แน่นอนครับคุณ วุฒิ ที่คุณว่า แก้ทุกข์ได้ระดับหนึ่งและทุกข์ใหม่ก้อมา จะทำยังไง??? นั้นแหละคือคำตอบที่มนุษย์ควรถาม

หากแต่ผู้ที่ศึกษาตันตระ จะรู้คำตอบนี้ดี และ แน่นอนว่าผู้ศึกษาตันตระ ก้อเหมือนนักเรียน มีผู้สอบได้เกรด 1 2 3 4 แล้วแต่บุคคล  คุณยังไม่เคยพูดคุย กับ บุคคลที่สอบได้เกรดต้น ๆ มั่งครับ ว่า

การไม่ทุกข์ นั้นทำอย่างไร  เพราะเราจะหนีความเป็นจริงอย่างหนึ่งไม่พ้น คือ มนุษย์มีความทุกข์ ใหม่ ๆ ได้ ทุกวัน และนั้นแหละครับเหตุที่เราศึกษาทางแห่งการไม่ทุกข์กัน

ทั้งนี้คำว่า ไม่ทุกข์ มิใช้คำสวดหนึ่งประโยค หรืออาบน้ำมนต์ หนึ่งครั้ง ก้อ หายทุกข์ เพราะ "ทุกข์ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน หนทางแก้ทุกข์จึงไม่เหมือนกัน"  นั้นคือคำที่เจ้าบ้านแจ้งไว้  

แน่นอนว่า  การมาตันตระเทวาลัย นั้นอย่างไร ก้อได้คำชี้นำทางให้หายทุกข์จากเจ้าบ้านแน่นอน เพียงแต่บุคคลใดฟังแล้วเข้าใจระดับไหน  และผู้ไหนจะเป็นผู้ถูกเลือกให้ศึกษาเบื้องลึกต่อไป  เพราะบางคนฟังคำสอนแล้ว อาจจะ อะไรหว่า ไม่เห็นรู้เรื่องเลย !!!

คำว่า  ไม่ทุกข์ นั้นมีจริง และปฏิบัติได้ในชีวิตมนุษย์นี้  เพียงแต่เรา ๆ ท่าน จะเข้าถึงมันหรือไม่ That"s the Question  (นั้นแหละคือคำถาม)

ตอบท่านที่ถามมา

สาระแห่งตันตระเทวาลัยคืออะไร?

           ต้องได้มาสัมผัสครับ มาสังเกตการณ์ มาคุยกับผู้คนที่มา ณ ที่แห่งนี้  หรือ ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับอาจารย์ ท่านต่างๆที่นี่   หลังจากเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็ไปประมวลผล ตามสติปัญญาของคุณ  นั่นจึงจะเป็นคำตอบ......

การให้ความหมายว่าเผยแพร่  ทุกอย่างหรือไม่?

            สำหรับการเข้ามาศึกษา  ตันตระ  ก็คือทุกอย่างเท่าที่สติปัญญาของคุณจะมีนั่นแหละ เพราะหนึ่งคำสอนของตันตระกว่าจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งบางครั้งต้องใช้เวลาเป็นปี  กว่าเข้าใจ

ที่ไม่ลึกก็น่าจะสอนได้ 

          ครับ ก็สอนกันอยู่บ้าง  แต่ อย่าลืม  ว่านี่คือศาสตร์ชั้นสูง  เป็นศาสตร์ที่กระซิบบอกต่อๆกัน ไม่ใช่อะไรที่ จะหว่านไปทั่วเหมือนปลูกผักปลูกวัชพืช   เราคงไม่มีทางพูดเรื่องนี้ให้กับบุคคลที่แค่ อยากรู้ หรอกครับ  มันเป็นเรื่องระดับชีวิต  ต้องอดทนเป็นผู้  ถูกเลือก  ที่ดี  

 ผมเห็นว่าผู้ที่แสวงหาว่าที่ทุกข์กันอยู่นี้จะดับอย่างไร   ในการไปณที่นี้ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง  แต่ถามว่าทุกข์ใหม่ก็ยังคงจรมานะครับ

            เวลาคุณอ่าน พระไตรปิฎก ไป3จบแล้ว  ขอถามว่าทุกข์ ใหม่ๆยังเข้ามาไหม? คุณอาจตอบเราว่าคุณมีวิธีที่จะจัดการกับทุกข์นั้นๆแล้ว   ก็เหมือนกัน กับผู้คนที่เข้ามาที่นี่ เขามีวิธีที่จะจัดการกับทุกข์เหมือนกับคุณ  หรือ อาจจะดียิ่งกว่าคุณเสียอีก  เพียงแต่คุณไม่เคยไป สัมภาษณ์พวกเขา     

ยุคที่เจริญแล้วขอให้เลิกสนใจไสยใดๆ ทั้งปวง

          คงไม่มีใครเขา  เชื่อคุณได้หรอกครับ  เจ้าของกิจการต่างๆที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี่ ต่างก็ต้อง  ดู   ฤกษ์ ยามที่ดีในการตั้งบริษัท หรือ เปิดกิจการ  ดู ฮวงจุ้ย ปรึกษาชินแส  ตรวจดวงชะตา  แม้กระทั่งจะซื้อ ยนตกรรมเทคโนโลยี่สูงจากเยอรมัน ก็ยังไม่วายขับไปหาพระขลังๆเจิมมงคล หรือหา  ฤกษ์ ที่เหมาะในการออกรถ   ซัมธิงส์ไลค์แทด....นี่แคพื้นๆ แล้วหากยิ่งทำงานใหญ่ยิ่งมีเรื่องทางลึกอีก โข

            ทีนี้ขอถามว่า  มันจะแยกผู้คนออกจากเรื่องแบบนี้ได้ไหมล่ะ?

เข้าหาสัจจะความจริงที่พระพุทธเจ้าสอนเถิด

            ก้ดี ที่คุณ เข้าหาความจริง ของคำสอนที่  โคตมะ  เขามอบให้   แต่กับคนอื่น หมื่นแสนล่ะ ที่เขาไม่ได้คิดแบบคุณ  คุณจะอยู่ร่วมสังคมกับเขาอย่างไร ?  คนประเภทที่จะยกตัวอย่าง ก็เช่น

            คนที่ยัดเยียดรายการละคร หลังข่าว แทน รายการ ทำวัดเย็น  คุณมีปัญญาไปทำไรเขา?

            หากปราศจาก  กิเลส  ...

            ใครจะเปิดร้าน  สตาร์บัค ให้คุณดื่มกาแฟ รสเลิศ ?

            ใครจะผลิต เมอเซเดส  ให้คุณ สบายใจยามเข้าโค้งด้วยคามเร็วเหมือนอยากรีบไปตาย

            ใครจะผลิต คอมพิวเตอร์  ให้คุณ เขียนมา หาเรา?

            ใครจะผลิตโทรศัพท์มือถือ  ให้คุณโทรไปหา แม่ เพื่อเป็นลูกที่ดี?

            เซ็ลทรัลชิดลม คงหายไป รวมทั้งเอ็ม โพเรียม ด้วย

            อาดิดาส ที่แสนสบายเท้าของเรา คงไม่มี

            สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย ธรรมสถาน ในบรรยากาศ ชิลๆท่ามกลางดงไผ่น่ะเหรอที่ต้องการ?

            อาหารมังสวิรัต?

            และอื่นๆอีกมากมาย  ที่จะหายไป  หากผู้คนเขาคิด แบบนี้   

ถ้าจะเรียนรู้ในตันตระเป็นสาขาวิชาหนึ่งในศาสตร์ที่ดีในศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่  ผมว่าไม่เสียหาย ผู้สอนก็มีเจตนาที่ดี  

คุรุแห่งนี้มีความรักความเมตตาให้ทุกชีวิต  ทุกคนจะบูชาได้ไม่เสียหายเท่ากับเติมความรักที่ไม่ใคร่  ให้กับทุกคนได้ไม่สิ้นสุด 

สำหรับผมก็อนุโมทนากับการช่วยผู้คนครับ

ขอให้ผมและทุกท่านพ้นทุกข์พ้นภัยทั้งปวง  สวัสดีครับ

          ในส่วน ท้ายนี้ ผมสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของคุณ  ต่อผู้คนทั้งหลาย   ที่ตันตระเทวาลัย   เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชาวพุทธ  หรือ ชาว อื่นๆก้เข้ามาหาพวกเราได้  เราไม่ได้ใส่ใจว่าใคร มาจากศาสนาใด ชอบคำสอนของศาสดาใด  เรามาหาความสบายใจหาหนทางพ้นทุกข์พ้นภัยในแบบของเรา   เท่านั้นเอง...

            ทีนี้ผมขอถามคุณ บ้างล่ะครับ

1.   ทุกข์ ในชีวิต ของคุณ เริ่มต้นจาก  เห็นคน เกิด , แก่,เจ็บ,ตาย แล้วเกิดความรู้สึกอยากหลุดพ้นจริงๆเหรอ   หรือนอกจากนี้ มีทุกข์อย่างอื่นๆปนเป อยู่ด้วย?  มันเหมือน  มัน  คล้าย กับ เจ้าชายสิทธัตถะ  ตรงไหน?หรือครับ?   ถึงคิดว่า หนทางดับทุกข์  ของเขา  มันจะเป็น หนทางเดียวกับของคุณ ?

2.   2548ปีแล้ว สภาพแวดล้อมของประเทศไทยตอนนี้  ต่างจากที่เนปาล ครั้งโน้น ลิบลับ  เราไปใช้  โปรแกรมแก้ทุกข์ รุ่นนั้น มันจะแก้ไขกิเลสใหม่ๆได้จริงเหรอ?  วินโดว์  ยังต้องอัพเดทเลย นี่นา

 ผ่านมาสองพันกว่าปี  ผมรู้สึกผูกพันธ์กับ เอดิสัน มากกว่านะ ในยามค่ำคืน   เวลาแขนหัก  หากไม่มีนาย หลุยส์ ปลาสเตอร์  เราจะใช้อะไรดี?  แล้วเวลาจะเดินทางไปสักการะ พระธาตุ ต่างๆ หาก  ไม่มี นาย เฮนรี่ ฟอร์ด คุณจะ ยอมนั่งเกวียนไป เหรอ?   คุณอาจจะเคลิ้มกับ อุดมคติ  แต่อย่าลืม  บุคคลที่ให้กำเนิดความเป็นจริง  ของโลกใบนี้ด้วย ผมว่าเขาเหล่านี้ น่าจะได้รับ  เกียร์ติ ที่ไม่แพ้กัน หาก แต่ผู้คนมักมองข้ามความเป็นจริงที่เผชิญหน้าอยู่ ทุกวันๆ  

สวัสดี

สวัสดีครับ วันนี้เข้ามาดูแล้วขออนุญาตตอบบางคำถามที่มีผู้สงสัยในประเด็นที่ผมตั้งให้

1. ตามที่มีผู้สูงส่งช่วยถ่ายทอดคำสอนแห่งสมณะโคดมผู้ประเสริฐ ว่าทุกข์คือ ตัวเกิด 

สำหรับผมขอตอบต่อไปอีกครับว่า การให้ผู้คน หรือความทุกข์ของผู้อื่นแล้วเกิดทุกข์นั้น ไม่ใช่ทุกข์  มันเป็นภาวะที่เกิดขึ้น วิภาวะตัณหา  เห็นแล้วไม่อยาก มันก็มีข้อดีให้พิจารณาให้เบื่อหน่ายได้

ส่วนการจะได้พบคนเกรด1..2..3  ใครจะรู้ได้ บางครั้งเห็นเขาธรรมดา  แต่ภายในไม่ใช่  ท่านเจ้าบ้านเขามีความสามารถถึงแล้วจึงเห็นได้  

2. เท่าที่ผมได้พบมาคนที่ปฎิบัติได้จริงเขาสามารถนำความรู้มาใช้ได้หลากหลาย  เพราะตถาคตรู้แจ้งในมหาธรรมอันยิ่งที่ไม่มีใครกระทำได้ และทรงสอนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในยุคนั้น    ก็ยังคนมีบุญวาสนาบรรลุธรรมมากมาย  เพราะในครั้งนั้น พระองค์ได้ใช้พระธรรมให้ตรงกับสมัย  ซึ่งถ้าท่านต้องการทราบว่า การที่ผู้ประเสริฐสูงสุดทำได้มหาศาลเพียงใด  ท่านตั้งใจรอรอบอุบัติแห่งพระองค์ในยุคหน้าถ้าท่านตั้งใจจะได้พบ

ผมเองไม่อาจอื้มบอกได้เพราะยังฝึกปฎิบัติแค่พื้นฐานเท่านั้นครับ    อีกไม่นานสยามประเทศจะได้พบอะไรอีกมากที่ดีขึ้นนะครับ 

ถ้าผมมีการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมอะไรก็ขอโทษไว้ก่อนนะครับ  

จากใจ...

ผมเองได้เริ่มจากความไม่รู้แต่ก็สนใจ  .... มีหลายแนวทาง

ล่าสุดได้พบผู้ที่สอนหลายท่านที่ผมเคารพและบ้างก็โดยบังเอิญ  ทำให้หันมาตั้งต้นใหม่และเมื่อไม่นานก็ได้มีโอกาสมารู้จักจากปากต่อปากผมก็ได้มาแสดงความเห็น

ผมเองก็สนใจไปฟังการสอนที่นี้เช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เสียใจผมก็จะดำเนินตามทางที่เลือกแล้ว  แต่ถึงจุดๆหนึ่งคงจะได้พบกันแน่นอน  มีคำพูดกันมาว่า

อยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้ 

สุดท้ายนี้ขอนมัสการ มหาคุรุแห่งตันตระเทวลัยและสวัสดีท่านเจ้าบ้าน  ตามคติถ้าขอพรได้ขอให้ผมค้นพบความจริงที่ผมค้นหา  ขอบคุณที่อ่านครับ

ขอให้โขคดี ตามหนทางที่ท่านค้นหา ...

สวัสดี

ขอให้โชคดีตามหนทางที่คุณ ค้นหาเหมือนกันคุณวุฒิ ++++

นั้นสินะ ตามที่ตันตระ มักจะสั่งสอน เสมอ เสมอ . .

ทุกข์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หนทางดับทุกข์จึงไม่เหมือนกัน

และแน่นอนว่า + +

สุขของแต่ละคนก้อไม่เหมือนกัน หนทางแห่งสุขของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน

และก้ออีกว่า + +

ปัญญาของแต่ละคนก้อไม่เหมือนกัน หนทางแห่งการเรียนรู้จึงไม่เหมือนกัน

แต่ว่า + +

อันไหนหละ ของจริง อันไหนละหนทางที่ถูกต้อง อะ อะ ปัญหามันอยู่ที่***ตรงนี้หละ. . วาสนา และ ปัญญา  ในการตัดสินใจเลือกหนทางที่ถูกต้องนั้นคงทำไม่ได้ในทุกคน 

บทพิสูจน์คงอยู่ที่ว่า  เมื่อตายไปจากภพภูมินี้ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วท่านอยู่ที่ไหน????

ได้อยู่ที่ที่คิดว่าจะอยู่ หรือไม่????? ได้รับผลของการเรียนรู้ในชาติภพนี้หรือไม่????

555555 แต่ตอนนั้น มันก้อสายไปแย้ว นะสิ 555555555

ฉะนั้นกระผมขอบอกว่า ใส่คอนเวิร์ด  ซึ่งแปลว่า " ทางใครทางมัน " มันส์กันเอาเอง 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

ทุกคนย่อมคิดว่าถ้าเราทำไม่ได้ คนอื่นก็เช่นกัน

หรือถ้าเราทำได้ก็ยังอาจคิดว่าเราวิเศษกว่าดีกว่า

ที่จริงถ้าเราเข้าใกล้ความจริงแท้เข้าไปจะรู้ว่าอะไร

คือที่สุด เมื่อทุกคนได้มีการพัฒนาก็จะรู้ว่าเท่าเทียมกัน

ความเก่งมากหรือน้อยไม่ใช่สาระ  ที่สำคัญละความเบียดเบียนค้นหาความสุขที่แท้จริง

ในวาระปีใหม่สากล ผมผู้ยกย่องพุทธศาสนาไม่ดูหมิ่นความเชื่อและคำสอนใด ๆขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ