ReadyPlanet.com


เรียนท่านผู้รู้คะพิธีที่ขอลาภในวันที่17กุมภาพันธ์ คือเทพองค์ใดคะ
avatar
มูมู่


วันนั้นได้เข้าร่วมพิธีขอลาภ คือขอทรัพย์สมบัติที่เป็นของเราในอดีตได้นำมาใช้ในชาตินี้บางส่วน อยากทราบว่าเทพองค์ที่เราได้ทำพิธีนั้นคือเทพองค์ใดคะ วันนั้นทำพิธีจนเสร็จได้ยินแต่จำชื่อไม่ได้อ่ะค่ะอยากทราบ เพราะองค์เทพนั้นน่าเกรงขาม และศรัทธามากค่ะ เรียนท่านผู้รู้ได้โปรดเมตตา อยากทราบประวัติขององค์เทพท่านด้วยค่ะ ว่าเป็นมาอย่างไร


ผู้ตั้งกระทู้ มูมู่ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2007-02-23 23:59:16


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (834458)
avatar
เจ้าบ้าน
ท้าวกุเบร เจ้าแห่งกรุง อัลกา ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน วันที่ตอบ 2007-02-25 18:08:51


ความคิดเห็นที่ 2 (835829)
avatar
มูมู่

บริวาร-กุเบร

พระกุเบร ยักษ์ผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สิน

พระกุเบร คนไทยเรียก ท้าวกุเวรหรืออีกนัยหนึ่งว่า ท้าวเวสสุวรรณ ถือเป็นบริวารคนสนิทของพระศิวะอีกคนหนึ่ง ทรงเป็นเทพเจ้าผู้พิทักษ์ดินแดนทางเหนือแห่งจักรวาล เป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ทรงเป็นกษัตริย์แห่งยักษ์ ครองเมืองอัลกา ซึ่งอยู่ใกล้เทือกเขาหิมาลัย

ว่ากันว่า พระกุเบรนั้นมีผิวพรรณเป็นสีทองคำเหมือนกับรัศมีของ ดวงอาทิตย์ ทรงภูษาชั้นในด้วยผ้าสีแดง ชั้นนอกเป็นสีขาว สร้อยพระศอเป็นเหรียญทองคำ ทรงประดับเพชรพลอยเต็มพระองค์ พาหนะส่วนพระองค์คือ จิ้งจอกทองคำ ทำหน้าที่เดียวกับพระลักษมีเทวี(ในแง่ของการอำนวยโชคและทรัพย์สินเงินทอง)ทรงมีพุงพุ้ย ทรงมี 2 กร พระกรขวาทรงถือนิธิส (ถุงใส่เงินทอง)พระกรซ้ายถือตะบอง บางแห่งบอกมี 4 กร โดยเพิ่มหม้อน้ำกมันทลุ และผลมะนาวหรือแก้วสารพัดนึก ลักษณะพิเศษประจำพระองค์คือ ฟัน 8 ซี่ และมี 3 ขา

เรื่องราว ของพระกุเบรเกี่ยวพันกับการจุดประทีป โดยเฉพาะการถวายแสงสว่างแก่พระศิวะ

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นพระกุเบรนั้น เขาเป็นลูกของพราหมณ์ญาณทัตตะในแคว้นกัมปิลยะ พราหมณ์ผู้นี้รอบรู้ในพิธีการและพระเวทเป็นอย่างดี ในขณะที่พราหมณ์คุณนิธิ ผู้เป็นลูกชายนั้นมีนิสัยตรงข้ามกับพ่อโดยสิ้นเชิง ชอบเที่ยวเตร่ เฮฮา ดื่มเหล้า ให้ร้ายป้ายสีคนอื่น ลักขโมย เล่นการพนันและติดสาวโสเภณี ผู้เป็นพ่อจับนิสัยลูกได้ จึงตัดขาดจากการเป็นพ่อลูกทันที

พราหมณ์คุณนิธิกลายเป็นคนพเนจรไร้ซึ่งทรัพย์สินใด ๆวันนั้นยังไม่มีอาหารใด ๆตกถึงท้อง และเขานั่งตัดพ้อต่อว่าชีวิตครั้งใหญ่ ระหว่างนั้น เขาเห็นเหล่าสาวกที่ศรัทธาในพระเป็นเจ้าได้นำเครื่องสังเวยไปบูชาพระศิวะในวันศิวาราตรีเมื่อเขาได้กลิ่นอาหารอันโอชะ เขาคิดช่องทางว่า หากสาวกเหล่านั้นหลับสนิทเมื่อไหร่ จะขโมยอาหารเหล่านั้นมากินแก้ความหิว

หลังจากเหล่าสาวกสิ้นสุดพิธีบวงสรวง ต่างแยกย้ายกันเข้านอนพราหมณ์หนุ่มเริ่มดำเนินการตามความตั้งใจไว้ทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงไฟที่ตะเกียงบนแท่นบูชาพระศิวะริบหรี่ลง พราหมณ์หนุ่มก็เลยตัดสินใจฉีกชายเสื้อมาเป็นไส้ตะเกียง ไม่ใช่เพราะว่า ศรัทธาในพระเป็นเจ้าหรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะอยากเห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจนขึ้น หลังจากนั้นเขาได้รีบฉกฉวยเอาอาหารรสเลิศและวิ่งออกจากเทวาลัยทันที ระหว่างที่เร่งรีบนั้น ไม่ทันระวังไปเหยียบเอาสาวกพระศิวะที่นอนอยู่คนหนึ่งเข้า ความเลยแตก เกิดการโวยวายขึ้นมา พวกสาวกทั้งหลาย เห็นชายแปลกหน้ามาขโมยของที่เขานำมาถวายต่อพระเป็นเจ้าก็โกรธเป็นกำลัง เข้ารุมทำร้ายชายแปลกหน้า จนล้มตายตรงหน้า
ยมฑูตมารับเอาดวงวิญญาณของพราหมณ์คุณนิธิ ขณะนั้นบริวารแห่งพระศิวะเทพได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าฑูต

"ข้าแต่ท่านยมฑูต ขอให้ปลดปล่อยดวงวิญญาณพราหมณ์หนุ่มผู้นี้เสียเขาไม่สมควรถูกท่านนำไปลงโทษ เพราะบาปทั้งหมดของเขาได้หมดสิ้นไปแล้ว"ยมฑูตเกิดความสงสัยเป็นกำลัง จึงถามว่า

"ข้าแต่บริวารแห่งคณะผู้ยิ่งใหญ่ เขาผู้นี้เป็นพราหมณ์ที่ประพฤติชั่วร้ายมากทำลายประเพณีและวัฒนธรรมแห่งครอบครัวของพราหมณ์ ทำลายชื่อเสียงวงค์ตระกูลแห่งบิดา-มารดาเขาไม่ปฏิบัติกิจแห่งพราหมณ์ไม่ได้ชำระร่างกายทางศาสนาในครั้งนี้เขาทำบาปมหันต์ด้วยการขโมยอาหารของพระเป็นเจ้า"

บริวารแห่งพระศิวะได้ฟังถ้อยความของยมฑูต จึงสำรวมจิตถึงพระเป็นเจ้าและตอบคำถามดังนี้

"ข้าแต่ท่านยมฑูต พระศิวะเทพเป็นผู้ทรงธรรมยิ่งใหญ่ต่อเหล่าบริวารแห่งพระองค์อย่างตลอดกาล ทำไมบุตรแห่งพราหมณ์ญาณทัตตะผู้นี้จึงได้เชื่อว่าหลุดพ้นจากบาปทั้งปวง

พราหมณ์หนุ่มผู้นี้ด้วยต่อเชื้อเพลิงให้สว่างขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจด้วยเศษผ้าแม้ว่าจะเป็นการกระทำ
เพียงเล็กน้อยแต่ทว่ายิ่งใหญ่ เขาได้นั่งรอเวลาเพื่อให้ความดึกสงัดเข้าครอบคุมเทวาลัยระหว่างนั้น เขาได้นั่งฟังสวดสรรเสริญถึงพระนามแห่งศิวะเทพตลอดพิธีบวงสรวง อาหารที่เขาขโมยมานั้นยังไม่ตกถึงท้องแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้ เขาจะต้องเดินทางไปยังศิวะโลกพร้อมกับเรา เพื่อรับผลบุญนี้เป็นเขาจะต้องเดินทางไปยังศิวะโลกพร้อมกับเรา เพื่อรับผลบุญนี้เป็นเวลาหนึ่งก่อน ขอให้ท่านปลดปล่อยดวงวิญญาณนี้ และเดินทางกลับสู่ยมโลกเพื่อทราบทูลต่อพระยายมราชถึงเหตุนี้"

พระยายมราช เมื่อทราบความทั้งหมด ทรงมีรับสั่งว่า "พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังคำสั่งของข้าให้ดีทุกคนขอให้เจ้าทุกคนละเว้นจากบุคคลทั้งหลาย ผู้เจิมหน้าผากด้วยเครื่องหมายตรีปุณทร (เครื่องหมายสามขีด)ด้วยขี้เถ้าสีขาว ละเว้นผุ้สวมใส่เทวรูปแห่งศิวะเทพ ผู้สวมใส่ประคำรุทรักษะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จงอย่านำวิญญาณเหล่านี้มายังยมโลก"

หลังจากพราหมณ์หนุ่มได้เสวยสุขในศิวะโลกชั่วระยะหนึ่ง ได้ถือกำเนิดเป็นโอรสแห่งกษัตริย์อรินทัมแคว้นกลึงคะ ตั้งอยู่ในคุณความดีและเป็นสาวกแห่งพระศิวะเทพ ตลอดชีวิตของการเป็นกษัตริย์ได้สร้างวัด ซึ่งประดับประดาด้วยดวงประทีป ตลอดทั้งแว่นแคว้นของพระองค์แสงสว่างไม่เคยขาดช่วงเลย ด้วยการปฏิบัตินี้จึงทำให้พระองค์มีสมบัติมากมายเพิ่มทวีคูณมากขึ้น หลังสิ้นพระชนม์ชีพ ด้วยแสงสว่างจากดวงประทีปที่ประกอบต่อเนื่องมาตลอดช่วงที่มีชีวิตอยู่ ยังผลให้พระองค์ไปบังเกิดเป็นท้าวกุเบร กษัตริย์ยักษ์แห่งแคว้นอัลกามีพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า ประภา

คราวหนึ่งกษัตริย์แห่งอัลกาผู้นี้ ได้เข้มงวดในสมาธินานถึง 2 พันปี พระศิวะเทพและพระนางปราวตีปรากฏตรงหน้าแสงสว่างประดุจพระอาทิตย์พันดวงทำให้พระกุเบรมิอาจชื่นชมพระบารมีแห่งพระศิวะได้กระจ่างตา เพียงมหาเทพวางพระหัตถ์แตะบนร่างของพระกุเบรนั้น ทำให้เขามีพลังพอที่จะชื่นชมในพระบารมีแห่งมหาเทวะได้

พระกุเบรเห็นพระแม่อุมาครั้งแรก จึงรำพึงกับตัวเองว่า
"เป็นพระองค์ใดเล่า ที่ทรงประทับยืนเคียงข้างพระองค์ผู้เป็นใหญ่ ทรงมีพระรูปโฉมงดงามมาก ยากจะหาหญิงใดมาเทียบเท่า พระนางประกอบสมาธิอันใดเล่า ถึงมีพระบุญญาธิการยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ "พระกุเบรได้รำพึงกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจ้องมองพระนางอุมาด้วยความอิจฉาในบุญญาธิการจนดวงตาด้านซ้ายของเขาระเบิดออกมา

"ข้าแต่เทวะ ทำไมชายชั่วผู้นี้ พระองค์ทรงให้พรต่อการทำสมาธิของเขา เขาได้จ้องมองข้าพเจ้าด้วยดวงตาข้างขวาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความฉงนสงสัยเขารู้สึกต่อข้าพเจ้าอย่างไรกันแน่ โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบด้วยเถิดเพคะ"

พระแม่เจ้าตรัสถามพระศิวะเทพผู้เป็นสวามี พระองค์ทรงหัวเราะเมื่อได้ยินคำถามจากพระชายา

"โอ อุมาเทวีเขาผู้นี้เปรียบได้กับโอรสของนาง เขาไม่ได้จ้องมองนางตามที่นางคิดโกรธหรอก เขาเพียงพรรณาถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจแห่งสมาธิของนางเท่านั้น"

พระศิวะเทพกล่าวตอบนางผู้เป็นชายา และหันไปตรัสกับพราหมณ์หนุ่มผู้นี้ว่า

"ลูกรักข้ายินดีและพอใจอย่างมากต่อการทำสมาธิระลึกถึงข้า ข้าจะมอบพรอันวิเศษตามที่เจ้าปรารถนาอยากได้ เจ้าจะได้เป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในจักรวาลและจะได้เป็นเทพเจ้าแห่งพวกคุหยักษ์ เจ้าจะได้เป็นกษัตริย์แห่งพวกยักษ์ ,กินนรและเจ้าผู้ปกครองคนทั่วไป เจ้าจะเป็นผู้นำแห่งพวกบุณยะญาณ เป็นเทพเจ้าผู้ประทานทรัพย์สินเงินทองแก่จักรวาล

อันสัมพันธ์ของเจ้ากับตัวข้านั้นจะอยู่ชั่วกาลปวสาน ข้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าตลอดกาล จะอยู่ในแคว้นของเจ้าและจะปกป้องคุ้มครองดูแลเจ้าอย่างใกล้ชิดเหมือนบริวารคณะของข้าทีเดียว บุตรแห่งพราหมณ์ญาณ ทัตตะ ผู้เป็นสาวกของข้า ขอให้เจ้าเข้ามาใกล้ ๆพระแม่องค์นี้คือ พระมารดาของเจ้า จงน้อมกราบพระบาทของนางด้วยความเคารพบูชา"

เมื่อรับฟังคำแห่งพระสวามี พระแม่ปราวตีมารดาแห่งจักรวาลทรงมีรับสั่งต่อบุตร

ใช่หรือเปล่าคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มูมู่ วันที่ตอบ 2007-02-26 16:30:53



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.