ReadyPlanet.com


พระสาวกยิ่งใหญ่แห่งพระศิวะเทพที่ยอมสละดวงตาถวายต่อพระศิวเทพ
avatar
เจ้าบ้าน


กันนัปปะ

 

เรื่องกันนัปปะ ได้ถูกกล่าวเอาไว้ในพระ เปริยะ ปุรานัม จารึกไว้เป็นภาษาทมิฬทางภาคใต้ของประเทศอินเดีย มีเรื่องเล่ากันว่า :(ขี้เกียจพิมพ์แล้วว่างๆพิมพ์ใหม่)



ผู้ตั้งกระทู้ เจ้าบ้าน โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2005-12-29 17:27:42


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (341087)
avatar
รักมั่น

โธ่...เฮีย...มาทำให้อยาก (รู้) แล้วก็จากไปดื้อๆอย่างงี้เลยหรือคะ...อุตส่าห์ตั้งท่าอ่าน...อย่างไรเสียก็ยังรออ่านคะ...ไม่รู้ไปหาซื้อที่ร้านดอกหญ้า, ซีเอ็ดบุ๊ค จะมีไม๊??

ผู้แสดงความคิดเห็น รักมั่น วันที่ตอบ 2005-12-30 09:12:45


ความคิดเห็นที่ 2 (341154)
avatar
asinatantra
โห เจ้าบ้าน โหด อะ เล่นตั้งหัวข้อให้อยากรู้ อะ . . .
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2005-12-30 09:58:28


ความคิดเห็นที่ 3 (344482)
avatar
แคท

เจ้าบ้าน มุข นี้ไม่ตาลก เลย

อยากรู้

ก้อคง ต้องคอย อีกตามเคย

ผู้แสดงความคิดเห็น แคท วันที่ตอบ 2006-01-02 02:41:15


ความคิดเห็นที่ 4 (345158)
avatar
วินเซิร์ฟ ^-^

น่านน่ะจิ.... มีมุขตา-หลอดเรยยย....

เอ... แบบนี้เนี่ยอารมณืไหนหว่า???

งง!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น วินเซิร์ฟ ^-^ วันที่ตอบ 2006-01-02 23:57:53


ความคิดเห็นที่ 5 (374599)
avatar
jam

โดนหลอกให้เข้ามาเดินเล่น แล้วเมื่อไหร่จะได้อ่านคะ สงสัยต้องไปถามที่เทวาลัย

ผู้แสดงความคิดเห็น jam วันที่ตอบ 2006-01-31 00:38:44


ความคิดเห็นที่ 6 (374643)
avatar
เจ้าบ้าน

เรื่องกันนัปปะ ได้ถูกกล่าวเอาไว้ในพระ เปริยะ ปุรานัม จารึกไว้เป็นภาษาทมิฬทางภาคใต้ของประเทศอินเดีย มีเรื่องเล่ากันว่า :

ในมณรัฐทมิฬ นาดู ยังมีพวกคนป่า มีอาชีพล่าสัตว์ เพื่อเลี้ยงชีพ โดยมีเชื้อสายเป็นชาวอุคุปุระ ทุก ๆ วันพวกเขาจะกราบไหว้บูชาต่อพระ ขัณฑกุมาร(พระมูรูคัณ พระโอรสแห่งพระศิวะเทพ) ด้วยมีพราน นคัน เป็นหัวหน้าชนเผ่านี้ และเขาจะเป็นผู้นำในการสวดสรรเสริญอ้อนวอนบูชาต่อเทพเจ้า โดยขอให้การประกอบอาชีพแห่งชาวเผ่าของเขาปราศจากอุปสรรคและความทุกข์ความชั่วร้ายทั้งหลาย ในตอนรุ่งเช้าของทุก ๆ วัน พราน นคัน จะนำพวกออกนอกหมู่บ้านเพื่อล่าสัตว์อันเป็นอาชีพหลักของตน ในการล่าสัตว์ทุก ๆ ครั้ง พวกเขาจะไล่ฆ่าสัตว์เพียงสัตว์ใหญ่และสัตว์ที่ดุร้ายเท่านั้น ส่วนสัตว์ที่น่ารักและไม่ทำอันตรายต่อคน และ สัตว์อื่นจะถูกสั่งห้ามล่าเป็นอันขาดเพื่อเก็บรักษาเอาไว้ให้ป่ามีความสุขสงบ  พอพลบค่ำก็จะเดินทางกลับหมู่บ้านโดยมีผู้หญิงและเด็ก ๆ ออกมาต้อนรับ ชีวิตทั้งหลายในหมู่บ้านมีแต่ความสุขสงบ

แต่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ความเศร้าโศกเป็นทุกข์ ด้วยว่าเขาไม่มีบุตรไว้สืบสกุลวันหนึ่งเขาจึงพูดกับภริยาของเขาถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องประกอบพิธีกรรมทางศาสนาบวงสรวงต่อเทพเจ้าประจำหมู่บ้านที่คุ้มครองพวกตนให้มีแต่ความสุข เพื่อขอให้พระองค์ประทานบุตรให้สักคน ในเวลาต่อมานางพรานก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักแข็งแรง

พราน คนัน จึงจัดพิธีรับขวัญลูกชายและได้ตั้งชื่อว่า ตินนัน (ต่อมาภายหลังรู้จักกันในนามว่า พระกันนัปปะ)

เด็กชาย ตินนัน ได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรงเมื่ออายุย่างเข้า 8 ขวบ บิดาก็นำออกป่าล่าสัตว์ด้วย เขาได้แสดงความเก่งกล้าหาญในการล่าสัตว์เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นายพรานว่าเขาสามารถออกป่าได้เพียงลำพัง เป็นที่ชื่นชมยินดีต่อผู่เป็นบิดามากและเพื่อให้มีความชำนาญกว่านี้ เขาจึงนำบุตร ตินนันไปฝากไว้กับผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านเพื่อสั่งสอนให้มีความรู้มากยิ่งขึ้นในการใช้อาวุธ การออกล่าสัตว์และวิชาความรุ้ในแขนงอื่น ๆ จนเก่งกล้าชำนาญ เมื่อโตขึ้นเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดา นำพวกออกล่าสัตว์

ในวันหนึ่งขณะที่กำลังล่าสัตว์ พราน ตินนัน ได้เดินทางไปถึงยังเชิงเขา กาลหัสติ เขาและเพื่อนได้หยุดพักผ่อน ณ ที่นั้น พราน ตินนันได้เห็น วิหารแห่งพระศิวะเทพเข้า จึงได้วิ่งเข้าไปในวิหารนั้นด้วยความปิติยินดีมาก ด้วยใจรักและบูชาที่ได้เห็นเทพเจ้าประทับเป็นเวลาเดียวกันที่พราหมณ์ผู้ดูแลรักษาวิหารออกไปข้างนอกทิ้งวิหารไว้ว่างเปล่า

เมื่อเข้าสู่พระวิหาร พราน ตินนัน ได้เห็น พระสัญญลักษณ์แห่งพระศิวะเทพ(พระศิวะลึงห์)ตั้งอยู่ตรงกลางพระวิหาร เขาจึงตรงหรี่เข้าไปกอดพระศิวะลึงค์นี้ด้วยความยินดีมากและร้องขึ้นว่า

“ ข้าแต่เทวะ ข้าพเจ้าได้พบพระองค์แล้ว ต่อจากนี้ไปข้าพเจ้าจะขอรับใช้บูชาพระองค์ตลอดไป ข้าพเจ้าจะนำข้าวของดอกไม้อาหารมาถวายต่อพระองค์” พราน ตินนัน จึงได้ออกไปนอกวิหาร เพื่อเก็บดอกไม้และหาอาหารมาถวายแก่พระศิวะลึงค์ เมื่อเขาหาดอกไม้ได้แล้วส่วนเรื่องอาหารนั้นเขาไม่รู้จะนำสิ่งใดถวาย และด้วยความคิดของเขาคิดว่าก้อนเนื้อที่เขาล่ามาได้นับว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จึงนำเอาก้อนเนื้อที่ล่ามาได้คัดหาก้อนที่เนื้อดีที่สุดนำไปถวายบูชาต่อพระศิวะลึงค์และได้แสดงความเคารพบูชาโดยได้กล่าวว่า ข้าแต่เทวะ ข้าพเจ้าได้นำเอาก้อนเนื้อที่ดีมีรสอร่อยมาถวายต่อพระองค์ ขอทรงโปรดรับเอาไว้ด้วย เขาได้แสดงความเคารพครั้งแล้วครั้งเล่าเขาได้นั่งอยู่ในวิหารนี้จนตกเย็นด้วยความยินดีจนเพื่อนทั้งหลายมาชวนกันกลับยังหมู่บ้าน พรานตินนัน คิดว่าในวันต่อมาเขาจะต้องนำดอกไม้และอาหารมาถวายต่อเทพเจ้าด้วยความเคารพอย่างมั่นคงแน่วแน่

เมื่อพราน ตินนัน ได้ออกจากวิหารไปไม่ช้านานนัก ผู้ดูแล (พราหมณ์) ประจำวิหารได้เดินทางกลับจากธุรเข้ามาในวิหาร แต่ต้องตกตลึง เมื่อเห็นมีก้อนเนื้อ (ซึ่งพวกพราหมณ์เป็นผู้ถือเคร่งในมังสะ) มาวางถวายไว้ที่บูชาพระศิวะลึงค์ เขาจึงรีบเก็บกวาดทำความสะอาดและถูล้างวิหารเป็นการใหญ่และชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์แล้วนำดอกไม้ผลไม้มาถวายแทนทีก้อนเนื้อนี้ ได้กล่าวสวดมนตร์บูชาต่อพระศิวะลึงค์ และกราบทูลขอประทานอภัยต่อเทวะ

                ในวันต่อมาและเสมอ ๆ พราหมณ์ผู้บูชาประจำวิหารได้ออกนอกวิหารเป็นเวลาเดียวกับที่ พราน ตินนั้น ได้เข้ากราบบูชาถวายด้วยก้อนเนื้อเหมือนเช่นวันก่อน เช่นกันเมื่อเขาเดินทางกลับ พราหมณ์ประจำวิหารก็กลับมาถึงและได้ทำความสะอาดวิหารและกราบไหว้บูชาใหม่เป็นเช่นนี้อยู่นานก็ด้วยอภินิหารย์แห่งพระศิวะมายานั่นเอง

                เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่พ้นสายพระเนตรแห่งพระศิวะเทพเลย พระแม่ปารวตี ทรงบังเกิดความสงสัยในพระทัยมากจึงทรงกราบทูลถามพระสวามีว่า :

                “ข้าแต่เทวะในระหว่างผู้เคารพบูชาพระองค์ทั้ง สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นพราหมณ์ผู้อุทิศชีวิตทั้งหมดในการกราบไหว้บูชาต่อพระองค์เฝ้าดูแลรักษาวิหารให้สะอาด กับ นายพรานผู้มีอาชีพล่าสัตว์ทำลายชีวิตผู้อื่นและได้นำเนื้อสัตว์มาถวายบูชาพระองค์ซึ่งเป็นการผิดต่อการกราบไหว้บูชาเทพ คนทั้ง 2 นี้ ใครกันเล่าที่นับได้ว่าเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ที่แท้จริง”   พระศิวะเทพทรงมีรับสั่งว่า    “ขอให้จงคอยดูต่อไป ข้าจะใช้มายาทดสอบคนทั้ง 2 นี้แล้ว เมื่อนั้นนางจะเข้าใจว่าใครกันเล่าที่ถือว่าเป็นสาวกที่แท้จริงของข้า”

(ไว้เล่าต่อวันหลัง)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน วันที่ตอบ 2006-01-31 07:10:20


ความคิดเห็นที่ 7 (374644)
avatar
เจ้าบ้าน

ในวันที่ 6 เมื่อพราหมณ์ ได้เดินทางเข้าสู่ยังพระวิหารเหมือนเช่นเดิมเขาได้ทำความสะอาดบริเวณวิหาร แต่เกิดปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งขึ้นก็คือ ณ ที่ ศิวะลึงค์ ปรากฏมีดวงตาคู่หนึ่งขึ้นมา พราหมณ์คิดว่าเป็นเพราะบุญบารมีของเขาพระมหาเทวะทรงแสดงพระองค์ ปรากฏมีโลหิตไหลออกมาไม่ยอมหยุด เขารำพึงในใจว่า “ทำไมดวงพระเนตรที่ปรากฏให้เห็นถึงได้มีโลหิตไหลออกมาไม่ยอมหยุดไหลคงเกิดอาเพศสิ่งใดแน่ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาแต่ก่อนเลยหรือว่าพระองค์คงปรารถนาดวงตามาแทนที่แน่” เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วพราหมณ์ตกใจหวาดกลัวที่จะต้องเสียสิ่งที่หวงแหนมากในชีวิตถวายต่อพระศิวะเทพ เขาจึงรีบวิ่งหนีจากไปไกลทิ้งให้วิหารล้าง

                เป็นเวลาเดียวกันกับที่พราน ตินนัน เขามาเพื่อถวายก้อนเนื้อและกราบไหว้บูชาต่อพระศิวะลึงค์ ก็เกิดปรากฏการณ์เช่นเดียวกันขึ้น คือมีดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนศิวะลึงค์และต่อมาก็เกิดมีโลหิตไหลออกมาจากดวงตาข้างซ้าย เขาได้รำพึงกับตนเองว่า  “ใครผู้ใดที่ทำให้เกิดอาเพศนี้ขึ้น พระองค์จะทรงทรมานมาก ขออย่าทรงวิตกข้าแต่เทวะข้าพเจ้าจะหายามาช่วยรักษาให้พระองค์หายจากความเจ็บปวดทรมาน ขอโปรดรอข้าพเจ้าสักครู่ “แล้วพราน ตินนัน ได้รีบออกเดินทางหาสมุนไพรมาและบดผสมเป็นยาทาป้ายที่ดวงตาข้างซ้ายที่มีโลหิตไหลออกมา แต่ด้วยพระศิวะมายาโลหิตไม่ยอมหยุดไหล”  ข้าแต่เทวะ โลหิตไม่ยอมหยุดไหล ขอให้จงบอกแก่ข้าพเจ้าว่ามียาวิเศษใดบ้างที่จะช่วยได้ ข้าพเจ้าจะเที่ยวหามาถวายแก่พระองค์เพื่อให้ทรงหายจากการทรมานนี้ จึงจะให้ โลหิตหยุดไหลได้ หรือว่าข้าแต่เทยะ ข้าพเจ้าจะต้องมอบดวงตาของข้าพเจ้านี้แทนจึงจะทำให้พระองค์หาจากการทรมานนี้ได้”  ด้วยความคิดเช่นนี้ พราน ตินนัน ด้วยความเคารพบูชายิ่งใหญ่ เขาจึงหยิบลูกธนูออกมาใช้ปลายแหลมควักดวงตาข้างซ้ายของเขาออกมาและได้ใส่ไว้แทนที่ดวงตาข้างซ้ายของพระศิวะลึงค์ทำให้โลหิตหยุดไหล สร้างความปิติยินดีต่อพราน ตินนัน มากที่ได้ช่วยเหลือต่อเทพเจ้าที่ตนเคารพนับถือ แต่ว่าเขายินดีได้ไม่นานก็เกิดอาเพศอีก คือว่าดวงตาข้างขวาที่ดีอยู่มีโลหิตไหลออกมาแทน เขาได้คิดว่าพระองค์คงปรารถนาดวงตาข้างขวา จึงทูลว่า :

                                “ข้าแต่เทวะ ข้าพเจ้ารับทราบถึงพระประสงค์แห่งพระองค์แล้ว ข้าพเจ้ายินดีทูลถวายให้แก่พระองค์ เพื่อให้พระองค์ทรงหายจากความทรมาน” แต่เขาต้องหยุดคิดสักครู่หนึ่งว่า ถ้าหากเขาควักดวงตาที่เหลือแล้วเขาจะมองไม่เห็นและจะใส่ดวงตานี้แทนดวงเนตรของพระศิวะที่มีโลหิตไหลได้ถูกต้องอย่างไร เขายอมสละให้ด้วยใจจริงไม่หวั่นเกรงภัยสิ่งใดและด้วยความคิดแวบหนึ่ง เขาได้ใช้เท้าวางไว้ตรงดวงเนตรที่มีโลหิตไหลเป็นเครื่องหมายและได้ใช้ปลายลูกธนูควักดวงตาข้างที่เหลือออกมาถวายพระศิวะเทพ แต่ก่อนที่จะลงมือทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของพระศิวะขึ้นตรงหน้าและทรงห้ามพราน ตินนัน ว่า “จงหยุดการกระทำเช่นนั้นเสีย คนทั้งหลายที่กราบไหว้บูชาข้าก็เพียงขอให้ข้าปรากฏองค์ให้เห็น มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยอมเสียสละดวงตาให้แก่ข้าแล้วเจ้าจะเห็นข้าได้อย่างไร ข้ายินดีต่อการกราบไหว้บูชาของเจ้าที่ยอมแม้แต่จะต้องเสียสิ่งอันเป็นสุดที่รักยิ่งเท่าชีวิตมอบถวายแก่ข้า ข้าจะคืนดวงตาให้แก่เจ้า”

                และพระศิวะเทพทรงประทานพรให้พราน ตินนัน ให้มองเห็นได้ทั้งสองข้างและทงมอบพรยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ให้แก่เขาด้วย พระศิวะเทพทรงตรัสว่า :

                “เจ้า กันนัปปะ (ผู้ที่ยอมถวายดวงตาเป็นเครื่องบูชา) เจ้าเป็นผู้ที่หาคนเปรียบเทียบเท่าได้แล้วในโลก ขอให้เจ้าจงไปอยู่รับใช้ข้า ณ เขาไกลาศ จงมาเป็นบริวารคณะของข้าคนหนึ่งข้าจะได้พบเห็นเจ้าได้ตลอดเวลาที่นึกถึง”

                พราน ตินนัน (กันนัปปะ) ได้ก้มกราบพระบาทพระศิวะเทพและขอบพระทัยที่พระมหาเทพทรงโปรดต่อการกราบไว้บูชาของตน เขาได้เดินทางตามเสด็จไปสู่ยังที่ประทับของพระศิวะเทพและได้รับใช้เป็นบริวารที่ใกล้ชิดกับพระมหาเทวะ

                นับได้ว่าเขาเป็นบริวารคณะแห่งพระศิวะเทพที่มั่นคงต่อพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนได้ ยอมสละดวงตาอันเป็นที่รักยิ่งต่อมนุษย์ พระแม่ปารวตีจึงทรงรับทราบถึงความเคารพบูชาที่มั่นคงว่าจะเป็นใครก็ตามถึงแม้ว่าเขาผู้นั้นไม่เคยปฏิบัติกิจแห่งพราหมณ์ เช่น พวกพราหมณ์ในวรรณะพราหมณ์ทั้งหลายที่ประกอบกิจการกราบไหว้บูชาตลอดทั้งชีวิตก็ยังมีจิตใจไม่มั่นคงต่อเทพเจ้าดั่งเช่นเรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงการตั้งมั่นบูชาต่อเทพเจ้าพระองค์จะทรงทราบทุกอย่างและจะทรงมีพระเมตตาและไม่ละทิ้งคนเหล่านั้น พระองค์จะให้ความช่วยเหลือให้เขาทั้งหลายมีความสุขและมีโชคลาภอุดมสมบูรณ์ ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

(จบแล้วนะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน วันที่ตอบ 2006-01-31 07:12:55


ความคิดเห็นที่ 8 (374645)
avatar
เจ้าบ้าน
อ่านจบแล้วได้อะไรบ้างครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน วันที่ตอบ 2006-01-31 07:15:06


ความคิดเห็นที่ 9 (375035)
avatar
asinatantra

กระผม อ่านจบ แล้ว นึกถึงคำเปรียบเปรยที่ว่า  " ชุดที่นักบวชใส่มิได้หมายถึงตัวตนของนักบวชคนนั้น "  คนที่สวมใส่ชุดนักบวชขั้นสูงก้อมิได้แปลว่า จิตใจของนักบวชผู้นั้นจะสูงตาม อะ ครับ. . .

ละก้อ อีกอย่าง คือ คำว่า รู้จักรอ. . . รอเผื่อให้ได้ความรู้ อะ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-01-31 13:19:59


ความคิดเห็นที่ 10 (375038)
avatar
...

มิตรแท้จะพบได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในมุมมืด.....

ผู้แสดงความคิดเห็น ... วันที่ตอบ 2006-01-31 13:23:22


ความคิดเห็นที่ 11 (375265)
avatar
ตฤณ

อ่านจบแล้ว รู้สึกขึ้นมาเลยว่า "ศรัทธา" และ "ความเชื่อ" ของกันนัปปะที่มีต่อมหาเทพช่างน่านับถือจริง ๆ ผู้ที่ถวายความรัก ศรัทธา ต่อพระองค์จะได้รับพรจากพระองค์เสมอ เพียงแต่ท่านมีความเพียรที่จะสักการะบูชาเท่าใด มีความรักต่อพระองค์จริงแท้แค่ไหน ท่านจะได้รับสิ่งนั้นตอบจากพระองค์

ผู้แสดงความคิดเห็น ตฤณ วันที่ตอบ 2006-01-31 16:16:29


ความคิดเห็นที่ 12 (667033)
avatar
ป้าแมว

ขอตอบด้วยคนค่ะ 

การเคารพในพระองค์เทพนั้น  ไม่มีการแบ่งชั้น วรรณะ เพียงแต่ขอให้มีความเลื่อมใส  เชื่อมั่น  และมั่นคง ศรัทธาอย่างเป็นที่สุด  ก็จะสามารถได้พรอันสุดประเสริฐจากพระองค์

ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าแมว วันที่ตอบ 2006-10-19 14:53:13



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.