ก็คือการร้องไห้ทุกรูปแบบหละครับ  วิญญาณคือความรู้สึกการที่น้ำตาหลั่งไหลออกมาก็คือร่างกายทำงานครบขบวนการสั่งงานจากความรู้สึกไปสู่ร่างกาย จนเป็นน้ำตาออกมา สังเกตุดูครับว่า หลังจากร้องไห้แล้วความรู้สึกมันจะผ่อนลงไม่มากก็น้อย.. การทำให้วิญญาณสะอาดจากการร้องไห้  มันไม่ต้องไปบังคับมันหรอกครับ แค่อย่าไปอัดอั้นมันเอาไว้  ร่างกายมันทำงานตามกลไกลเองได้ครับ...

บางท่านที่มานั่งสมาธิที่ตันตระเทวาลัยแล้วน้ำตาไหล ก็เหตุที่จิต วิญญาณ สังขาร ระบายความอัดอั้นออกมา เพราะในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกวันนี้ มนุษย์หลายๆ ท่าน ยุ่งจนลืมที่จะร้องไห้ ก็มีเยอะ ครับ

มาเก็บความรู้ค่ะ (เซฟๆๆ)

ถามต่ออีกนิดนะคะ

***เวลานั่งสมาธิ..ถ้าการร้องไห้เกิดจากการที่คนๆนั้นควบคุมตนเองไม่ได้ เพราะเค้าไม่รู้สึกตัว กรณีนี้ถือเป็นเรื่องปกติ    แต่ถ้าการร้องไห้ เกิดจากการที่เราเผลอไปคิดเรื่องเศร้าในขณะนั่งสมาธิ แปลว่าเราไม่มีสมาธิรึเปล่าคะ แล้วเราควรดึงตัวเองให้กลับไปคิดเรื่องที่ดีๆที่มีความสุขเพื่อให้น้ำตาหยุดไหลมั้ยคะ.....  รึว่าอยากร้องก็ร้องไปเถอะ....

สำหรับผมนะ ร้องไปเถอะครับอย่าไปกักเก็บอารมณ์ขนาดนั้น แต่ถ้าเสียงร้องไห้มันดังมากขนาดไปรบกวนคนที่นั่งสมาธิข้างๆ เราก็ ร้องเบาหน่อยก็อาจจะส่งผลดีขึ้นครับ..

ในการนั่งสมาธิแบบตันตระเทวาลัยนั้น มิใช่นั่งให้นิ่งสยบความเคลื่อนไหวซึ่งสัเกตุได้จากเสียงรบกวนต่างๆ ซึ่งผมอธิบายไปในหลายๆ กระทู้ สมาธิต้องเกิดได้ในขณะที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอยู่นั้นคือแนวของตันตระ   เหตุเพราะในชีวิตจริงนั้นไม่มีเวลาและโอกาสให้คุณๆ ทำสมาธินิ่งเผื่อแก้ไขปัญหาครับ..พอเห็นภาพใช่มั้ยครับ ฉะนั้นขณะนั้่งสมาธิสมองและจิตเราอยากคิดอะไรก็คิดไป แต่ขอให้รู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่และกำลังปฎิบัติอะไรอยู่ ก็พอครับ  ส่วนคำถามที่ว่า คิดเรื่องดี ดีกว่าคิดเรื่องเศร้าไม๊ อันนี้แน่นอนว่าดีกว่าครับ คิดเรื่องดี ๆ จิตใจก็จะดีไปด้วยแต่ไม่ใช่หมายถึงคิดถึงเรื่องดีๆ จนเพ้อฝันตลอดเวลานะครับ อันนี้ไม่เป็นอันทำอะไรกัน...

ขอบคุณค่ะอาจารย์...ที่ช่วยอธิบายให้หายสงสัย

เรื่องดีๆของตอนนี้ที่มี ที่คงติดตาติดใจไปอีกนาน คงเป็นเรื่องเมื่อเช้าที่รถเกือบชน....ดีที่แค่เกือบแต่ไม่ชน ดีที่แค่เอียงแต่ไม่พลิก ดีที่ยังได้ไปทำงาน ดีที่ยังได้กลับมานั่งพิมพ์ ดีที่ยังมีชีวิต

วินาทีที่หลับตาปี๋..พร้อมกับความคิดแว๊บหนึ่งว่างานนี้โดนแน่ๆ  แต่ก็มีอีกความคิดนึงตามมาว่าต้องไม่เป็นอะไร.....ลืมตามาอีกที เฮ้ออออเกือบไปแล้วไม่ชนกับผู้ปาด ไม่ชนกับรถอีกเลน ไม่ชนกับขอบเชิงสะพาน  ดีใจ....มันผ่านไปได้อีกหนึ่ง

แทบทั้งวันที่คำพูดของอาจารย์ที่สวดบวงสรวงคนนั้นผุดขึ้นมาในสมองเป็นระยะๆ แต่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิดใช่มั้ยคะ....สนุกดี...

เริ่มสนุกไม่ออก..เลยหาคำถามมาฝากอาจารย์ๆหรือผู้รู้ต้อนรับปีใหม่ดีกว่า^-^

**ทำยังไงถึงจะหยุดเดินเป็นวงกลม แล้วเดินเป็นเส้นตรงได้คะ

**อะไรคือความจริงของโลก และอะไรคือความจริงของตัวเรา   ...แล้วความจริง คือ อะไร...ใครกำหนด

**มนุษย์ เกิดมาทำไม? มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากการเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมหรือไม่

**ความสุขที่มนุษย์แสวงหาคืออะไร? และความสุขที่แท้จริง คือ อะไร.....มนุษย์รู้แต่มนุษย์ไม่ปฏิบัติเพราะอะไร

**เหตุผลกับข้ออ้าง คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่จุดต่างอยู่ตรงไหน

**นาฬิกา ปฏิทิน เป็นเพียงสิ่งสมมติแทนเวลา แล้วจริงๆแล้วเวลาคืออะไร??  เวลา คือ 1ชีวิตของเรา   เริ่มเมื่อเราเกิด หยุดเมื่อเราตาย...เดินใหม่ เมื่อเราเกิดใหม่อีกครั้ง ใช่หรือไม่

**ช่างมัน ชั่งหัวมัน ช่างเขา คือ การคิดปล่อยวางบางปัญหา การไม่แบกเรื่องของคนอื่น แต่ถือเป็นความคิดของคนเห็นแก่ตัวหรือไม่? (ไม่ได้ว่านะคะ คือ โดนว่ามาค่ะ-_-"

**เวลาอ่านมักเจอคำประมาณว่า..ตัดไม้ล้ม ตัดไม้ล้มทับ..มันคืออะไรเหรอคะ 

**ทำยังไงถึงจะหยุดเดินเป็นวงกลม แล้วเดินเป็นเส้นตรงได้คะ

ต้องเริ่มฝึกตัวเอง  ถ้ามีการฝึกก็จะสามารถทำได้

**อะไรคือความจริงของโลก และอะไรคือความจริงของตัวเรา   ...แล้วความจริง คือ อะไร...ใครกำหนด

ความจริงของโลก คือ โลกไม่เคยหยุดหมุน 

ความจริงของเราก็คือ ชีวิตไม่เคยหยุดอยาก (อยากกินนั่น-นี่, อยากได้นั่น-อยากได้นี่)

ความจริง คือ คนเราเกิดมาเพื่อทำทุกสิ่งเพื่อทำให้เราเป็นสุข

**มนุษย์ เกิดมาทำไม? มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากการเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมหรือไม่

คนเราเป็นผู้กำหนด  และมนุษย์เกิดมาเพื่อสนองความต้องการ โดยเฉพาะความต้องการของคนเป็นพ่อ และเป็นแม่

เหตุผลที่นอกเหนือจากการเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมมีมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้นต้องการทำดี หรือทำชั่ว เพราะเราก็สามารถเห็นกันอยู่ทุกวันในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ บางคนทำดี บางคนก็ทำชั่ว

**ความสุขที่มนุษย์แสวงหาคืออะไร? และความสุขที่แท้จริง คือ อะไร.....มนุษย์รู้แต่มนุษย์ไม่ปฏิบัติเพราะอะไร

ความสุขที่มนุษย์แสวงหามีตั้งมากมาย สุขกาย-สุขใจ แต่ความสุขที่แท้จริง ก็คือ  เมื่อรู้ว่าสุข ก็จงรู้จักเพียงพอกับสุขนั้นๆ

มนุษย์รู้แต่ไม่ปฏิบัติเพราะ ละเลย และเกียจคร้าน

**เหตุผลกับข้ออ้าง คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่จุดต่างอยู่ตรงไหน

ต่างกันตรงที่  เหตุผลจะมีความจริงที่เกิดขึ้น และมีคำตอบให้สมกับเหตุนั้นๆ  แต่ข้ออ้างเป็นเพียงสิ่งที่อ้างขึ้นมาเท่านั้น ต่างกันตรงที่  "ความน่าเชื่อถือกว่า"

**นาฬิกา ปฏิทิน เป็นเพียงสิ่งสมมติแทนเวลา แล้วจริงๆแล้วเวลาคืออะไร??  เวลา คือ 1ชีวิตของเรา   เริ่มเมื่อเราเกิด หยุดเมื่อเราตาย...เดินใหม่ เมื่อเราเกิดใหม่อีกครั้ง ใช่หรือไม่

เวลาก็คือ  สิ่งที่เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุด เพียงแต่มีมาตรฐานการนับของเวลา คือ นาฬิกา  ฉะนั้นเวลาจะเดินควบคู่ไปกับชีวิตของคนเรา

**ช่างมัน ชั่งหัวมัน ช่างเขา คือ การคิดปล่อยวางบางปัญหา การไม่แบกเรื่องของคนอื่น แต่ถือเป็นความคิดของคนเห็นแก่ตัวหรือไม่? (ไม่ได้ว่านะคะ คือ โดนว่ามาค่ะ-_-"

ต้องดูเป็นกรณีๆไป  แต่คำนี้อาจจะดีสำหรับคนที่ชอบคิดแทนเรื่องชาวบ้าน เช่น ประเภทอยากรู้เรื่องของชาวบ้าน ถ้าได้ยินคำพวกนี้ ก็จะดีค่ะ คืออย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นมาก จึงเหมาะมากกับคำว่า ช่างหัวมันเหอะ

**เวลาอ่านมักเจอคำประมาณว่า..ตัดไม้ล้ม ตัดไม้ล้มทับ..มันคืออะไรเหรอคะ 

ต้องขอลองนึกภาพก่อน..ก็คงจะเป็นภาพประมาณว่ามีคนตัดไม้ ต้นไม้ล้มทับ  ก็น่าจะมีความหมายอย่างนั้นว่า  จะทำไปทำไม ถ้าทำแล้วเข้าตัว