ReadyPlanet.com


สาระพันทุกข์ สุข ของอสินะตันตระ
avatar
asinatantra


เนื่องจากกระทู้สาระพันทุกข์สุข เดิมถึงวาระที่ต้องจากไป  . . จึงได้โอกาสตั้งกระทู้บ่นใหม่ คราวนี้ใส่ชื่อตัวเองไว้เลย จะได้ไม่ต้องละอายใจที่รู้สึกว่า มีทุกข์สุข อยู่กะเค้าคนเดียว  หุ หุ ใครที่แวะมาอ่านก้อเตรียมใจ ถัดจากนี้ไป ผมก้อจะบ่นของผมไปเรื่อย ^_^ - -   eternity complain > > >


ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2006-05-30 09:49:21


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 351 (1260625)
avatar
asinatantra
image

โห มีคนมาเยี่ยมกระทู้ขี้บ่นผมทุกวันเลยหรือนี้  >>> แล้วผมจะเอาทุกข์ สุข ที่ไหนมาโพสให้อ่านทุกวันละครับ นี้ผมก็ว่าผมอะขี้บ่นจะแย่แล้ว  เขียนไปบ่นไปกะไว้ว่า แก่มากๆ แล้วจะมานั่งอ่านเพื่อย้อนเวลาของตัวเอง  ก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่ามีคนอ่าน !!!  จึ๋ยๆๆๆๆ 

แน่นอน งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา  ไม่จากเป็นก็จากตาย  ตามเจ้าบ้านและ 4 Kings พูดเสมอๆ เมื่อตอนเด็กๆ ละอ่อนๆ ผมก็เกลียดจริงคำนี้ ไม่ชอบนิ ไม่ถูกใจนิ ทำไมต้องเลิก ต้องลา  ฮ่ะะๆๆๆ  พอแก่เข้าๆ  ชักเห็นด้วย  ด้วยเวลาเนินนานเหลือเกินที่ถูกยึดติดอยู่ที่โลกมนูษย์นี้  ผมอยากให้งานเลี้ยงจบซักที  แหะ แห ะแต่อันนี้ขอบอกว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคร๊าบบบบ  ไม่มีใคร ใคร่อยากกลับบ้านเก่ามากเหมือนผมหรอก ครับบบบบ 

ผมคงต้องบอกว่า ณ วันที่ท่านเจ้าบ้านละสังขารจากไป  ตันตระเทวาลัยก็คงไม่มีวันเหมือนเดิมแน่นอน ณ ตรงนั้นคงมีอาจารย์รุ่นใหม่ ๆ มาช่วยผู้คนเหมือนเดิม แต่ ความรู้และความฮาในความรู้ ขนาดนี้คงไม่มีมนุษย์ไหนเหมือนอีกแล้ววววว  และวันอันเลวร้ายนั้นมันก็ต้องมาถึงซักวัน แน่นอน...

ที่เขียนผมก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันหดหู่มากขึ้น ครับ แค่แจงถึงความเป็นจริง เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตนเองกำลังทำอะไรอยู่และต้องการจะทำอะไรต่อไป  เพื่อตอบคำถามว่า  คุณกำลังจะสายเกินไปหรือไม่

เอ วัง ด้วย ประ การ ละ ชะ นี้ แล

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-15 16:52:53


ความคิดเห็นที่ 352 (1260632)
avatar
เจ้าบ้าน
image

อย่าเพิ่งแช่งสิ  แต่ก็เป็นสัจจะของมนุษย์ทุกคน  ได้ก็แต่ช่วยกันครับ เก็บเกี่ยวความรู้ไว้ เพื่อสืบทอดเจตนา  ต่อไป
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-15 16:56:19


ความคิดเห็นที่ 353 (1260646)
avatar
asinatantra
image

แหมมมมม  ใส่รูปได้นิมัน มันส์ ซะใจไว้โจ้ อย่างผมวะเหลือเกิน .... ลา ลั่น ลาาาาาา  

ขอบคุณเจ้าบ้านคร๊าบบบบบ  ที่ทำให้มีอะไรเล่นแก้เบื่อมากขึ้น  ทีนี้หละ พ่อ แม่ พี่ น้อง ผองเพื่อน เอ๋ยยยยย  ผมจะเอารูปมาเผา อำ ให้แหลก เลยยยยย

ลา ลั่น ลา 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-15 17:04:23


ความคิดเห็นที่ 354 (1261218)
avatar
ม.อ.น้อยศิษย์สีสุดท้อง

ขอขอบคุณท่าน เจ้าบ้าน และ ท่านasinatantra มาก ๆ ค่ะ

คำตอบที่ท่านให้มามันมีความหมายแฝงอยู่ข้างใน ต้องกลับเอาไปคิด อีก

และมีไม๊ค่ะที่เราเรียน ปรัชญาโดยที่ไม่รู้ว่านี่คือการเรียน

ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ม.อ.น้อยศิษย์สีสุดท้อง วันที่ตอบ 2007-11-16 00:13:50


ความคิดเห็นที่ 355 (1261400)
avatar
ลูกหมาดำตาบอด

คือว่าเจ้านายคับ ที่เจ้านายเคยให้ไปหาความแตกต่างเรื่องเวลาสบายดีและไม่สบายแล้วจดบันทึกนะ คับ อย่างถามว่าใช่สมองหรือเปล่าคับที่ไม่เหมือนกัน คือเวลาไม่สบายสมองจะมึนๆงงๆใช่ประเดนนี้หรือเปล่าคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกหมาดำตาบอด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-16 03:10:05


ความคิดเห็นที่ 356 (1261824)
avatar
แว่น

ขอความกรุณาท่านอสินะตันตระ ช่วยขยายความเรื่องวงแหวนให้มากกว่านี้หน่อยได้มั๊ยขอรับ เพราะเป็นคนที่มีความรู้น้อยแต่อยากได้ความรู้เพิ่มขึ้น (เอาแบบสอนเด็กนะขอรับ)

ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2007-11-16 09:40:52


ความคิดเห็นที่ 357 (1262663)
avatar
asinatantra
image

ผม เอาเรื่องราวของสมุนมาเม้าท์เสียตั้งนาน สองนานแ หลายๆ คนคงอยากจะเห็นหน้ากัน คราวนี้ขอเอารูปสมุนหัวใจชมพูทั้งสองมาโพสให้ดู คริ คริ .....

ใครเห็นแล้วตกใจอย่าว่ากันนะคร๊าบบบบบบ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-16 18:52:45


ความคิดเห็นที่ 358 (1262668)
avatar
asinatantra
image

รูป 357 เป็นรูป สมุนเบบี๋ ....

ส่วนรูปนี้เป็นรูปสมุนหมู.....

ตอนนี้ผมเชื่อว่า หลายๆ คนกำลังคิดว่า  ตัวไรฟ่ะ???? ใช่มะ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-16 18:55:41


ความคิดเห็นที่ 359 (1263038)
avatar
ม.อ.น้อยศิษย์สีสุดท้อง

ทำไมสมุนหมู มันถึงมีตานิดเดียว ????

แล้วสมุนเบบี๋มันเป็นอะไร ตลกดี ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเก๊กท่าถ่ายรูปได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ม.อ.น้อยศิษย์สีสุดท้อง วันที่ตอบ 2007-11-16 23:05:28


ความคิดเห็นที่ 360 (1263794)
avatar
asinatantra
image

มาตอบหละ...

ตอบ  ม.อ.น้อยศิษย์สีสุดท้อง  ผมคิดว่ามีครับ และมีแน่นอน ผมเองก็ไม่คิดว่าที่ผมเขียนมันเป็นปรัชญาหรอกครับ  สำหรับผมมันเป็นแง่คิดที่คุรุสอนให้มาเอาชีวิตรอดจากทุกข์ครับ แต่ในภาษามนุษย์ คำว่า " ปรัชญา " มันก็ดูโก้เก๋ ดีครับก็เลยเรียกมันไปซะให้โก้ ๆ อย่างงั้นเอง   ผมว่าคำว่านักคิด คิดไปคิดมา ตีความไปเรื่อย ๆ ก็สนุกดีและเหมาะกว่าครับ ยิ่งถ้าสามารถนำเอาแง่คิดที่ตีความให้ปวดโสดประสาทมาทำประโยชน์ได้กับตัวเราก่อให้เกิดสุขได้ แก้ทุกข์ได้  ก็เพียงพอแล้วหละครับ  อย่างอื่นชั่งมันเหมือนท่านคุรุว่า  " ช่างหัวมัน "  หมายถึงช่างมัน หรือ เอาหัวมันมาช่าง  ฮ่ะๆๆๆๆ  ตีความกลับกันตามการเล่นเสียงก็ได้สองความหมายแล้วอย่างน้อย  อิ อิ

ตอบ ลูกหมาดำตาบอด   ใช่และไม่ใช่  แน่นอนว่าเวลาเราไม่สบาย สมองเราก็มึนเป็นเรื่องปกติทางวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว  ที่ให้จับตามองคือ เวท  ต่างหาก เวลาสมองเรามึนอะไรที่มันมาแทนที่ต่างหาก?  แต่ว่า นิแล้วเล่นเอามาโพสถามแบบนี้ เจ้าบ้านผ่านมาอ่านก็รู้หมดดิ ว่าผมอะแอบสอนเรื่องแบบนี้ ยิ่งโดนห้าม ๆ อยู่   เจ้าลูกหมาดำนิ  ถ้าผมโดนเจ้าบ้านดุ นะ จะไปตามกระตืบบบบบบบบ  จริงๆ ด้วย

ตอบ  นู๋แว่น   อืมมม  ไม่เข้าใจเหรอที่เขียน ยากไปเหรอ อืมมม เอาไงดีหละ??? เอางี้แหวนในตันตระเป็นเครื่องหมายแทนปัญญา หรือ สีเขียว  แบบง่าย ๆ คือแปลแบบนี้   แต่ถ้าถกกันถึงความหมายเชิงปรัชญาให้ปวดสมอง  มันก็มองให้ลึกได้อีกหลายๆ อย่าง เช่นที่เจ้าบ้านเสริมเติมเข้ามาว่า เราเปรียบแหวนดั่งสัญลักษณ์แห่ง  ความรู้  ถ้าเราเอาความรู้เราใส่ในแหวนเหมือนมองสิ่งที่เรารู้เล็กเท่าภายในแหวน  นอกวงแหวนก็ยังมีสิ่งที่ให้ความรู้มากมายนัก  ..... กลับข้างกันก็ได้อีก นะ แต่มันจะปวดหัวกันไปใหญ่  เอาเป็นว่าในตันตระ  แหวนเป็นเครื่องหมายของสีเขียว แปลว่าปัญญา  ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-17 10:31:59


ความคิดเห็นที่ 361 (1264689)
avatar
ลูกหมาดำตาบอด

ขอโทษคับเวลาเจอท่านจิงๆแล้วไม่กล้าถามอะคับ จะกล้าก็แต่แบบนี้อะคับ ผมกราบขอโทษท่านจิงๆคับผมไม่ได้ตั้งใจ T_T

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกหมาดำตาบอด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-18 00:57:51


ความคิดเห็นที่ 362 (1267361)
avatar
แว่น

ขอบคุณคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-19 09:40:02


ความคิดเห็นที่ 363 (1268801)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@
image

สวัสดีค่ะ (อจ.)asinatantra

 ณ เวลานี้ (ห้าทุ่ม)

หนูยังปั่นงานอยู่ออฟฟิตเลยค่ะ

เมื่อกี้เพื่อนคนนึง (ที่เคยพยายามชวนให้เค้ามาเทวาลัยหลายครั้งแล้วแต่คลาดทุกที) โทรมาหา

บอกว่า อยู่ตรงสี่แยกสะพานควายแล้ว

อยากเข้าไปเทวาลัยจริงๆ

ก็เลยบอกทางให้เค้าไปค่ะ

ดูเค้าจะตื่นเต้นน่าดู... ^___^

ป่านนี้ คงนั่งสมาธิไปแล้วมั้ง...

****

ถ้าเค้าได้พบสิ่งดีๆ...

และรู้สึกเหมือนที่หนูรู้สึก

คืนนี้คงโทรมาเม้าท์กันยาววววววววววว

****

ปล.1 หนูเข้ามาอ่านทู๊กกกกกก วันเลยกระทู้นี้

ปล.2 ขอออกเสียงว่า หนูชอบระบบสมาชิก ด้วยคน ^__^

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-19 23:00:59


ความคิดเห็นที่ 364 (1274987)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@
image

หนูชอบมาอ่านหน้านี้ (กระทู้นี้)

เปิดมาดูทุกวัน อย่างที่เคยบอก ^___^
เพราะรู้สึกเหมือนอ่าน blog หรือ diary online
อันที่จริงหนูก็อยากตั้งกระทู้ของตัวเองในนี้
แล้วเขียนเล่าอะไรที่เจอมาบ้างนะคะ (แบบยาวๆ แต่เขียนไปใครจะอ่าน 55555)
+ อันที่จริงหนูก็มี diary online หรือ blog ของตัวเองอยู่เหมือนกัน)
เขียนเรื่องโน้นนี้ เยอะแยะ แต่ไม่เคยกล้าเขียนเรื่องตันตริก
เพราะถ้าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องแนวคิดนี้
มาเขียนในเว็ปนี้จะเหมาะกว่า...

แต่ด้วยความที่เคยอ่านเจอที่ว่า...
"ที่นี่ไม่ใช่เว็ปสาธารณะ แต่เป็นเว็ปที่ชาวตันตริกใช้คุยกัน"
ก็เลยแอบมาคุยในกระทู้ของ ท่าน asinatantra เอาดีกว่า (แหะๆๆๆ)

*หมายเหตุ คิดถึงเทวาลัยทุกวัน แม้จะไม่ได้ไปทุกวันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-23 14:02:38


ความคิดเห็นที่ 365 (1275621)
avatar
asinatantra

ความยุ่งยาก ของ คนโง่กับเทคโนโลยี

เฮ้อออ  ผมไม่รู้จะเริ่มเล่าอย่างไรให้สาสมกับความโง่ที่ผมมี และ บุญคุณที่เจ้าบ้านเลี้ยงดูผมด้วยดีมากที่สุดเสมอมาตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวันนี้ วัยที่ผมเริ่มชรา .. ผมก็ไม่รู้ว่าท่านติดหนี้อะไรพ่อดำไว้ หรือถูกพ่อดำฝากฝั่งอะไรมา แต่ท่านใจดีกับผมมากเหลือเกิน  เอาหละผมจะเล่าความเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจที่ผมทำเฉพาะวันนี้!!   ซึ่งในความเป็นจริงมันมีเวอร์ชั่นอื่นๆ ในวันอื่น ๆ อีกมากมาย

ตั้งแต่เย็นวันก่อน ที่ก่อนหน้าเมื่อวาน ผมเข้าเน็ทจากที่บ้านไม่ได้ จึงทำให้รู้และจำได้ว่า ไอ้แสงกระพริบ ๆ ที่กล่องอินเตอร์เน็ทไร้สายนี้แปลว่าอะไรซักอย่างเสีย เพราะเคยถามเจ้าบ้านไว้ ผมก็ได้แสดงความฉลาดโดยการโทรไปหาทรูเพื่อทำตามขั้นตอนที่สมองผมพอจะทำไหว  ช่างทรูแสนดี ก็มาฉับไว ทุกอย่างภายนอกบ้านเรียบร้อยดี สัญญาณชัด ซึ่งก็หมายถึงเป็นเรื่องภายในที่ผมคงต้องหาช่างมาจัดการ วันนี้ก็เรียกช่างประจำออฟฟิศ มาตรวจดูอยู่นาน ผลลัพท์คื่อ กล่องเล้าท์เตอร์ไร้สายเสีย  จะด้วยเหตุอะไรก็ชั่งเถอะ ช่างก็เสนอแนะว่า ลองเอาเล้าท์เตอร์ที่เทวาลัยซึ่งใช้ร่วมกับออฟฟิศมาลองต่อดูมั้ย  ถ้าไฟหายกระพริบก็จะได้ชัวร์กับผลลัพท์ที่ได้มา  และ จะได้ส่งไปแก้ต่อไป  ด้วยความที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจของผม  ผมก็ตอบรับทันที "เอาๆๆๆ" ชั่วไม่กี่นาทีต่อมาเล้าท์เตอร์ของเทวาลัยก็มาอยู่ที่ห้องผม  อะ ไฟเลิกกระพริบแหะ++ ดีใจสุดฤทธิ์  หน้าด้านโทรไปหาเจ้าบ้านว่าของที่บ้านเสียและได้ขโมยเล้าเตอร์ของเทวาลัยไปต่อเรียบร้อย  กำลังจะให้คนไปซื้ออันใหม่มาให้เทวลัย ด้วยคิดว่าตนเองฉลาดหาทางแก้ไขเองได้  อิ อิ มันเป็นความภูมิใจแค่ครู่

ท่านเจ้าบ้าน  ก็แสนใจดีตอบกลับมาว่า "ได้ๆๆ "แล้วให้ส่งอันเก่าไปซ่อมไว้เป็นอะไหล่

ความโง่ของผมก็ดำเนินต่อไป คิดว่ามันคงง่าย แต่ที่ไหนได้ พอเจ้าบ้านมาถึงเทวาลัยตอนเย็น  ปรากฏว่าผมซื้อเล้าท์เตอร์มาจากผิดร้าน ทำให้ต่อเข้าเครื่องคอมลำบากเหลือหลาย จนผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเจ้าบ้านก็ยังง่วน ๆ อยู่ ผมก็ได้แต่ งงไปงงมา เพราะไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น  และถ้าใครรู้จักท่านเจ้าบ้าน ก็คงจะรู้ว่าท่านนอนน้อยขนาดไหน...ผมก็จนด้วยปัญญา สมเพสความโง่ของตนเองอยู่ แต่ก็นะ ความโง่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้  แต่ยังโชคดีที่ได้ยินท่านว่าท่านจะกลับไปพักก่อนและจะกลับมาลองต่ออีกทีช่วงดึก ๆ ....

เฮ้อออ....มันยังไม่จบ

ผ่านมาซักชั่วโมงครึ่ง ผมกลับบ้านมาทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากเช็คข่าวซักหน่อย ก็เดินลั่นลา มาเปิดคอมต่อเน็ท เข้าเว๊ป ....อะจ๊ากกกก  ทรูไม่ให้เข้าเพราะเล้าท์เตอน์จดทะเบียนไว้กับอีกเบอร์  อะ ก็แน่นอนแหละ ผมพึ่งขโมยมันมาหยก ๆ เองผมก็เริ่มสมเพสตัวเองหนักขึ้น อันที่ขโมยมาก็ใช้ไม่ได้ อันใหม่ที่เจ้าบ้านเหนื่อยแทบแย่ ก็ยังใช่ไม่ได้...เวร ของ กรรม ละสิ 

ยัง ยังไม่พอ...ตู๊ดๆๆๆ  ตู็ดๆๆๆๆ ผมต่อสายถึงเบอร์เจ้าบ้าน  เสียงท่านคงพักผ่อนอยู่ ความละอายใจซึ่งมันคงไม่เคยเกิดมากับผมด้วย ผมก็บอกไปว่าผมจะเอาเล้าท์เตอร์ไปคืนเพราะใช้ไม่ได้กับที่บ้าน โถ....ถัง ด้วยคิดว่าจะโดยด่ากลับมา  ท่านก็ยังช่วยสอนหาทางแก้ให้ แต่ ยัง ผมก็ยังโค ตะ ระ งี่เง่าต่อไปโดยบอกว่าวันนี้ยอมแพ้ผมไม่ไหวแล้ว ขอพักกับเทคโนโลยีก่อน ค่อยคิดพรุ่งนี้อีกที แล้วก็ขอวางสายไป

ซักสิบห้านาทีผ่านไป  ท่านก็อุตาสาห์ตื่นจากการพักผ่อน ที่ไม่ค่อยจะมี โทรกลับมาว่าได้ขั้นตอนจากทรูแล้ว ให้ผมทำตามที่บอก  โอ้ววววว พระเจ้า น้ำตาของคนเอาแต่ใจอย่างผม มันจะไหลพรากเอา โถถถ ท่านอุตสาห์ช่วยอีก  ผมอะ เอาแต่ใจมาทั้งวัน  ไหนจะเรื่องซ่อมบ้าน ไหนจะเรื่องอินเตอร์เน็ท ไฮเทคโนโลยี

ก็อย่างที่คุณ ๆ เพื่อน เห็นข้อความนี้หละครับ ผมเข้าเน็ทได้แล้ว และท่านก็เสียเวลาพักผ่อนอันมีค่าไป

ที่เอามาเล่าเพราะอยากสมน้ำหน้าตนเอง อยากประจานในความเอาแต่ใจของตนเอง .....

ขออนุญาติผมประณามตนเองว่า  โง่เหมือนค.าย เลยยยยยยยยย และอนุญาติเพื่อน ๆ ประณามผมได้เลยครับ

สุดท้าย ขออนุญาติกราบเท้าเจ้าบ้านและ 4 Kings ขอบคุณคร๊าบบบบบบ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-23 22:44:26


ความคิดเห็นที่ 366 (1275628)
avatar
asinatantra
image

.........

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-23 22:48:40


ความคิดเห็นที่ 367 (1276237)
avatar
asinatantra
image

รู้สึกจะไม่สบาย แหะ หนาว ๆ อื้อๆ  .. แต่ผมก็ชินแล้วละนะ อาการป่วยตามวันเทศกาลของผม  เพราะอะไรนะเหรอครับ  เพราะผมชอบออกอาการโซดาหยอดเดียว ในวันเทศกาลต่างๆ ไงครับ  และเมื่อโซดามันฟู้มาก ๆ คุรุก็จะปวดหมองกับเรื่องไร้สาระของผม  ฉะนั้นทุกๆ วันเทศกาล ไทย จีน ฝรั่ง แขก ผมก็มักจะตื้นขึ้นมาพร้อมอาการ อื้อๆ แบบนี้ ทำให้อาการโซดาหดหาย นอนอย่างเดียว...เฮ้ออออ

วันนี้วันลอยกระทง นะ ผมจะไปทำอะไรที่ไหนได้++++

เมื่อร่างกาย อื้อๆ อายตนะ อีกด้านก็มักจะถูกใช้งานเพื่อดำรงค์ชีพเสมอ(เอ สอนใครไปนะ) วันนี้เลยนึกถึงคำล้อเลียนสองคำนี้มาเล่า

ช่างหัวมัน  กับ   ชั่งหัวมัน

ตามการออกเสียงแทบจะไม่ต่างแต่ความหมายมันต่างกันเยอะเชียว  เมื่อสมัยผมเด็กๆ ผมก็ชอบร้องห่มร้องไห้ เนื่องจากทุกข์มันไปกะซะทุกเรื่องรอบตัว เอามาคิด คิดไป คิดมา ก็ทุกข์ ทั้งๆที่มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาแบบจับต้องได้  เค้าเรียกทุกข์ในใจแบบนามธรรม ซึ่งมนุษย์ทั่วไปจะเป็นกันเยอะ....คุรุ ก็สอนผมคำนี้ว่า  "ช่างหัวมัน"  ซะบ้างนั้นก็หมายถึงการวางมันลง  ปล่อย ๆ มันไป ... พอโตมาอีก  คุรุก็สอนคำใหม่ว่า "ชั่งหัวมัน"  หมายถึงการเอาเรื่องราวมาชั่งดูว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เหมือนการเอาหัวมันมาชั่งน้ำหนัก..

จริง ๆ แล้วมันก็บทเรียนเดียวกับ การวางและการหยิบ  แต่เอามาเขียนเล่าให้อ่านกันเพื่อตันตริกหรือเพื่อน ๆ ได้ยินอาจารย์ รุ่นโบราณๆ ล้อเล่นกันจะได้เข้าใจว่า อ๋อ หมายถึงอย่างนี้นี้เองงงงงง

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-11-24 09:38:42


ความคิดเห็นที่ 368 (1293697)
avatar
asinatantra
image

เรื่องของหมู

อาทิตย์กว่าแล้วที่ผมเริ่มซ่อมแซมสนามหลังบ้าน  สมุนหมูและสมุนเบบี๋ หัวใจชมพูก็โดนกักขังให้อยู่แต่ในห้องนอน ได้แต่ส่งเสียงเห่า(ที่เหมือนเสียงไอ)อุ อุ อุ  สู้กับรถขนปูน ขนดิน ขนโน้นนี้นั้น หรือเสียงคนงานทุบปูนขนอิฐ ....อุ อุ อุ ....ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์สังเหตุว่า หน้าสมุนทั้งสองย่น เยินกว่าเก่าเข้าไปอีกเพราะความเครียด และห่วงของ ห่วงถิ่น แถมสมุนทั้งสองก็ภาคเพีบรนั่งเฝ้าและนอนเฝ้าประตูบ้าน จนหน้าแก่ไปอีกหลายเสต็ป...

บางช่วงของการทำงาน ถ้าผม เห็นพอจะปล่อยออกมาอึได้ ฉี่ได้ ผมก็จะปล่อยออกมาจากห้องนอน ให้ไปอึที่สนาม และทุกครั้งที่ผมปล่อยสมุนหัวใจชมพูทั้งสองออกมา ผมก็จะได้ยินเสียงน้อง พี่ ลุง ป้า น้า อา คนงาน ซุบซิบกันว่า

" ตัวอะไรอะ ดูสิ มันยังเดินไม่ค่อยแข็งเลย " บ้างหละ

" เฮ้ยยย ทำไมมันอ้วนขนาดนี้ มิน่า " บ้างหละ

" ดูสิ ดูสิ ดูหน้ามันสิ คงแก่มากแล้วถึงเดินไม่ค่อยไหว " บ้างหละ

" มาๆ มาลองกำลังกันซักตั้ง " บางหละ

หรือ ไม่ก็วิ่งหนีขึ้นไปนั่งกันบนโต๊ะไม้ ด้วยกลัวจะโดนสมุนไล่กัด!!!  บ้างหละ

โถถถถถถ  ผมก็ไม่อยากจะบอกเลยว่า  หน้ากับหัวใจมันคนละเรื่องกานนนนน  ขนาดเดินบนอิฐบนปูน ที่ทุบระเนระนาดอยู่ที่พื้น สมุนยังไม่สามารถ ขาแผลงกับมาบวมเป่ง  จะไปสู้อะไรกับใครเค้า ก็ได้แต่ส่งเสียงคำรามปกป้อง อธิปไตยของตนเองออกมาจากห้องนอนต่อไป

อุ อุ อุ (ขอยืยยันนะครับว่า นี้คือการ เห่า )

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-01 09:38:43


ความคิดเห็นที่ 369 (1293745)
avatar
asinatantra
image

กลาก...โดนว่ามาว่า ผมอยากรู้เหมือนกลาก เหมือน เกลื้อน  เกาตรงไหนติดตรงนั้น  ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆ  ผมชอบจริง ๆ เห็นภาพเลยครับ  ผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คุรุ บ่นว่าอยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง พูดเรื่องนี้ก็อยากรู้ พูดเรื่องนั้นก็อยากรู้ ลามติดไปติดมาเหมือนกลาก เหมือนเกลื้อนที่ติดนิ้ว เกาขาติดขา เกาแขนติดแขน คริคริ ชอบจงเลยยย ครับ  + + + +  แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก จะว่าจะบ่นผมเป็นอะไรก็ได้ ผมก็อยากรู้อยากเห็นของผมต่อไป คุรุคร๊าบบบบ ผมก็จะทำตัวเป็นกลาก เกลื้อนของท่านๆ ต่อไป คร๊าบบบบบบ

ทุกครั้งที่ผมได้มีโอกาสเจอคุรุ ผมก็จะตื้อๆๆๆ ว่า " สอนผมหน่อย สอนผมหน่อย "  ด้วยเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุย ถกแนวคิดกับใคร  คุรุบอกว่ามีคนอยากฟัง อยากให้ เล่าให้สอน ก็ตั้งเยอะ ไม่ไปคุยกับเค้า  ผม ก็ อะ! มีคนอยากคุยเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ  เพราะเห็นเจ้าบ้านเดินหนีผมออกจะบ่อย ด้วยคงจะรำคาญอาการตีความของผม ที่ เหมือนกลาก เหมือน เกลื้อน ...

ผมก็ไม่รู้ตัวจริงๆ นะครับว่ามีคนสนใจอยากเรียนอยากศึกษาด้านนี้  ผมสงสารหรอกเลยไม่ค่อยอยากชี้แนะ สิ่งที่ผมรู้ สิ่งที่ผมทดลองมา  เพราะมันออกจะเป็นแนวโหดไปซักหน่อยตามที่ วศินะตันตระว่า  " คนไม่ชอบรับความจริง เพราะมันเจ็บปวด "  ผมสอนวิถีนี้ให้ไปสองสามคน ก็เห็นน้ำตาไหลกันพราก ๆ คือแค่อยากจะบอกว่า กว่าจะเข้าใจกว่าจะหลุดออกจากทุกข์ของมนุษย์ มันยากมันช้ำใจ แต่มันเป็นความจริง ซึ่งหนีไปไม่ได้....แต่ถ้าพ้นได้ ก็ หลุดเลย

เช่น อยากผอม  มีทางเดียวคือ หยุดกิน

เช่น โดนคนรักทิ้ง มีทางเดียวคือ รับให้ได้ว่าเค้าไม่รักเราแล้ว

เช่น ชีวิตไม่ดี  มีทางเดียวคือ เปลี่ยนแปลงตัวเอง

ฟังแล้วก็คงอยากจะวิ่งหนีกันหมด  แต่มันเป็นประตูเดียวที่ทำได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน ตนเองกับตนเอง ยกตัวอย่างเรื่องผอม  อยากผอมแต่ไม่หยุดกิน การไม่หยุดกินก็คือไม่ไปแก้ที่ต้นเหตุ แต่เลือกจะไปแก้ที่ปลายเหตุคือ ซื้อยาลดความหิวมากิน ยาเผาพลาญพลังงานมากิน ไปฉีดสาร ไปผ่าเอาไขมันออก ตีไขมัน ดูดไขมัน หรืออะไรก็ตามแต่อีกร้อยแปดพันเก้า  ต้นเหตุคือการ กิน ของเราก็ยังอยู่แถมไปสร้างปัญหาอื่นตามบวกเข้ามาอีก คือ เสียเงิน สุขภาพ  กินเข้าไปและก็ไปเข้าคลอสเป็นหมื่นเป็นแสน  เห็นภาพไม๊ แล้วเงินหมื่นเงินแสน มันหายากจะตาย บางคนผูกเรื่องผูกปัญหาให้หนักเข้าไปอีก คือยืมเงินมา ขอเงินสามีมา หรือ อื่นๆ อีก ทีนี้กลายเป็น  อ้วน เสียเงิน เป็นหนี้ สามีเบื่อหน้า???? แถมสุขภาพไม่ดีเพราะยา ก็มาเสียเงินรักษาสุขภาพเข้าไปอีก บวกและบวกปัญหาเข้าไป แล้วอย่างนี้มันจะไปจบที่ไหนหละครับ

หากเราแค่มองย้อนกลับเข้าไปข้างในตนเอง แก้ที่ต้นเหตุ คือ หยุดกิน  หยุดกินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ  ผอม สวย เงินเต็มกระเป๋าเหมืนเดิม หนี้สินไม่มี แถมสามีไม่เบื่อหน้าอีก  .... พอเข้าใจไม๊ ว่าวิถีแก้ที่เหตุมันทำได้และดีมาก  แต่มันยากที่จะรับเข้าไป เพราะอะไรเพราะเราขี้เกียจ เราไม่อยากรับความจริง ว่าหยุดกิน....

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-01 10:09:27


ความคิดเห็นที่ 370 (1293772)
avatar
asinatantra
image

เมื่อคืนวานไปนั่งโต้เต้ อยู่ที่เทวาลัยจนดึกเพราะเป็นวันศุกร์ เห็นผู้คนเยอะแยะ นั่งคุยกับอาจารย์ ต้น อาจารย์เอฟ ปิติยะตันตระ วศินะตันตระ >>> หนาวก็หนาว แต่เห็นอาจารย์และตันตริกเดินกันกวักไกว จนจำชื่อมาเล่าในนี้ไม่หมดทำโน้นทำนี้ มองนาฬิกาอีกที อะจ๊ากกกก เที่ยงคืนกว่า  เห็นเจ้าบ้านเดินกลับมาพร้อมอุปกรณ์ทำกิจกรรมอีกเพียบ เที่ยงคืนกว่า ๆ พึ่งเริ่มทำ แล้วนี้จะไปเสร็จกันกี่โมงหละนี้ โอ้วววววว  ผมสาระตะดูในสมองอย่างฉับไว  ประมวลผลด้วยความเป็นอสินะตันตระ แหะ แห ะ อย่าว่าโง้นงี้เลย ผมรักพวกพ้อง ตันตริก นะ...

แต่ ..

กลับไปนอนดีฟ่า ... แหะ แหะ ...ทำตัวเป็นคนมีประโยชน์เหมือนเดิม

คุณว่าไม๊????

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-01 10:22:47


ความคิดเห็นที่ 371 (1298711)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@

เพราะทุกข์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน...
หนทางดับทุกข์ของแต่ละคนจึงต่างกัน

เรียนถามอจ.asinatantra ว่า..
หากคนสองคนที่อยู่ด้วยกัน
แต่ความสุขของฉัน...อยู่บนความทุกข์ของเธอ
และความสุขของเธอ...ก็อยู่บนทุกข์ของฉัน

วิธีเดียว ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
คือ... ยอมรับในความสุขของกันและกัน เท่านั้นหรือ
แต่การยอมรับในความสุขของอีกฝ่าย
เท่ากับความทุกข์ของอีกฝ่าย ก็ยังอยู่

จะทำอย่างไรคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-04 10:19:51


ความคิดเห็นที่ 372 (1298723)
avatar
asinatantra

ตอบ หนูจะโตขึ้นเป็นตันตริก

เมื่อเกิดทุกข์ไม่ว่ามาก หรือ น้อย มันก็บอกถึงผลลัพท์ของสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ ว่าไม่ถูกต้องต่อตนเองถูกหรือไม่  ถ้าความสุขของเรายืนอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น ซักวันมันก้ย้อนมาทำให้ตนเองทุกข์ใจ อย่างนี้เรียกผิดความถูกต้องของตนเอง..

ความสุขที่ถาวร  คือ หนทางที่ทำให้ลดการเกิดทุกข์รายวันขึ้นได้ แต่มันอาจจะเริ่มยาก ที่จะทำแค่นั้นเอง  แต่ทุกๆ อย่างหัดได้เหมือนเด็กเริ่มเข้าเรียน เริ่มหัดเขียน อ่าน ภาษาต่าง ๆ

หากรักของตนเองที่มีบุคคลอื่นเป็นปัจจัย  มันก่อให้เกิดทุกข์   หัด รัก ให้ พอดี ดูสิ แล้วจะเกิดทุกข์น้อยลง  แต่พอดีของหนู ก็ คือ ของหนู ต้องหาเอง ผมเองก็ชี้ได้ แค่หนทางนะ ครับ...

เจ้าของกรรม ต้องแบกำมือออกเอง...ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-04 10:30:03


ความคิดเห็นที่ 373 (1298857)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@

ขอบคุณ อจ.asinatantra สำหรับความเมตตาที่มาชี้ทางบรรเทาทุกทั้งใน 2 กระทู้เลยให้นะคะ(ภายในไม่กี่นาทีท่านก็ตอบแล้ว @ แอบซึ้ง)

หนูขออนุญาต นำคำสอนดีๆ มารวมกันที่หน้านี้นะคะ (เพราะหน้านี้เป็นหน้าที่เปิดทุกวัน)

************************

ฉันเปลี่ยนไม่ได้ เธอก็เปลี่ยนไม่ได้ ทำอย่างไรดี ... ก็ต้องแบ่งๆ กันทุกข์ต่อไปครับ

เราบังคับคนอื่นเปลี่ยนไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเราเองได้ คงอยู่แค่จะทำหรือไม่..

ผมมีตัวอย่างหนึ่งนอกจากเรื่องรัก และ เรื่องอ้วนที่เสนอบ่อย ๆ  กรรมของแม่และลูก  แม่หวังดีบังคับ

ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกไม่อยากเรียน ทะเลาะกันร้องหมหร้องไห้ ลูกคิดงี้ แม่คิดงั้น เกิดความทุกข์ทุกวัน

ในการอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างไม่เปลี่ยนก็ลังแต่จะทุกข์อยู่วันยันค่ำ ทำไงดี ลูกตัดสินใจทำตามที่แม่

ต้องการเรียนในสาขาที่ แม่คิดว่าดีโดยที่ตนเองไม่มีความสุข เรียนหนัก หมั่นเพียร เรียนๆๆๆๆๆ  จน

ไม่มีภูมิป้องกัน ด้านอื่น ..ตามที่ชีวิตควรมี  เรียนจบมา ได้เริ่มทำงานหนึ่งปี มีความรัก ตั้งท้อง เลย

ต้องแต่งงานมีครอบครัว ปรากฎว่าเรื่องที่ทะเลาะตบตี ทุกข์ใจมาตลอดเวลากับแม่ มันไม่มีประโยชน์

อะไรเลย  สิ่งที่เรียนมาหนักหนา เอาไปทำอะไร นอกจากภรรยาที่บ้าน เลี้ยงลูก ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้

ดูแลครอบครัว  สรุปว่าหลายปีที่ แม่และลูก ทะเลาะเบาะแว้ง ผิดใจ น้อยใจ ต่อสู้ หรือ ตามใจอีกฝ่ายกันมา มันจบ ที่หนทางอีกทางหนึ่งซึ่งไม่มีใครเลือกไว้ ....

สิ่งที่มันต้องเป็นไปมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น....

ความพอดี ที่ก่อเกิดสุข คือคำตอบ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่พยายามจะเห็นมัน มันตัดสินได้ง่าย ๆ ว่าตน

เองมีความสุขหรือไม่  ถ้าไม่ก็เปลี่ยนซะ  ... ผมชอบคำคุรุสอนหนึ่งประโยค  " ใช้สมองคิดไม่เสียตังค์

" สมองของเราไม่ต้องเช่า ไม่ต้องซื้อ ซึ่งก็เหมือนกับร่างกายเราหัวใจเรา วิธีคิดเรา  ไม่ต้องหาซื้อ ไม่

ต้องเช่ามาจากไหน ของเราล้วน ๆ ตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง  .... การประเมิณผล หาสิ่งที่ตอบความถูก

ต้องของตนเอง ย่อมทำให้เห็นหนทางความสุขที่ถาวรได้

*********************


ความรู้ในเรื่อง "การดำรงชีวิตให้มีความสุข" ที่อจ.asinatantra มอบให้นี้
ทำให้หนูคิดถึงคำๆ นึงขึ้นมา..

-ตัวตน คือ ตัวตน-
อย่างไรก็คงเปลี่ยนไม่ได้ กี่ชาติก็คงเปลี่ยนไม่ได้
เหมือนชาวตันตริก ที่รักสีใด ก็รักสีนั้นอยู่ในเลือดเนื้อ(สังขาร) จิต และวิญญาณ (ใช่ไหมคะ)

คนรักกัน ไม่จำเป็นต้องดำรงตนอยู่ในวิถีเดียวกันใช่ไหมคะ?

วิถีการดำรงชีวิตที่ต่างกัน มีสิทธิที่จะยังรักกัน และอยู่ด้วยกันได้อย่างยืนยาวใช่ไหม???
หากเราแค่เข้าใจ และยอมรับในวิถีที่ต่างกัน

หนูยังเป็นมนุษย์ ที่ยังไม่พ้นจากความขี้ขลาด ขี้กลัว
หนูกลัวเหลือเกินว่า วิถีที่ต่างกันจะดึงให้วงกลม 2 วง
จาก 2 ชีวิต ที่ซ้อนทับกัน ที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันนี้จะห่างกันออกไป
ส่วนที่ซ้อนทับกัน จะน้อยลง เพราะวิถีของเราต่างกันจนแทบจะไม่เหมือนกันเลย

เหลือเพียง "ศรัทธาต่อองค์เทพ และความรักของเรา" เท่านั้นที่เหมือนกัน
ที่เหลืออีกตั้งกว่าครึ่งของชีวิต ทั้งความคิด เพื่อน สังคม การเที่ยว การกิน
ที่เราชอบต่างกันราวขาวกับดำ

ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-04 11:59:19


ความคิดเห็นที่ 374 (1299015)
avatar
asinatantra
image

เปลี่ยได้ครับ สีใด ก็ตันตระ อย่างที่เจ้าบ้านสอนเสมอ  สีใดก็ตันตระ สิ่งที่สำคัญคือความเป็นตันตระข้างใน ไม่ใช้สี(ตันตริก ถือถาดใส่ขนมกลับบ้าน ก็ให้ดูแลขนมในถาดไว้  ไม่ใช่สนใจแต่ถาดจนลืมขนม )... เช่น สีดำเคารพรักนายเหนือจิต ใจ รักสีดำ อยู่สีดำ ภัคดีสีดำ ตั้งใจจะดำไปตลอด วันหนึ่ง  นายสั่งให้ไปอยู่สีขาว  ทำได้หรือไม่?  อันนี้ตอบแทนสีนี้ได้ว่า  ได้

อย่างที่หนูบอก ตัวตน คือ ตัวตน  ของๆ เราเอง เราต้องเลือกเอง ทุกข์หรือสุข เราสามารถเลือกให้ตนเองได้

คนรักกัน ไม่จำเป็นต้องดำรงอยู่ในวิถีเดียวกันใช่ไหมค่ะ?  ใช่ครับ  ผมเชื่อว่าผมและหลาย ๆ คนและทุกตันตริก รัก และ ศัรทธา เจ้าบ้าน นักหนามีความสุขที่ได้อยู่ด้วย  แต่พวกเราคงเข้าไปอยู่ในชีวิตท่านตลอดเวลาไม่ได้ จริงไม๊ครับ ไม่งั้นบ้านท่าน ออฟฟิศท่านเจ้าบ้าน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว คงเต็มไปด้วยพวกเรานั่งดำรงค์ชีวิตอยู่ด้วยกันเต็มไปหมด จริงไม๊ครับ.... ผมชี้ทางเปรียบเทียบให้เห็นว่า  ความพอดี ของ คำว่ารักก็มีได้ และทำให้เกิดสุขใจที่ถาวรกว่า  ทั้งสองฝ่าย

ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-04 13:57:54


ความคิดเห็นที่ 375 (1302258)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@

โอ๊ะ.....โอว

กระทู้นี้ อยู่หน้าแรกแล้ว

((อย่างนี้จะแอบมาบ่นอะไรต้องคิดให้ดี))

******

เนื่องในวันพ่อที่ผ่านมา

ขอให้ท่านเจ้าบ้านที่พวกเราทุกคนเคารพรัก

สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว และมีความสุขมากๆ

ขอให้(อจ.)asinatantra และ อจ.ทุกๆ ท่าน

สุขภาพแข็งแรง Happy&Fun ทุกๆ วันค่ะ

******

หนูซาบซึ้ง และขอพระคุณทั้งท่านเจ้าบ้านและอาจารย์ทุกๆ คน ในทุกๆ ความเมตตาช่วยเหลือ...ทั้งหนูและครอบครัว....

หนูจะโตขึ้นเป็นตันตริกที่ดีค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-06 14:46:56


ความคิดเห็นที่ 376 (1307128)
avatar
asinatantra
image

ตายละ พึ่งจะเข้าใจที่ หนูจะโตขึ้นเป็นตันตริกหมายถึงเมื่อกี้เอง ด้วยนิสัยเป็นคนไทยคือไม่ค่อยอ่านไม่ค่อยสังเกตุดูอะไรรอบข้าง เท่าไหร่นัก ผ่านมาเข้าวันที่ 9 ถึงได้เห็น!!!!!  เออ แต่ว่า ใครเอากระทู้นี้ไปไว้หน้าแรกเนี๊ยะ????   เจ้าบ้านเหรอ คร๊าบบบบ โถถถถถ อายเค้าตาย นี้มันเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันผมทั้งน๊านนน  เอาไปไว้ทำไมที่หน้าแรกเน๊๊ยะ ....

คืนวันศุกร์ ที่สุขค่อนข้างสม่ำเสมอของผม  ผมได้ยินว่าเหล่าอาจารย์จะเดินทางไปเหนือเพื่อทำพิธีกรรมกันหลายท่าน ก็เลยเกิดอาการคนดีขึ้นมาเดินตีจากเตียงสุดที่รัก ดุกดิก ไปนั่งรอส่งเหล่าอาจารย์ขึ้นรถกัน เห็นอาจารย์เดินกันไปเดินกันมาหยิบโน้นถือนี้ แบกนั้น ผมก็ชักมึนหัวเลยหันไปหาเจ้ามดดำตัวอ้วนให้ไปเอายาชูกำลังมากินหน่อย  เออนะ เจ้ามดดำอ้วนมันก็ไปหามาให้ได้จริงๆ ถูกอันซะด้วย เออ อีกอย่าง ก็ ได้เห็นหน้าตาของ หนูจะโตขึ้นเป็นตันตริก ด้วยนะก็เป็นดังคาด ว่าน่าจะหล่อเหลา เอาขนาดนี้ อุอุ แต่ตัวจริงดูไฮเปอร์น้อยกว่าที่คิดไว้ เพราะอ่านจากวิธีเขียนหนังสือ ดูดุกดิก ไฮเปอร์ดี ซึ่งก็ถูกตันตริกหลาย ๆ ท่านเอามาเปรียบเทียบหล่อกับอาจารย์ม๊๋ ของพวกเราให้ออกอาการเขินกันไป >^0^<

หลังจากหมดจินโทนิค เอ้ยย!! ไม่ใช่ ยาชูกำลังไปสองแก้ว กับปลาทาโร่อีกหนึ่งห่อ กับ ขนมบนโต๊ะที่โขมยกินไปซึ่งเป็นของใครก็ไม่รู้  อาจารย์อายุน้อยๆ ทั้งหลายก็ยังไม่ขึ้นรถกันซักที  เฮ้อออ เมื่อหนังท้องอิ่มมันก็ง่วง อะสิครับ  ผมก็บอกลา กลับบ้านนอนตีผุง ปุ้งๆๆๆ ที่บ้านดีก่า """" ตอนเดินกลับก็เห็นเจ้าบ้านยุ่งน่าดู ดูน่าเหนื่อยแทนจริง ๆ แต่ก็ได้บอกเจ้าบ้านไปว่า สิ่งที่ผมจะช่วยเทวาลัยได้ดีที่สุดคือ เลิกกวนเวลาชาวบ้านและกลับบ้านไปนอนซะ แหะ แหะ ด้วยแอบหวังอยู่ว่าจะมีคำตอบกลับมาว่า..ไม่หรอก!! แต่ผมก็เห็นเจ้าบ้านทำหน้าตาเห็นด้วยอยู่เอามาก แหะ แหะ .....อายจัง เย้ยยยย

ป่านนี้อาจารย์คงอยู่เหนือ สูดอากาศดี กัน สู๊ดดด สู๊ดดดดด  .... คอยดูนะถ้ากลับมากันแล้วไม่มีลูกท้อเค็ม มาฝากผมนะ ผมจะแกล้งให้หนักกว่าเก่าอีก ......  อาจารย์ ๆ คร๊าบบบบ ถ้าแวะมาอ่าน อย่าลืมของฝากของผมน่าาาาาาาาา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-09 09:54:21


ความคิดเห็นที่ 377 (1307750)
avatar
asinatantra
image

เฮั๊ก เอิ๊กกกก... นิ มาน วาน อา ราย กาน แล้ว นะ รู้ แต่ ฟ่า อาทิต นี้ ด้าย ยุด สาม วาน เอิ๊กกก เอิ๊ก แล้วผมก็จาจำวันไม่ ด้ายแย้วววว ...

มีคนอุตะสาหะ เลี้ยงยาดอง ของเมาาา จะปฎิเสธก็ แหมมม  ผิดวิสัย หมานุด อยู่น่าาาาา  ...

ผมเริ่ม จา จำ ตัวเอง มะค่อย จะด้ายแล้ว น่าาาาาาาา

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-09 21:27:36


ความคิดเห็นที่ 378 (1308893)
avatar
asinatantra
image

;yo yo วันนี้ วันจันทร์ที่ บ่ มีใครอยู่เพราะไปต่างจังหวัดกาน..ท่าทางเจ้าดำ,อ.เชทร์ ละอีกหลาย ๆ ตันตริกคงจะต้องเหนื่อยกันไส้แตก และด้วยพฤติกรรมรักพวกรักพ้องสุดฤทธิ์ ผมอสินะตันตระ รีบนอนดีก่า !! หิ หิ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-10 20:39:51


ความคิดเห็นที่ 379 (1310444)
avatar
asinatantra
image

ด้วยความ ตระกละ ของตนเอง.. แหะ แหะ

ก็เที่ยวขอ ของฝากเป็นท้อเค็ม บ๋วยเค็ม  จากอาจารย์หลายๆ ท่าน วันนี้เข้าเทวาลัยมา อะ จ๊ากกก  เพียบเลย เห็นแล้วก็น้ำลายไหล แหมะ แหมะ ....เออ แต่ว่า ถ้าผมกินเข้าไปหมดนั้น คงต้องขอค่ารักษา โรคไต ต่อไป??? อะจิ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-11 10:08:42


ความคิดเห็นที่ 380 (1310659)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@
image

ได้เห็นหน้าตาของ หนูจะโตขึ้นเป็นตันตริก ด้วยนะก็เป็นดังคาด
"อ่ะฮ้า.......หนูก็เห็นท่านแล้วเช่นกัน.......ทำให้หนูตกตะลึงไปสัก 20 วิ... ทีเดียวเชียว"

อุอุ แต่ตัวจริงดูไฮเปอร์น้อยกว่าที่คิดไว้ เพราะอ่านจากวิธีเขียนหนังสือ ดูดุกดิก ไฮเปอร์ดี
"เป็นเด็กใหม่.....ยังไม่ค่อยกล้าโจ๋ค่ะ(อิอิ)"

ซึ่งก็ถูกตันตริกหลาย ๆ ท่านเอามาเปรียบเทียบหล่อกับอาจารย์มิ๊ของพวกเราให้ออกอาการเขินกันไป >^0^<

อันเนื่องมาจากประเด็นนี้
"เมื่อวานก็ถูกจู่โจมโดยบรรดาลูกศิษย์ 2 กลุ่มมาค่ะ // กลุ่มแรก จ้องอยู่ห่างๆ ประมาณ 5 คน

(ซุบซิบอย่างนั้นนินทาตรูแน่นอน ฮึ่มๆ) สักพักส่งตัวแทนกลุ่มมา 2 คน เดินเข้ามาหน้าตาผิดปกติ"

"เป็นอาจารย์ใหม่เหรอครับ พวกผมไม่เคยเห็นหน้า"
"ค่ะ(ตอบให้ไพเราะไว้ก่อนพวกมานเยอะ)"

"อาจารย์เป็นน้องจารย์หมีใช่มั้ย"
"เอ่อ....ไม่ใช่ค่ะ"
"โหย.....นึกว่าพี่น้องกาน หน้าตาเหมือนกานเรย"
"................."

กลุ่มที่สอง (ในคืนเดียวกันนั้นเอง)
"อาจารย์คะ เป็นอาจารย์ต้องถือศีลรึเปล่าคะ"
"อาจารย์ไม่ใช่พระค่ะ ไม่ต้องถือศีลขนาดนั้นอาจารย์ทุกคน
ก็เป็นคนธรรมดาค่ะ ทำงานกันหลากหลายสาขาอาชีพ"
"แล้ว...แล้ว....เป็นกระเทยนี่เป็นอาจารย์ได้มั้ยคะ....แบบว่าสังเกตแล้วว่า ที่นี่ยังไม่มีอาจารย์เป็นกระเทย!!!!"

แหม๊....วันที่อาจารย์น้อยๆ นี่หนอ...
เจอแต่ละคำถาม....เด็ดดวง!!!

ปล.ตอนนี้หนูสร้างความแตกต่างให้ตัวเองกะจารย์มี๊ ได้แร้ว....
เริ่มจากตัดผม...ตอนนี้หัวแหลมเป็นหัวลิงเลย (ลัล....ล้า~)

^___^

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-11 12:19:44


ความคิดเห็นที่ 381 (1312035)
avatar
asinatantra
image

ก๊ากกก ก๊ากๆๆๆๆๆ

อ่านที่นู๋จะโตขึ้นเป็นตันตริก เขียนแล้วก็ขำ พรางนึกว่านี้ละน่า คนเป็นตันตริกมันต้องเป็นแบบนี้  การมองโลกแง่ดี และ ฮา แบบนี้ซิ ถึงจะเรียกว่าเพี้ยนแนวตันตระ > > >

เปง งาย หละ ตัวจริงผมหลังจากอึ้งไป 20 วิ ผมอะหล่อเหลา แบบ คีรย์นู ลีฟ จริงมั้ย?

ผมอ ะ จริงๆแล้วหาไม่ยากเลย  ก็แค่คนไหนที่เดินไปทางไหนแล้วอาจารย์เค้าวิ่งหนีกัน ก็ คนนั้นแหละ...คนออกจาร๊ากกกกก

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-12 10:00:56


ความคิดเห็นที่ 382 (1315617)
avatar
asinatantra
image

กรรม ที่กำไว้...

อ่านเรื่องสงสัยเกี่ยวกับ กรรม ในหลายกระทู้หน้าแรก กรรมเก่า กรรมใหม่ กรรมปัจจุบัน สาระพัด  ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้กระจ่างได้ ด้วย เรื่องกรรมนั้นเป็นเรื่องของสมการหลายๆ สมการเข้าร่วมกัน หรือไม่ก็อย่างน้อยสองสมการ แน่ ๆ

จะรู้จักกรรม นั้นต้องเปิดกว้าง ใจกว้าง และยอมรับความผิดพลาดของตนเองแลtผลต่อเนื่องของกรรมได้  แต่ที่ไม่รู้จะสอนอย่างไรเพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ จะมีประโยค"ความผิดคนอื่น ฉันไม่ผิด" อยู่ตลอดเวลา มันก็เลยแก้ไม่ออก พอมีคนถามเรื่องนี้ก็พาลขี้เกียจอธิบาย เพราะอธิบายไปก็มาตันอยู่ที่ โห ได้ไง อะไรประมาณนี้ แต่พอมีเรื่องมีปัญหามีเรื่องทุกข์ขึ้นมา ก็มันเป็นกรรมอะไรน่า???? วนไปวนมาแบบนี้

มายกตัวอย่างง่าย ๆ กันซักอัน  โดนยืมเงินแล้วไม่คืน   ไม่ต้องเอาไปคิดว่ากรรมเก่าป่าวหว่าถึงได้โดนโกง  เอาสถานะการณ์ปัจจุบันเลยซึ่งจะผูกผันกันต่อไปอีก  โดนโกงโกธรไม๊? แน่นอนโกธร"" ไม่แปลก ผมก็โกธร แต่ความโกธรของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  การถูกโกงของแต่ละคนทำให้เกิดเรื่องราวต่างกัน เช่น ผมโดนโกงอาจจะทำให้ผมไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้ไม่ได้ แต่กับอีกคนอาจจะทำให้เงินที่เค้าจะเอามารักษาแม่ที่เค้ารักจากโรคร้ายหมดไปเพราะถูกโกง   แต่กับอีกคนอาจจะส่งผลกระทบให้เค้าโดนเจ้าหนี้ของตัวเองอีกรายตามรุมกระทืบ ฉุดกระชากลากถูเอาคนที่รักไป ข่มขืน ฆ่าทิ้ง....เห็นไม๊ว่าผลมันต่างกันมาก ความแค้น ความโกธรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่เหมือนกัน  แล้วผู้ที่ถูกโกงเป็นเจ้ากรรมของผู้โกงนั้นจะอภัยในแบบเดียวกันได้อย่างไร..แต่ทีนี้ แนวคิดของ ผู้ติดหนี้ นั้นมีหรือจะระลึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องโดนจากการกระทำของตนเอง มีแต่ก็ไม่มีทวงอยู่ได้รำคาญจริง !! ดีใจมันเลิกทวงซักที!!! และ อีกสาระพัดคิด ....

เจ้ากรรมรายหนึ่งอาจจะขอในใจ ลึกเข้าไปในดวงจิต(ซึ่งจะเป็นดวงเดียวกันทุก ๆ ชาติไป )ของตนเอง ว่า ขอไม่อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผู้ยืมโกงเอาไป ขอให้ผู้ยืมเอาไปถูกโกงบ้าง ถูก กระทำผลลัพท์ต่างๆ ที่เกิดเป็นลูกโซ่จากการที่ถูกเอาเงินก้อนนี้ไป ให้เกิดกับคนที่ยืมไปบ้าง???  คุณว่าอ่านถึงตรงนี้ แล้วคุณ ๆ คิดว่า มันจะไปจบลงที่ตรงไหน 

กรรม มันผูกกันไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่มีวันจบ ...

ศาสนาพุทธ ถึงสอนให้อโหสิกรรม การให้อภัยและไม่ติดใจอะไรอีก ช่วยได้เยอะครับแต่ไม่ทั้งหมด แต่อย่าเอาแต่พูดให้หรูหรานะ ต้องอภัยให้มันไม่ถูกจดจำเข้าไปในจิตด้วย  มิใช่พูดอโหสิกรรมให้มัน ดู โก๋ เก๋ กันไปอย่างนั้น ตามงานพิธีต่างๆ

การศึกษากรรม นั้นมันเริ่มจากการ  " เอาใจเราไปใส่ไว้ในใจเค้า"  แล้วลองคิดกลับดูว่า ถ้าเป็นเราๆ จะโกธรจะแค้นระดับไหน  แล้วมาดูว่ากรรมเก่า หรือ กรรมใหม่(ซึ่งอันนี้คงยากหน่อย) และรู้จักปลดกรรมออกจากตัวเอง ปลดยังไงก็อโหสิกรรมฝั่งเราก่อน และ หาคนเจรจาต่อเจ้ากรรมที่เราติดไว้ และพยายามไม่สร้างกรรมเพิ่ม ซึ่งตรงนี้จะโยงไปถึงคำสอน  " คิดดี ทำดี จิตใจแจ่มใส "

นี้เป็นตัวอย่างแบบนิด ๆ อิด ๆ ซึ่งพยายามจะอธิบายให้เห็นภาพ  หากทำความเข้าใจสภาพกรรมได้บ้าง การตอบคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ทุกข์ที่เกิดกับตนเอง จะถูกทุเลาลงได้บ้าง

มันไม่ค่อยมีอะไรเกิดจากการตบมือข้างเดียวแล้วดังหรอกครับ ถึงจะพูดแบบดื้อๆ ก็เอามือไปตบกับขาดิ ก็ ดัง ยังไงมันก็ต้องเอาอะไรไปกระทบกับอะไรอีกอย่างอยู่ดีถึงทำให้เกิดเสียงขึ้นมา.. มันอยู่ที่คุณเคยไปทำอะไรมาซึ่งคงอยู่แค่ที่ว่า คุณจะยอมรับกับสิ่งที่คุณทำหรือไม่????

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-14 10:09:58


ความคิดเห็นที่ 383 (1318719)
avatar
asinatantra

เมื่อสมัย ละอ่อน มักจะได้ยินคุรุบอกว่าผมทุกข์ใจเพราะไม่รู้ในตอนจบ .. ก็ งง ไป งง มา แล้วจะรู้ได้ไงละตอนจบก้ในเมื่อผมมันก็แค่หมานุดธรรมดาคนหนึ่งเองนะ (ผมนึกบ่นในใจ)..

โตมา หลังเข้าอปิตะ(ทุกข์)ไปหลายรอบ ก็มาเข้าใจว่ารู้ตอนจบของเรื่องต่าง ๆ นั้นมันก็ทำตามกำลังของเราได้ เช่น กินแล้วก็อิ่ม ซื้อของเยอะแล้วก็ตังค์หมด รักแล้วก็ต้องเลิก ปวดท้องซักระยะก็มีระยะหาย จนกระทั้งเกิดแล้วก็ต้องจบตาย  ฯลฯ ทุกอย่างมันมีจบของมัน..ทีนี้ก็สังเกตุ ดูมาระยะยาวระยะหนึ่ง  คนมักจะไม่ชอบที่จะรู้จุดจบของสิ่งที่ตนทำนักเพราะคนจะตั้งความหวังเอาไว้ว่ามันจะดี โดยเฉพาะคนที่ได้เสพหรือรู้จักว่าอะไรคือทุกข์และอะไรคือสุข  ที่เขียนแบบนี้เพราะเคยสนทนากับหลายๆ คนแล้วเก็บสถิติไว้ในหัวจนแน่ใจว่า มนูษย์บางคนชีวิตพวกเค้ามันถูกชีวิตกลืนมากเสียจนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่มันก่อสุขหรือทุกข์พวกเค้าจะรู้แค่มันต้องทำมันเป็นชีวิต มันเป็นของมันแบบนี้  แต่ การใช้ชีวิตแบบครึ่ง ๆ คือรู้จักแล้วว่าอะไรคือสุขและรู้จักแล้วว่าอะไรคือทุกข์ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ได้รู้จักมันแล้วแยกแยะเป็นแล้ว  สังเกตุดูว่า " การตั้งเป้าหมายในระยะหนึ่ง สั้น ๆ "  เป็นทางแก้ทุกข์ล่วงหน้าได้ดีแบบหนึ่งและสามารถทำให้คนที่สัมผัสทุกข์และรู้สุขแล้ว คือ ครึ่ง ๆ นี้ สามารถนำตัวเองผ่านเวลาว่างเปล่าได้...เช่น คนๆหนึ่งสร้างเป้าหมายของวันนี้คือต้องหากรรไกรสีดำมาแทนของเก่าที่หักให้ได้ มันดูไร้ค่าในสายตาคนอืีกหลาย ๆ คนแต่กรรไกรนี้ เป็นจุดหมายวันนี้ของคนๆ นี้ทีเดียว ฉะนั้นผลลัพท์ที่ได้ คนนี้จะตื่นขึ้นมาด้วยกำลังวังชา และ หวังว่าจะเจอ แต่งตัว อาบน้ำ กินข้าว เสพสุขกับหวังที่จะหาได้หลายๆ ชั่วโมงทีเดียว .... บางคนอาจจะตั้งว่า มีนัดทานข้าวกับคนที่ชอบตอนเย็น  ซึ่งจะทำให้ไม่ว่าระหว่างวันจะโดนอะไรกดดันเท่าไหร่คนๆ นี้ก็จะผ่านไปได้เพราะอธิบายว่าตอนเย็นจะได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ...

ปัญหาดูเหมือนจะอยู่ที่ว่า  ผิดหวังในสิ่งที่หวังไว้   ถ้ามันไม่ได้ มันไม่เกิดอย่างที่คิด ก็จะทุกข์มากกว่าคนอื่นๆ เค้าเพราะดันไปรู้แล้วว่า ทุกข์  คืออะไร

ซึ่งจะต่างกันผู้รู้ตอนจบแล้วอย่างที่กล่าวข้างต้น รู้ตอนจบแล้วก็เผื่อใจไว้แล้ว เข้าใจแล้ว  และเสพอย่างพอดี ๆ เพื่อที่ผิดหวังหรือมันไม่เกิด ก็แทบจะไม่ทุกข์แล้วเพราะรู้แล้ว..

แต่ทั้งนี้ทางแก้ของผู้อยู่ครึ่งๆ กลาง ๆ แบบที่อธิบายมามันก็มีนะ อย่างง่ายๆ นอนซะ ตามคุรุธัญญะมักจะบังคับให้ผมทำตอนเด็ก ๆ  ตื่นขึ้นมาเรื่องเดิมมันก็จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันทีทั้งสภาพจริง อารมณ์ และ ความรู้สึก...

ที่ลองเอามาเขียนดู  เพราะคิดว่าน่าจะมีผู้เป็นตันตริกอยู่ในขั้นตอนครึ่งๆ แบบนี้หลายคน  รู้จักทุกข์และรู้จักสุข  แต่ยังควบคุมมันไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยเกิดความเสถียรในอารมณ์เสพ>> ถึงวิธีนอน มันจะดูไม่น่าจะเท่ห์ซักเท่าไหร่ สำหรับใครหลายๆ คนเหมือนผมเมื่อสมัยเด็กๆ แต่ลองดูครับ เมืออารมณ์แบบที่ผมเขียนนี้เกิดขึ้นควร(ถอดปลั๊ก) ตามภาษาที่เรียกกันซึ่งหมายถึง นอนซะ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-15 10:40:38


ความคิดเห็นที่ 384 (1318737)
avatar
asinatantra
image

ตั้งแต่ป่วยด้วยจมูกทรยศ มาสองสามวัน ทำม่ายเราถึงเขียนได้ยาวอย่างนี้ ฟ่ะ เหอะ เหอะ โซดาซ่ามะหว่ายยยย คร๊าบบบบบ มึนซะตั้งแต่ยังไม่ล่ายดื่มเลยยยย

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-15 10:45:59


ความคิดเห็นที่ 385 (1318813)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@
image

สวัสดีค่ะ (อจ.)asinatantra

"นอนซะ มันจะดูไม่น่าจะเท่ห์ซักเท่าไหร่" ชอบๆๆๆ อ่ะค่ะคำนี้

แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเด็กสมัยนี้ (พวกใกล้ๆ ตัว) เป็นเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ตาม จะพากันไป "เมาซะ!!!" อยู่เรื่อย....

(เฮ้อ) แต่บางที มันอาจจะเป็นวิธี(เดียว) ที่ทำให้เค้าๆ หลับได้ง่ายขึ้นก็ได้...

*****

ตอนนี้กระทู้หน้าแรก จะมีแต่ทุกข์เรื่องรัก แต่ไม่สามารถมาเทวาลัยได้.... และไม่ว่าใครจะให้ข้อคิดยังไง

ก็จะมาจบคำสุดท้าย ที่ว่า

"ฉันจะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเขา" แค่คิดแบบนี้ พูดอย่างนี้ ก็เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ให้ย้ำคิดแต่แบบนั้น จริงมั้ยคะ...

*****

เช้านี้ เบลอๆ หน่อย เพราะเมื่อคืนนี้กลับจากเทวาลัยตีสองกว่าๆ ได้มั้ง(เวลาเธคปิด) ก็เลยตกบันได(ที่ออฟฟิต) ถือแก้วกาแฟเย็นมาด้วย แหม๊....เจ็บหน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อายจริง 555

 

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-15 11:12:42


ความคิดเห็นที่ 386 (1321470)
avatar
เจ้าบ้าน

"สุขก็ดี ทุกข์ก็ช่าง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" ทุกข์ก่อนทุกข์ จึงไม่ใช่วิสัย ของตันตริกที่ดี การใดยังไม่เกิด นั้น นั่นหมายความว่า อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ หากเกิดขึ้นแล้วทุกข์ ก็รอให้เกิดแล้วค่อยทุกข์  หากแต่ทุกข์ล่วงหน้า นั้น เล่า กลับทำให้ทุกข์ได้มากกว่า ทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจริงเสียอีก หากรักทุกรักอันทำให้เกิดสุข ได้นั้น และสุดท้าย รักเดียวกันนั่นเองก็จะต้องทำให้เกิดทุกข์อีกเช่นกันด้วยการพลัดพราก จากเป็น จากตาย ก่อนเวลาก็ดี ถึงเวลาก็ดี เมื่อเป็นดังนี้แล้ว เมื่อคิดได้แล้ว หนทางแห่งความพอดีจึงเกิด มาเพื่อแก้ไขในการนี้ "พอดี พอแล้ว  จึงจะดี น้อยไปไม่ดี มากไปไม่ดี พอแล้วจึงดี ดีแล้วจึงพอ พอให้ดี ไม่พอจะไม่ดี"

 

รักมากรักแล้วรักต้องพราก

รักมากพรากรักประจักษ์หนอ

รักมากรักนักรักเพียงพอ

รักเพียงรอพรากรักในสักวัน

 

รักแค่ไหนสักวันย่อมต้องพราก

รักให้มากจากรักเจ็บปวดหนอ

รักให้เป็นรักให้รู้จักพอ

รักเพียงรอจากเป็นหรือจากตาย

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-16 14:41:36


ความคิดเห็นที่ 387 (1321508)
avatar
เจ้าบ้าน

คิดถึงวันดับสิ้นสัญญาสุด

เกรงเสียจุดยืนยั้งยังจุดหมาย

ความรู้วิชชามีมากมาย

ตายคงหมดเสียสิ้นวิชชากู

อยากอยู่ยั้งยืนยงคงไม่ไหว

หาสืบไสย ยะวิชชา สารพัด

ผู้รับได้รับความรู้มีจำกัด

สืบทอดชัดสานฝันนั้นยากจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-16 15:00:38


ความคิดเห็นที่ 388 (1321552)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@

น้อมจิต น้อมใจ ด้วยเคารพ

ความรู้เรียน เท่าไร มิจบสิ้น

วิชชา แต่โบราณมา ท่วมฟ้าดิน

เท่าที่ เคยได้ยิน เทียบธุลี

 

ได้เจอท่าน นับเป็นวาสนา

เปิดกระโหลก เปิดปัญญา น้อยๆ นี้

ทุกถ้อยคำ รจนา ทุกกวี

ช่วยตอกย้ำ ว่าชาตินี้ มีบุญจริง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-16 15:35:04


ความคิดเห็นที่ 389 (1325157)
avatar
ลูกหมาตัวกลม
เมื่อเร็วๆนี้ทุกมากจากการทะเลาะกับคนในบ้านโกรธจนไข้ขึ้นเพราะทำอะไรไม่ได้วีนแตกไปสองสามคำแล้วก็เงียบถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใส่จนพอใจแต่เดี๋ยวนี้เงียบมากขึ้นและกลับไปนอนพอตื่นก็คิดได้ที่เราพูดก็แรงแต่เขาแรงกว่าเราชอบพูดให้เราเจ็บแต่เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเราเจ็บเพราะเรารักเขามากแผลที่มันโดนจิ้มอยู่เลือยก็เจ็บมากขึ้นเลื้อยๆคิดได้ว่าถ้าแผลมันจะเน่าก็ตัดมันทิ้งดีไหมพอคิดได้ว่าตัดดีกว่าจากที่รักมากก็เหลือแต่ความรู้สึกธรรมดาให้เขาดีก่วาก็แค่บุคคลหนึ่งที่ต้องอยู่ร่วมโลกก็รู้สึกดีขึ้นใจเย็นมากขึ้นเก็บอาการได้มากขึ้นไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่าคะเมื่อก่อนโดนเรียกว่าใส่หน้ากากไม่เป็นมีอะไรก็พูดไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยากจะทำให้ตัวเองนิ่งขึ้นลูกหมาตัวกลมขอลงบ้างนะคะหายไปนาน
ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกหมาตัวกลม วันที่ตอบ 2007-12-18 01:48:24


ความคิดเห็นที่ 390 (1325308)
avatar
ลูกหมาดำตาบอด

จะขอกราบ คุรุ ผู้เมตตา

ผู้ปราถนา จะยิบยื่น วิชาให้

ผู้อยู่สูง อยู่เหนือ กว่าผู้ใด

ผู้มีใจ เปี่ยมด้วย กรุณา

 

ที่คอยสอน คอยสั่ง ลูกหมานี้

ด้วยปรานี สุดแสน จะเล่าได้ 

ลูกหมาน้อย ขอประกาศ ให้รู้ไว้

จะอยู่ใต้ แทบเท้าท่าน ตลอดการ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกหมาดำตาบอด วันที่ตอบ 2007-12-18 03:09:19


ความคิดเห็นที่ 391 (1326725)
avatar
asinatantra

ตายแระ กลอนกันเต็มเลย!!! แต่ผมสุดปัญญาจะทำตามบ้างด้วยเขียนภาษไทยดี ๆ ประโยคธรรมดาให้ถูกต้องก็ไม่ค่อยสำเร็จแล้ว ด้วยตกวิชาภาษไทยมาแต่สมัย ป.4 ...

ผมขอนำประโยคอัมตะของผม มาเผื่อแพร่ให้เห็นภาพ " ทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดสุข แต่ความสุขนั้นต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง " ถึงตันตริกทั้งหลายจะรู้ว่า ความสุข มีเจ้าของแล้วแต่เราก็ยืม ก็ แอบกักเก็บสิ่งที่มันหลุดร่วงลงมาหาเราได้...

ความถูกต้องของใครๆ ก็ต้องตัดสินใจเอา แต่วัดได้ว่าตน มีความสุขขึ้นไม๊ ถูกผิด ใครกำหนด ผู้อื่นหรือตัวเรา...

ถึงจะเป็นทุกข์เดิมๆ วงกลมเดิมๆ แต่ขอให้ตอนจบรอบใหม่มันดีกว่ารอบเก่า ก็ถือว่าพัฒนาแล้ว...

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-18 14:44:30


ความคิดเห็นที่ 392 (1341946)
avatar
@@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@
image

Merry Chrismas ค่ะ(อจ.)asinatantra

หนูเปิดเข้ามาดูกระทู้นี้ทู๊ก.....วัน

อยากอ่านๆ ที่ท่านเขียนอีกจัง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น @@@ หนู จะ โต ขึ้น เป็น ตัน ตริก @@@ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-25 11:39:47


ความคิดเห็นที่ 393 (1344835)
avatar
น้ำเงิน แก่ ๆ อ่อน ๆ
image

ติดตามอ่านกระทู้ท่านasinatantra มานานแต่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ตอนนี้หนูมีเรื่องม่ายค่อยเข้าจายจะเรียนถามท่านค่ะ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปเลยค่ะ อาทิตย์นึงจะเข้าซักวันหรือสองวัน งานก็ยุ่ง เรียนก็เยอะ คิดถึงเทวาลัย และอาจาอาจารย์ทุกท่านจังค่ะ จากที่เคยเข้าทุกวัน วันนั้นเข้าไปก็ได้รับข่าวดีเลยว่าเปลี่ยนสีอิง ก็เลยงงๆว่าอยู่ดีๆทำไมถึงเปลี่ยนสีอิง หรือเพราะช่วงนี้พฤติกรรมเราเปลี่ยนไป เลยอยากถามท่านว่า สีที่เราสักกัดอยู่ และสีอิง มีความหมายกับการดำเนินชีวิตเรามากขนาดไหนค่ะ เพราะเคยได้ยินพี่ๆหลายท่านบอกว่าคำสอนอยู่ในพรหมลิขิต  สีทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรม หรือคนเปลี่ยนพฤติกรรมไปเพื่อจะให้เป็นสีๆนั้นที่ตนเองสังกัดอยู่ค่ะ แล้วถ้าอย่างหนูเปลี่ยนสีอิงจากแดงเป็นดำ แนวทางการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหมค่ะ แล้วอิงแดงกับอิงดำต่างกันยังไงค่ะ เรียนถามเพื่อขอความรู้ค่ะ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปเลยค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านล่วงหน้าก่อนนะค่ะ แล้วน้ำเงิน แก่ ๆ อ่อน ๆ จะรอฟังคำสอนจากท่านค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำเงิน แก่ ๆ อ่อน ๆ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-26 21:27:17


ความคิดเห็นที่ 394 (1347571)
avatar
asinatantra
image

มาแล้วคร๊าบบบบ  ไปเพลิดเพลินอยู่กับรักข้างเดียวของตัวเองมาหลายวัน.. อั่นแน่! อย่าครับอย่าพึ่งนึกไปว่าผมมีแค้วนกะเค้าแล้ว  รักข้างเดียวของผมนะคือ ต้นไม้ ต่างหากครับ ผมอะรักต้นไม้มากชอบเหลือเกินแต่มันก็เป็นแค่รักข้างเดียว ต้นไม้ ไม่ค่อยจะรักผมกลับ เพราะตายหนีผมซะเรื่อย ๆ ...แต่มะเปงราย ผมทนได้ ...พวกเค้าขยันตายผมก็จะขยันปลูกของผมต่อไป!!!

เอาหละมาตอบคำถามกัน..ผมจะตอบแบบไม่เห็นว่า น้ำเงินแก่ ๆ อ่อนๆ คือใครนะเลยไม่สามารถบอกได้ว่าเหมาะหรือไม่กับนู๋ ..สีหลักหมายถึงตัวตนเราในตันตระ  สีอิงหมายถึงพฤติกรรมนิสัยของเราณ ช่วงเวลานั้น  สีอิงสามารถเปลี่ยนได้ตามพฤติกรรมของตัวเราเอง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมใจความสำคัญของเรื่องคือ ไม่ว่าสีหลักใดสีอิงใด สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องไม่ลืม คือความเป็นตันตระ  ไม่ว่าอยู่สีใดก็ตันตระ ณ สุดท้ายตันตระก็คือตันตระไม่ใช่สี  ต้องไม่ลืมข้อนี้นะครับ 

คำสอนอยู่ในพรหมลิขิตมั้ย อันนี้ผมว่าไม่นะ มันอยู่ที่ตัวเราเองได้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตนเองครับ

สีน้ำเงิน แปลว่า อยุติธรรม

แดง แปลว่า ยุติธรรม

ดำ แปลว่า ชั่ว

น้ำเงินอิงแดง หมายถึง อยุติธรรมและยุติธรรม ในที่เดียวกัน น้ำเงินกับแดงเป็นสีของนามธรรม  ซึ่งหมายถึง คิดตลอดเวลาคิดทั้งสิ่งดีสิ่งไม่ดี  มีความเป็นมนุษย์สูง อยากทำอยากได้อยากเป็นในความคิด แต่ไม่กระทำออกมามาก

น้ำเงินอิงดำ  หมายถึงการคิดไปในทางที่ชั่ว  แต่อะ บอกก่อนว่าชั่วมันไม่ได้แปลว่าอะไรเลวร้ายแบบนั้นหรอกครับเดี๋ยวจะตกใจไปก่อน  มันแปลลึกกว่านั้นเยอะ แต่ณ ตอนนี้ เอาแค่ น้ำเงินอิงดำมักจะเป็นคนที่ตามใจความคิดของตนเองโดยไม่กลัวแม้เป็นการคิดชั่ว   สีนี้มีข้อดีและข้อเสียเหมือนทุก ๆ สีหลักและสีอิง  ข้อดีคือ ชีวิตมีสีสันมากสนุก บันเทิง ครบสูตร ข้อเสียคือ อาจจะเกิดสิ่งเกินพอดีได้ง่ายๆ มาก

ฉะนั้น ขอแนะนำตามภาษาคนแก่ว่า  อยู่ น้ำเงินอิงดำ อย่าให้ความสนุกนั้นเกินพอดีกับชีวิตและเกินพอดีกับความเป็นตันตระ   แล้วจะดี

หากอยากให้แนะนำมากกว่านี้ในเชิงลึก คงต้องเข้ามาหาผมที่เทวาลัย แล้วผมจะแนะนำสอนต่อให้ว่า น้ำเงินอิงดำ เป็นอย่างไรโดยไม่ต้องเขียนในเว๊ปกลางแบบนี้ โอเช่

ผมไม่รู้ว่า นู๋น้ำเงินแก่ๆ อ่อน ๆ เป็นใครเลยเดินไปคุยไม่ถูก แต่ถ้านู๋เป็นตันตริกแล้วย่อมรู้ว่าผมคือคนไหน ฉะนั้นเดินมาถามได้เลยครับ  แหะ แห ะ ผมคิดค่าตอบไม่แพง????

ซะงั้น!!!

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-29 10:31:56


ความคิดเห็นที่ 395 (1347970)
avatar
asinatantra
image

เมื่อวันที่ 28  ได้มีโอกาสพบท่าน 3.3 ซึ่งหลายตันตริกที่นับรุ่นเป็นแล้วคงพอนับถูก  นอกจากข่าวดีของตัวเองที่ได้ปรับโอกาสเรียนรู้แล้วท่านก็สอนเพิ่มในสิ่งที่รู้มาบ้างนิดหน่อย   มันเติมเต็มประโยค ที่ว่า

" ทุกข์มันอยู่ในใจ หากไม่นำทุกข์ไปใส่ใจ ใจย่อมไม่ทุกข์ "

ได้ฟังท่านสอนก็ได้หยั่งรากเข้าใจในสิ่งที่มนุษย์เป็น และแน่นอนว่าสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ มากขึ้นอีกหนึ่งขั้น ซาบซิ้งและเข้าใจแต่ก็คงต้องทำการฝึกปฎิบัติต่อไป แต่นึกถึงพวกพ้องตันตริก ก็อยากฉุดอยากดึงให้พ้นทุกข์ให้มากสุด แต่ทำไงถึงจะอธิบายศาสตร์ล้ำลึกของท่านในนี้ได้  

ท่านว่า " ไม่มีอะไรทำให้มนุษย์ทุกข์ได้นอกจากความคิดของมนุษย์เอง " มันช่างจริงแท้ นัก เราคิดให้เราทุกข์เอง มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับเราโดยแท้  สำหรับหลาย ๆ ท่านหรือบางท่านที่ผ่านมาอ่านคงคิดว่าผมบ้า ..ทุกข์มันเกิดจากคนอื่นทำเรานิ  มันจะเป็นเรากับเราได้อย่างไร อกหักมาเพราะเค้าทำเราไม่ได้ทำตัวเราให้อกหักซักหน่อย  แต่มันเป็นความจริงแท้ครับ ผมอยากดึงให้ทุกคนมายืนอยู่จุดที่ผมยืนอยู่แต่ทำไงหละ ???

มนุษย์คืออะไร  ทำไมถึงมีแต่เรื่องทุกข์ใจมากกว่าสุข ทำไมมันเป็นอย่างนี้? ใครเคยตั้งคำถามนี้กับตนเองบ้างหรือแม้แต่เคยตั้งข้อสังเกตุกับตนเองบ้าง? ใครกำหนดให้มันเป็นแบบนี้ ? แล้วทำไมเราต้องทำตามกฎต่างๆ ของชีวิตนี้ ทั้งที่ผลพิสูจน์ของหนทางก็คือ ทุกข์ ?

คำถามนี้ นำเราหรืออย่างน้อยก็ผมหละมาสู่ความคิดว่า  นี้ผมบ้าหรือผมโง่ อะ ! นี้มันกฎระเบียบของใครเอามาใส่ผม ทำไมผมต้องทุกข์ตาม??

ผมคงทำได้แค่มาโปรย  คำสอนไว้ให้คนที่ผ่านมาอ่านสำหรับวันใก้ลขึ้นปีใหม่นี้ ที่หลายๆ คนอยาก หรือ อย่างน้อยก็มีความคิดอยากจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ลองเอาไปนึกดูครับ ได้เห็น ความจริงแท้นี้ก่อนหมดลมหายใจก็ถือว่ายังดี  วันหนึ่งที่ตกลงไปในที่ๆ เชื่อหรือขึ้นไปในที่ๆ เชื่อ หรือ สำหรับเพื่อนหลายๆ คนที่อยู่ในพื้นเดียวกันนี้  ลองเอาไปดูสถิติตัวเองดู  เผื่อว่ามันคลิ๊ก หลุดได้จะได้เห็นว่า ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงมันมาจากความคิดเราทั้งสิ้น อย่างน้อยจับสังเกตุดูว่า เวลานอน หรือ เข้าห้องน้ำถ่ายท้องที่กำลังเสียจากอาหารไม่ดี หรือ ท้องเสีย  ทำไมเราถึงลืมทุกข์ไปได้ในชั่ววินาที หรือ นาที หรือ ชั่วโมงนั้น ๆ ทุกๆ อย่างมันมาจากการคิดของเราเองทั้งสิ้น

.....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-29 21:43:12


ความคิดเห็นที่ 396 (1348269)
avatar
asinatantra
image

สมุนเบบี๋ที่พึ่งจะหนึ่งเดือน..

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-30 09:57:18


ความคิดเห็นที่ 397 (1348271)
avatar
asinatantra
image

วันที่สมุนเบบี๋มาอยู่กับผม..

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-30 09:59:38


ความคิดเห็นที่ 398 (1348275)
avatar
asinatantra
image

สมุนเบบ๊๋วัยหนึ่งขวบ ซึ่งเริ่มแปลงร่าง!

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-30 10:02:31


ความคิดเห็นที่ 399 (1348278)
avatar
asinatantra
image

สมุนเบบี๋วัยสองขวบ แปลงร่างเป็นแบบนี้!!!

ซึ่งอาการย้วยอ้วนเกิดในทุกส่วนแล้ว ผุงกองอยู่กับพื้น ริมฝีปากโค้งย้วยยยย ยืดดดดดด....

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-30 10:05:52


ความคิดเห็นที่ 400 (1348280)
avatar
asinatantra
image

เนื่องจากสมุนเบบี๋ มี Happy Birth Day ครบสองขวบในวันพรุ่งนี้ เลยถือโอกาสเอามาประจานการแปลงร่าง!!!

โอ้ววว  ..... น่า เกลียดมั่กๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-12-30 10:08:32



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.