ReadyPlanet.com


แก่นของตันตระ และ ตันตระเทวาลัย ครั้งที่ 2
avatar
asinatantra


แก่นของตันตระ และ ตันตระเทวาลัย

อะไรคือจุดหมายของตันตระ และตันตระเทวาลัย  .. มันต่างหรือเหมือนกันตรงไหน???



ผู้ตั้งกระทู้asinatantra ( ) ::วันที่ลงประกาศ 26-10-2006 16:48:06

ความเห็นที่ 1 (674688)

ผมได้อ่านกระทู้ความทุกข์หลาย ๆ กระทู้หรือความคิดเห็นหลาย ๆ อย่างในเว๊ปนี้แล้วก็แค่อยากมาบ่น..บ่นอะไรนะเหรอ??

ตันตระ  คือศาสตร์  แห่งหารพ้นทุกข์โดยปรัชญาแต่แฝงไว้ซึ่งอำนาจ  เราจะพ้นทุกข์จากความเป็นมนุษย์ที่เป็นอยู่และ แน่นอนมันไม่ใช้การฆ่าตัวตายแต่อย่างใด แต่มันเกิดจากการวาง และทำความเข้าใจข้อเด่นดี และข้อด้อยเสีย ของมนุษย์ และตันตระจะแก้เสีย

ตันตระเทวาลัย  คือสถานที่ๆ เหล่าตันตริกถวายตัวรับใช้องค์เทพที่เหล่าตันตริก โดยเดินตามรอยเท้าเจ้าบ้าน ซึ่งเราเคารพ และเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของท่าน...แน่นอนถ้าเอาแนวคิดร้อยเปอร์เซ็นต์ของความเป็นตันตระมาใช้ในการแจง ช่วยแก้ปัญหาทุกข์ใจกับ เหล่ามนุษย์ผู้ทุกข์ใจ ที่มาที่ตันตระเทวาลัยนี้  ย่อมไม่มีใครรับได้และเข้าใจ  แต่ใจที่อยากช่วยผู้ที่มีวาสนาและชะตาต้องกันให้มาได้พบเจอ  นั้นทำให้พวกเรายอมเสียความเป็นตันตริกส่วนหนึ่ง และเวลาเรียนส่วนตัวส่วนหนึ่ง  ปรับลดวิธีการ และค้นหาวิธีบูชาเทพ และศึกษามันเพื่อนำมาบอกแก่มนุษย์ทั้งหลาย  เพื่อให้เห็นแค่รอยยิ้มของพวกเค้า...

ทำให้วิถีคิดของคนตันตระในเว๊ปนี้ ดูแปลก



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 26-10-2006 16:57:09
ความเห็นที่ 2 (674713)

หลาย ๆ ครั้งที่มีคำถามเกิดขึ้นว่า "อยากทำของ ทำผูก ทำเสนห์" ฯลฯ  จึงไม่มีตันตริกคนไหนจะตอบกระทู้นั้นๆ เพราะเราไม่เห็นด้วย  การไม่เห็นด้วยไม่ใช่ทำไม่เป็น  แต่เพราะทำเป็นและทำได้ผลจึงรู้แล้วว่าหลังจากได้ผลในการกระทำไสย  ผลที่ตามจะเป็นอย่างไร  พวกเราจึงศึกษาวิธีที่ได้ผลเสียน้อยที่สุดวิธีหนึ่งขึ้นมา คือ การบูชาเทพ   เพื่อขอให้ท่านประทานสิ่งที่บุคคลต่าง ๆ หวังและ/หรือ ขอประทานแก้ทุกข์ แก้ปัญหาให้  มาให้ทุกท่านที่ผ่านมาปรึกษาเรา  แต่เราก็พบปัญหาที่บุคคลต่าง ๆ มักจะถามกันขึ้นมาว่า

"ทำไมชีวิตเป็นแบบนี้  ทำไมถึงลำบาก ทำไมถึงมีแต่เรื่องแบบนี้"  แน่นอนคำตอบที่แท้จริงที่ทุกคนไม่อยากฟัง คือ คุณเกิดมาเป็นแบบนี้  วันเดือนปีเกิดและเวลาเกิด มันเป็นรหัสลิขิตของคุณเลยทีเดียว  แน่นอนว่าทุกคนกำหนดมันไม่ได้ มันถึงเป็นชีวิตที่คุณ ๆ ต้องรับสภาพไงหละ  ...ไม่ว่าชีวิตคุณ ๆ จะพบกับเรื่องดี และเรื่องแย่อย่างไร  ทุกอย่างมันเป็นของคุณ มันถูกกำหนดขึ้นมาให้เป็นคุณ   แต่ตันตระพบทางออกนั้น  แต่ใครหละจะเข้าใจศาสตร์อันนั้น  น้อยนักเท่าที่ผมได้เห็นได้ประสบ

คำถามยอดฮิตอีกอัน  " ทำแล้วเมื่อไหร่จะได้ ทำแล้วไม่เห็นดีเลย "  ผมว่าการขอพรเทพให้ช่วยกระทำการแก้สิ่งบกพร่องในความที่ตัวเราเป็นตัวเรานี้มัน จะเร็วเหมือนสั่งพิซซ่ามาเชียวเหรอ  ผมจะอึ้งกับแง่คิดแบบนี้ขึ้นมาทุกทีที่ได้ยิน...

จงจำไว้ว่าทุกสิ่งที่คุณประสบอยู่ในชีวิตอยู่นั้น  มันเป็นของ ๆ คุณเองมิใครนำมาให้  คุณเกิดมาเป็นแบบนั้น ด้วยรหัสที่ลิขิตคุณมาตั้งแต่เกิด......หากคุณอยากจะเปลี่ยนหรือหนีมันให้ได้  โชคร้ายครับ  มันไม่มีใส่***บห่อขายในร้านทั่วไป

มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า " มีเงินก็หาซื้อไม่ได้นะครับ "  จำไว้



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 26-10-2006 17:12:29
ความเห็นที่ 3 (674760)

รับทราบ และจะจดจำไว้ทุกกระบวนความค่ะ  เพราะว่า เลื่อมใส และศรัทธา  เข้าใจในทุกข์  และสุข  ในความเป็นมนุษย์  ที่ท่านอาจารย์หยิบยื่นให้   เพื่อหาหนทางของตนเอง มันเป็นความรู้ ที่หามิได้อีกแล้ว  นอกตันตระเทวาลัย

ถึงแม้ตัวเอง เปรียบเสมือน ต้นไม้ที่ถอนราก ถอนโคนมาจากที่อื่น  แต่ก็ยังมีผู้ช่วย ให้ลงราก ลงโคน  ณ ที่แห่งนี้  ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ 



ผู้แสดงความคิดเห็นป้าแมว ( ) วันที่ลงประกาศ 26-10-2006 17:39:24
ความเห็นที่ 4 (674784)

เพราะอะไรเงินถึงหาซื้อไม่ได้  เพราะว่าถึงแม้เราท่านจะมีเงินจ้างครูบาอาจาย์ที่เก่ง หรือที่มีประสบการณ์ และทดลองประสบการณ์จริงมาแล้วกับสิ่งที่กำลังจะสอน    ก็ใช่ว่าสติปัญญาของเราท่านจะยัด และ บรรจุเนื้อหา ที่ครูบาอาจารย์ท่านนั้น ๆ สอนเข้าไปในสมองเราได้  ไงครับ  นั้นหมายถึงเงินซื้อความรู้ยัดเข้าไปไม่ได้  แต่เงินซื้อโอกาสได้  จุดสุดท้ายมันก็วนกลับมาหาตนเองอีกครั้ง ..

บางคนถามว่า  จะให้คนรักกลับมาจะทำอย่างไรแต่อย่าตอบว่าให้ทำใจนะ  นั้นสิ แล้วจะให้ตอบว่าอะไรได้  เพื่อตอบคำถามง่าย ๆ ว่าแค่บลุคคลนั้นไม่รัก รักน้อยลง หรือเบื่อเราแล้ว.....โชคร้ายที่มันเป็นความจริง และนั้นแหละคือประตูของการหลุดพ้น   แต่มนุษย์รับไม่ได้ ฉันไม่ผิด เค้ายังรักฉันอยู่แน่นอน   แต่ถ้ารักทำไมไม่อยู่กับเราหละ  ทำไม่ไม่กลับบ้านหละ  ใช่ไม๊?? ของมันเป็นเหตุเป็นผลกันเองอยู่แล้ว  เออ...เค้าโดนของแน่นอน ฉันต้องทำมั่ง ..เรื่องก็เลยต่อกันไปผูกกันเป็นปมต่อไป..ไม่มีอะไรถูกแก้จากต้นเหตุเลย ทำให้ความทุกข์ทรมารใจยังคงอยู่ชั่วเดือน ชั่วปี  ...

เอาหละรับความจริงไม่ได้ ไม่เป็นไร แนวตันตระอาจจะแรงไป เอางี้ ลองบูชาเทพขอพรดู ไม่มีกรรม ไม่ผูกพัน ลองใช่คำพูดคำกล่าวของท่านกับเคล็ดนิดหน่อยขอพรให้ท่านเมตตานำเค้ากลับมาหา  ดีไหม ไม่ดีอีก  เห็นไหมว่ามันปวดหมองขนาดไหน  ยอมรับความจริงก็ไม่เอา แนะวิธีก็ไม่เอา...แต่เหล่าอาจารย์ก็ยิ้มแย้ม ชี้แนะกันต่อไป  ด้วยแนวคิดแนวตันตระที่ว่า  " ทุกข์ของคนเราไม่เหมือนกันวิธีแก้ทุกข์จึงไม่เหมือนกัน " และเราจะไม่ดูถูกทุกข์คนอื่น . . .

นั้นแค่ตัวอย่างหนึ่งของความทุกข์ สามัญที่เห็นได้ง่ายๆ   ต้องขอโทษบุคคลที่มีปัญหาเรื่องความรัก  ที่ผมเอาเรื่องนี้มายกตัวอย่าง  แต่มันเป็นตัวอย่างที่เข้าใจง่ายสุด ...

***ที่บ่นมาทั้งหมด ก็อยากจะชี้ให้เห็นเองว่า  มีทุกข์นั้นไม่แปลก แต่เราศึกษาและแก้มันได้  เพียงแต่โชคร้ายตรงที่ว่ามันต้องขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวคุณ ๆ เองด้วย.....เท่านั้นเอง

การบ่นหรือดีโพยตีพาย ในระยะเวลาอันสั้น มิได้นำมาซึ่งประโยชน์อะไรเลย นอกจากการระบายออก...



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 26-10-2006 18:05:42
ความเห็นที่ 5 (675259)

การดูดวง?

ทำไมผู้คนจึงแนะนำกันปากต่อปากว่า  มาดูดวง ?

ก็ในเมื่อคนแรกของกลุ่มใดๆก็ตามเดินทางมาพบที่นี่ เขาก็น่าจะ รู้ได้เลยว่า ที่เขาพบ เขาต้องปฏิบัติ มันไม่ใช่การแก้ไขชีวิต ด้วยการดูดวง  แต่ก็ยังบอกต่อๆกันว่า มาดูดวง

จริงๆแล้ว สิ่งที่ตันตระเทวาลัยมอบให้ทุกท่านที่เข้ามาปรึกษาทุกคนคือ  การปรับพื้นดวง  ซึ่งก็เป็นพิธีที่ยุ่งยากและใช้ระยะเวลาที่สม่ำเสมอ  ทั้งคนที่มารับการช่วยเหลือและอาจารย์

คำแนะนำจะมาเป็นระยะๆ สำหรับการมาพบครั้งแรกก็จะได้รับคำแนะนำให้สวดบวงสรวง ถวายแด่ เทพนพเคราะห์ที่เสวยอายุ  ( อันนี้ไม่กลัวเลยที่สำนักต่างๆที่ส่งคนมาเป็นสปายจะมาลอกเลียนวิธีการไปอีก )  เนื่องจากการสวดอ้อนวอนดังกล่าวจะเป็นการทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ  แต่ก็มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ สถานที่ที่พร้อมจะทำพิธี  การบวงสรวงอัญเชิญโดยบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของเทพเบื้องบน ความสามารถของอาจารย์ที่จะสื่อไปยังเทพเบื้องบน  และบารมีของอาจารย์ท่านนั้นๆ   และที่สำคัญคือ จิตศรัทธาของผู้ที่เข้ารับการบวงสรวง

หลายๆคนที่พอเราบอกว่าต้องบวงสรวง เทพนพเคราะห์   ก็จะเกิดอาการเหนื่อยหน่ายไม่ได้ดั่งใจ ทำไมยุ่งยาก ต้องทำกี่ครั้ง ทำถึงเมื่อไหร่ ? มีอย่างอื่นเร็วกว่านี้ไหม?

เพราะว่าเขาเหล่านั้นผิดหวัง นึกว่าจะได้ดูดวงสนุกๆ อยากรู้ว่า อาจารย์ที่นี่แน่แค่ไหน? ทักถูกไหม

หรือคำถามทำนองว่า    จะได้..................เมื่อไหร่?

คำถามแบบนี้ บางคนมีโอกาส ก้จะพอบอกให้ได้ แต่บางคนไม่มีโอกาส จะให้บอกอย่างไร  ก้ได้แต่แนะว่า หากต้องการทำ ก็ทำตามที่อาจารย์แนะให้ เริ่มจากขอวิงวอนจากองค์เทพ

หัวใจของตันตระเทวาลัยที่หลายๆท่านมักลืมกันไป ก็คือ การอ้อนวอนวิงวอนขอเมตตา  จากองค์เทพ ไม่ใช่สำเร็จ จากการมาดูดวง  หลังจากนั้นจึง ช่วยตนเองด้วยการเสียเวลาเดินทางมากราบไหว้ ปฏิบัติสมาธิถวายองค์เทพ และสวดบวงสรวงเทพนพเคราะห์ที่เสวยอายุ   หรือ หากต้องการเร่งรัดก็อาจขอทำพิธีสังเวยด้วยสิ่งของมงคลผ่านทางพิธี  มหาอัคนียบูชา  

ส่วนการแก้ไขชื่อ  สกุล  และเลขโทรศัพท์ เป็นการช่วยตนเองเท่าที่มนุษย์พึงช่วยตนเองให้หลุดพ้นได้

บางคนดีใจที่มีทางออกที่จะได้แก้ไขชีวิต ก็ยินดีปฏิบัติ  บางท่านก็มองว่า อาจารย์ได้ทำให้เขาเหล่านั้นเกิดภาระที่ยุ่งยาก ไม่อยากแก้เอกสาร ไม่อยากเปลี่ยนเบอร์ที่ใช้มานาน เลขสวยมากรักมาก และอื่นๆ

นั่นสิ  แล้วเขาเหล่านั้นจะแก้ไขชีวิตได้อย่างไรโดยไม่เปลี่ยนอะไรเลย  มีอะไรในโลกนี้หรือที่เปลี่ยนไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง?



ผู้แสดงความคิดเห็นเงาพูดได้ ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 04:58:54
ความเห็นที่ 6 (675445)

เรียนถามท่านอสินะตันตระ  มันอาจเป็นคำถามที่ไม่ค่อยเข้าท่านักเพราะคนที่ถามเป็นบัวเหล่าที่ 5  คืออยู่ในดินที่ลึกมาก

จากข้อความของท่านอสินะตันตระที่ว่า คุณเกิดมาเป็นแบบนี้  วันเดือนปีเกิดและเวลาเกิด มันเป็นรหัสลิขิตของคุณเลยทีเดียว  แน่นอนว่าทุกคนกำหนดมันไม่ได้ มันถึงเป็นชีวิตที่คุณ ๆ ต้องรับสภาพไงหละ  ...ไม่ว่าชีวิตคุณ ๆ จะพบกับเรื่องดี และเรื่องแย่อย่างไร  ทุกอย่างมันเป็นของคุณ มันถูกกำหนดขึ้นมาให้เป็นคุณ  หมายความว่าชีวิตเราถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้างทั้งดี  และไม่ดี  วิธีการที่จะทำให้หลุดพ้นจากเรื่องเหล่านี้ได้คือ การรู้ว่าสิ่งที่เข้ามามันเป็นทุกข์ และทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น? 



ผู้แสดงความคิดเห็นแว่น ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 10:13:58
ความเห็นที่ 7 (675518)

รวย และ ลาภ...อันนี้ก็ปัญหาหนึ่งที่อยากอธิบาย

มันเชื่อมโยงกับ วัน เดือน ปี เกิด ที่เล่าให้ฟังนั้นแหละ ตัวอย่างเช่น   ผมเกิดมาด้วย วันเดือนปีและเวลาเกิดนี้  กำหนดให้ผมมีเงินในกระเป๋าได้ หนึ่งหมื่นบาท  ทีนี้ชีวิตมนุษย์ย่อมไม่พอใจกับสิ่งที่มีและมีความต้องการมากขึ้น ๆ เสมอ ๆ ใช่ไหม  เอาหละผมอยากจะมี สามหมื่นในกระเป๋า  ทีนี้ดวงลิขิตผมมันมีแค่หมื่นเดียว  มันย่อมหมายถึงว่าไม่ว่าจะมีโชคมีลาภอะไรเข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะเป็นแสน เป็นล้าน มันก็จะมีเหตุให้เงินนั้น ๆ กลับมาเหลือในกระเป๋าหนึ่งหมื่นอยู่ร่ำไป.....เห็นภาพไม๊

ทีนี้วิธีแก้ ก็ตามที่เงาพูดได้เขียน  มันต้องปรับพื้นดวง เรามีวิธีให้ทำเป็นระยะ ๆ ทำตลอดชีวิต เพื่อให้ดวงคุณสามารถรับเงินให้ได้สามหมื่นบาท ตลอดชีวิต  ทีนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คุณมีแต่เริ่มชีวิตคุณถูกไม๊มันเป็นเทคนิคที่ทำให้คุณมีเพิ่มได้  แต่มนุษย์เราเอาขี้เกียจเป็นที่ตั้ง  มาสวดไปแล้วระยะหนึ่งได้เงินแล้วตามที่หวัง  ดีใจ เย้ยยยยย  เลิก!!!  ของที่มันไม่ใช่ของ ๆ คุณมันก็ย่อมจากไปอยู่ดี และที่ตามมาก็คือ

 ทำไมเป็นแบบนี้ สวดแล้วไม่เห็นดีเลย  .. เห็นภาพไม๊ ตันตระเทวาลัยสอนเทคนิคให้คุณเพิ่มมาตรฐานพื้นดวงของคุณเองแต่หากคุณไม่พยายามทำอย่างสม่ำเสมอ  มันก็แค่หมดแรงไป   ... ง่าย ๆ แบบนี้น   และ***ที่บอกว่าทำสม่ำเสมอนะไม่ใช่การนำอะไรมาให้เรา หรือซื้อดอกไม้ธูปเทียนมาให้เรา ก็แค่เอาตัวคุณนั้นแหละเดินทางมารอเข้าคิวสวด  แค่นั้นแต่อย่างที่เขียน  มนุษย์เอาความขี้เกียจเป็นที่ตั้ง....อยากดีด้วย และไม่อยากออกแรงทำด้วย   

ตัวอย่างที่ยก มันก็ใช้ได้กับทุกเรื่องนะเอาไปเปรียบเทียบกันเอง เช่น

- - คนที่เกิดมามีดวงที่มันต้องถูกคนรักทิ้ง ทรยศ ไม่ว่าจะมีรักกี่ครั้ง มีอย่างไร ไทย จีน ฝรั่ง แอฟริกา ผ่านไปกี่เดือนกี่ปี  ก็กลับมาถูกทิ้งอยู่วันยันค่ำ

-- คนที่เกิดมามีดวงเป็นหนี้  ไม่ว่ากิจการจะ เจริญรุ่งเรือง ได้เงิน ได้ลาภ อย่างไร ผ่านไปกี่เดือนกี่ปีมันก็จะวนมาที่คำว่าเป็นหนี้นั้นแหละ

เห็นภาพไม๊...ทีนี้คุณ ๆ กลับย้อนเวลาไปแก้เวลาที่คุณเกิดได้ไหม  ถ้าได้พิธีกรรมการปรับพื้นดวงของคุณ ไม่จำเป็นต้องทำเลยครับ แต่หากไม่ได้ก็โชคร้ายที่มันไม่มีวิธีอื่น  นอกจากศาสตร์ของตันตระ

ไม่รู้จะเฉลยอะไรมากกว่านี้  ถ้าขี้เกียจอ่านอีก ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรแล้ว  ที่เฉลยเพราะเห็นใจเหล่าอาจารย์ที่โดนต่อว่าบ้าง หน้าหงิกบ้าง ทั้งๆ ที่บางท่านก็ยืนเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อคุณ ๆ



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 10:31:09
ความเห็นที่ 8 (675574)

มันอยู่ที่ว่า คนคนนั้น หรือมนุษย์ เขาไม่สามารถรู้ได้ว่า เขาไม่สามารถมีเงินเกิน หมื่น นิสิ และไม่ยอมรับว่าดวงมันจะถูกรักทิ้งหรือรักทรยศ นี่สิ



ผู้แสดงความคิดเห็นจริงไหมครับ ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 11:15:04
ความเห็นที่ 9 (675924)

ตอบคุณแว่น ครับ

การหลุดพ้น คือการไม่ทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้น  ใช่ครับในกรณีที่เกิดทุกข์ ขึ้นอย่างที่ผมเคยยกตัวอย่างเรื่องรัก  หากจะหลุดออกจากบ่วงได้มีสองวิธี

1.อยู่เหนือกรรม หรือ อธิบายว่าเป็นผู้รู้และหลบกรรมเป็น หรือเป็นผู้ไม่มีกรรมอีก ยากมากครับการศึกษาด้านนี้แต่มีจริง ผมลองมาเองแล้ว...

2.การทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  ว่าเพราะอะไรคนรักถึงไปมีคนอื่น ... คุณแว่นเรียกมันว่าทำใจ เหตุเพราะมองว่าไม่อยากยอมรับในความเป็นจริงนั้นแต่ในศาสตร์ของตันตระ เรียกทำความเข้าใจครับ  และเมื่อรู้ว่ารักทำให้ทุกข์ หรือ เหตุใดคนรักถึงเลิกรักเรา  เมื่อทำความเข้าใจถึงเหตุผลของแก่นของผิดหวังในรัก   เราก็จะเลือกว่าต่อไปจะไม่รักอีก หรือ ถ้าจะรักอีกก็รักแบบมีสติไม่กระทำผิดในเรื่องเดิม ๆ เพื่อนำไปสู่จุดเดิมคือคนรักเบื่อเรา และเลิกรักเราอีก....

และถ้าหากคุยกันถึง  การหลุดพ้น  ชั้นสูง...ผมคงต้องถามก่อนว่า มันมีกฎระเบียบอะไรกำหนดมาหรือครับว่า  คนๆหนึ่งรักคนๆหนึ่งคบหากันแล้วจะเลิกรักไม่ได้   แน่นอน   ไม่มีกฎข้อนี้แน่นอน เราถูกตั้งระเบียบนี้โดยการหลอกกันมาเป็นทอด ๆ ตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นสู่รุ่น  ในดึกดำบรรพ์เผ่าพันธุ์เริ่มจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตคู่ ซะด้วยซ้ำ  ... เกิดคนเดียว ก็ตายคนเดียว...ง่าย ๆ แบบนั้นครับ และอีกเยอะตัวอย่างครับกับการหลุดพ้น

แต่มนุษย์ไม่อยากเข้าใจมัน...เลยเรียกสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้อย่างที่อยากได้เป็นคำว่า " ทำใจ" ไงครับ



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 16:30:26
ความเห็นที่ 10 (675930)

ตอบคุณจริงไหมครับ....

คำแจงของคุณถูกต้องครับ   ใครหละจะรู้? แต่เรารู้ครับ ผู้นำเรารู้ครับ...อยู่แค่เมื่อบอกให้รู้แล้วต้องเชื่อ เชื่อแล้วลองจดสถิติ จดสถิติแล้วลองแก้ แก้แล้วสำเร็จก็พัฒนาต่อไป.....

ไม่มีอะไรได้มาแค่ชั่วเวลาของการกระพริบตาข้างเดียว...



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 16:33:29
ความเห็นที่ 11 (676012)

การหลุดพ้นชั้นสูง.......คืออย่างไรหรือคะ



ผู้แสดงความคิดเห็นy ( ) วันที่ลงประกาศ 27-10-2006 17:42:11
ความเห็นที่ 12 (676724)

การหลุดพ้นชั้นสูง  คือ  ไม่ยึดติดกับอะไรเลยที่ทำให้ทุกข์  ครับ

จำไว้เถอะครับ

ในความจริงแท้แล้ว  มันไม่มีอะไรเป็นของอะไรหรอกครับ  เราสร้างกฎระเบียบเพื่อทำให้ตัวพวกเราเอง ทุกข์  ทั้นนั้นแหละครับ

 



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 28-10-2006 09:58:53
ความเห็นที่ 13 (689423)

ถ้าหากว่าเราเคยได้ยินคำพูด ในลักษณะแบบนี้ ไม่มีอะไรถูก  ไม่มีอะไรผิด เป็นเพียงสมมติ  จะเชื่อได้ไหม

 



ผู้แสดงความคิดเห็น.... ( ) วันที่ลงประกาศ 09-11-2006 03:30:20
ความเห็นที่ 14 (689447)

ทุกสิ่งคือสิ่งสมมติ



ผู้แสดงความคิดเห็น..(<>) ( ) วันที่ลงประกาศ 09-11-2006 06:20:55
ความเห็นที่ 15 (689630)

ไม่หรอกครับ  ของทุกอย่างมันไม่ใช่ของสมมุติ  โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ ฯลฯ ล้วนจับต้องได้เป็นรูปธรรมเป็นต้น  แต่กฎระเบียบของวิถีชีวิตที่เป็นนามธรรมต่างหากที่ถูกตั้งกันมารุ่นสู่รุ่น  และกฎระเบียบของวิถีชีวิตต่าง ๆ เหล่านั้นผูกเราเป็นปมและทำให้เป็นทุกข์...หากมองว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติ นั้น หากคนนำมีดมาฟันแขนเราแขนเราต้องไม่ขาด ไม่เจ็บครับ...ถ้าเป็นอย่างนั้นได้  แนวนี้จะใช้ได้ดีเลยครับ...

ไม่มีอะไรถูกอะไรผิด  มันก็ไม่ได้อีกเพราะ ฝ่าไฟแดงก็โดนใบสั่งแน่นอน ทำร้ายคนก็โนตำรวจจับแน่นอน  มันมีความถูกผิดที่ถูกกำหนดมาอยู่ครับ

แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถปลดปล่อยให้ ไม่ทุกข์ได้คือ  นามธรรมในใจเราครับ....

ทุกข์แบ่งจากทุกข์ด้วยรูปธรรม กับ ทุกข์แบบนามธรรม  ซึ่งทุกข์ของมนุษย์ส่วนใหญ่นั้นมากจากทุกข์แบบนามธรรม...

ทุกข์แบบรูปธรรม  เช่น  มีคนมาตัดแขนเราไป  แน่นอนรูปธรรมที่จับต้องได้ หายไป เจ็บปวด และ ต่าง ๆ ตามอีกเพียบ

ทุกข์แบบนามธรรม  เช่น ทุกข์เพราะถูกคนรักทิ้ง  เพราะไม่มีใครควักอะไรหรือตัดอะไรที่เป็นรูปธรรมออกไป  มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 09-11-2006 10:18:27
ความเห็นที่ 16 (695787)

เรื่องทุกข์และการทำความเข้าใจมันนั้น อ่านแล้วสนุกมากครับ ถ้ามีอีกช่วยกรุณาเล่าต่อด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ



ผู้แสดงความคิดเห็นคุณบาล ( ) วันที่ลงประกาศ 14-11-2006 16:16:55
ความเห็นที่ 17 (737244)

วันก่อน หรือวันไหน ก็ไม่รู้ที่จำไม่ได้? เลยต้องเรียกว่าวันก่อนตามที่ภาษาเค้าสอนมา  ได้นั่งคุยกับอาจารย์เลอ ว่าวิถีการแก้ทุกข์แบบผมเหมือนนิยายไซไฟว์  ผมก็อะ  มันเหมือนตรงไหนหว่า???  อจล  ว่ามันดูเป็นไปได้ในความที่เป็นไปไม่ได้???? ผมก็ยิ่งงง เข้าไปใหญ่  อจล  ว่าแนวทางแก้ทุกข์แบบผมเมื่ออ่านหรือฟังดู มันเป็นไปได้ กระทำจริงได้ และเกิดขึ้นได้   ถ้าทำได้นะ!!!!  เออ ค่อยรู้เรื่องขึ้นมาหน่อย   ลองตรองดูมันก็จริงแหะ++++

ที่เอามาเขียน  เพราะ อยากจะเอามาโพสบอกคนที่ผ่านมาอ่านว่า  วิถีแก้ทุกข์และเสพสุขแบบผม  เป็นแค่แนวหนึ่งและเล็กน้อยในหลาย ๆ แนวของวิถีแก้ทุกข์ของตันตระ  ผมไม่อยากให้เหมาว่าเจ้าวิถี หาเหตุ  ที่หลาย ๆ ท่านตั้งชื่อตามคุรุเรียกกันมานี้หมายถึงแนวตันตระครับ   ตันตระ  กว้างใหญ่กว่านั้นเยอะในการถกแนวคิด  ไหนจะทษฎี   ผิวผิว   วิมุติ  ใส และอื่น ๆ ที่นึกตอนนี้ไม่หมด  เพียงแต่ผมคนที่ตอบในเว๊ปนี้ประจำ ๆ ท่าน ๆ คุณ ๆ เลยจำต้องอ่านเจอแต่ทษฎีนี้  นะครับ



ผู้แสดงความคิดเห็นasinatantra ( ) วันที่ลงประกาศ 16-12-2006 10:04:42


ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2007-02-20 10:37:02


Copyright © 2010 All Rights Reserved.