิดต่างๆ ต่อกัน ผมก็จะคอยบอกว่าให้ย้อนนึกกลับไปถึงวินาทีที่ตัดสินใจอาบน้ำมนต์ถือบวชเข้ามาเป็นตันตริกและเทวอาจารย์ดู  แล้วเด็ก ๆ จะได้คำตอบว่าตนเองทำผิดหรือถูกอยู่   ณ ช่วงนั้น ณ วินาทีนั้น ที่ตัดสินใจว่าละทิ้งสิ่งต่าง ๆ ออกไปเพื่อเป็นผู้ถือบวชแล้ว ตรงนั้นรู้สึกเอาไว้อย่างไร และในวันนี้ เมื่อเป็นแล้วเรายังคงรักษาระดับความคิดของตนเองรักษามาตรฐานของตนเอง ณ วินาทีนั้น ๆ อยู่หรือเปล่า   ที่มาของปัญหาหลาย ๆ อย่างรากฐานมาจากความคิดของมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งผู้ที่ถือบวชแล้วควรละวางทิ้งให้มากที่สุดมิใช่นำมาแบกพอกไว้ที่หลังหรือไหล่ตนเอง  ย้อมลำรึกให้ได้ถึงณ วินาทีที่ไม่ทราบว่าจะได้รับอณุญาติให้เป็นหรือไม่นั้น วินาทีนั้นที่เกือบ ๆ ทุกคนย่อมคิดว่า แค่ขอแค่ให้ได้เป็นเถอะ จะเป็นแบบนี้ จะประพฤติแบบนั้นให้ ท่านๆ  จะเป็นเบื้องรองบาทให้องค์เทพ และเป็นลูกหลานที่ดีต่อครอบครัวตันตระ  สิ่งต่าง ๆ ณวินาทีนั้น ยังคงอยู่กับเราหรือไม่  หรือ มันหายไปกับกาลเวลา อำนาจ และ ขั้น ยศ และความคิดแบบมนุษย์ว่า เราคิดว่าเราเป็นอะไรอยู่ ?

ผมอยากให้พึงรำลึกเสมอ ๆ เอาไว้ว่า ณ จริงๆ แล้ว เราไม่ได้ผิดต่อใครหรอก ณ จุดจริงๆ แล้ว เรานั้นแหละที่ผิดต่อจุดยืนตนเองที่ตั้งเอาไว้ ณ วินาที ที่ประกอบพิธีกรรมต่อหน้าองค์เทพและครอบครัวตันตระ  ... นั้นหรือคือหนทางที่พอใจ จะเดิน ? 

ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจเสมอว่า  ความเพียรจะชนะมารในหัวใจของเราได้ .. ไม่มีใครบรรลุสำเร็จมาตั้งแต่เกิด แค่คอยเตือนตนเองเอาไว้ให้จำตนเองให้ได้และอย่าหลงไปกับ(ความ)ต่างๆ  แค่นั้นเอง ฝึกฝนหมั่นเพียรและเป็นลูกหลานเป็นเบื้องรองบาทให้ดีเหมือนดั่งคามตั้งใจของตนเองตั้งแต่ต้น  หนทางเดินจะสุขสงบเสมอ ..

อีกครั้งกับเรื่องง่าย ๆ ที่ทำยากและมักจะไม่อยากจะทำ ...

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-23 19:50:53


ความคิดเห็นที่ 2 (3188600)
avatar
ศิวนาฏบุตร

 กายนี้ขอน้อมรับด้วยวิญญาณและดวงจิต..จากแดนไกล

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวนาฏบุตร (napasakorn_merit-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-25 06:40:00


ความคิดเห็นที่ 3 (3262322)
avatar
นิคกี้

...ด้วยจิตนี้กายนี้...ขอน้อมรับใส่เศียรเกล้า...คำสอนของท่านเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้หนูเสมอ...

ขอบคุณค่ะ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิคกี้ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-12-08 11:18:09



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.