gallery | ข่าวสาร | เทวรูป พระมหาคเณชะ ปางต่างๆ | บาสัค | ดวงตราประมุข | ประคำเทพนพเคราะห์ |
สาระพันทุกข์ สุข ของอสินะตันตระ | |
asinatantra | เนื่องจากกระทู้สาระพันทุกข์สุข เดิมถึงวาระที่ต้องจากไป . . จึงได้โอกาสตั้งกระทู้บ่นใหม่ คราวนี้ใส่ชื่อตัวเองไว้เลย จะได้ไม่ต้องละอายใจที่รู้สึกว่า มีทุกข์สุข อยู่กะเค้าคนเดียว หุ หุ ใครที่แวะมาอ่านก้อเตรียมใจ ถัดจากนี้ไป ผมก้อจะบ่นของผมไปเรื่อย ^_^ - - eternity complain > > > |
ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra :: วันที่ลงประกาศ 2006-05-30 09:49:21 |
<< ก่อนหน้า 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ถัดไป >> |
ความคิดเห็นที่ 151 (658699) | |
asinatantra | ศุกร์ 13 จ้า....... พ่อใครมา น้ำตาใครไหล.... อุอุ..... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-13 10:09:02 |
ความคิดเห็นที่ 152 (667946) | |
asinatantra | เย้....มันกลับมาแล้ว สร้อยทองกะจี้ตะเกียบคู่ของผมมันกลับบ้านแล้ว.....โพสไว้ในกระทู้ไหนไม่รู้ว่าสร้อยกับจี้ที่ออกแรงไถ่เจ้าบ้านมามันหายไปจากคอ ซะ เฉย ๆ ..แต่วศินะตันตระบออกผมไว้ว่า "อย่าคิดมาก อย่าบ่นเยอะ ถ้ามันเป็นของเรามันก็จะกลับมาเอง" จนผมลืมมันไปแล้สนะเนี๊ยะ... เย้ยยยยยย.... มันกลับมาแล้วครับ พ่อแม่ พี่น้อง ทุกท่าน อยู่ดี ๆ มันก็กลับมาอยู่ในเก๊ะผม.....เหอะ เหอะ แสดงว่าผมจะมีคู่ตุนาหงัน กะเค้าแล้วนะครับ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-20 10:15:32 |
ความคิดเห็นที่ 153 (668454) | |
ป้าแมว | ฮูเล่ ๆ ฮูเล่ โย่ว ๆ ดีใจกับท่านอสินะตันตระด้วยนะคะ โพสไว้ที่ กระทู้ 108 ค่ะ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าแมว วันที่ตอบ 2006-10-20 17:32:21 |
ความคิดเห็นที่ 154 (668495) | |
asinatantra | อู อุ จำกระทู้ผมได้อีก ป้าแมว...ขอบคุณครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-20 18:05:42 |
ความคิดเห็นที่ 155 (669136) | |
asinatantra | เทศกาล เห็ดโคนรั่วบ้าน... วันก่อนเห็นคนโชว์บั่นท้าย คุ้น ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่แถวริมรั่วในสนามหลังบ้านผม ...อะใคร อะเข้ามาได้ไง???? หลังจากพิจารณาบั่นท้ายที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ซักพัก ก็ ถึงบางอ๋อว่า โถถถถ คุณแม่(มนุษย์) ผมนิเองคาดเดาจากสถานที่ที่กำลังก้มเงย อยู่ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า ถึงเทศกาลเห็ดโคนแล้ว เพราะปีที่แล้วในกะทู้เก่า ๆ เคยโพสไว้เกี่ยวกับเห็ดราคาแพงที่มาขึ้นอยู่ข้างรั่วบ้าน ตอนปลายฝน ต้นหนาว อิอิ ดูดิ ปีนี้ก็ไม่ยอมพลาดกัน แถมได้ความมาว่ามีแข่งกันเก็บ กะ คุณย่าเอนกซะด้วยนะครับ.....มันก็ดูน่ารักดี อะครับ แต่ก็นึกไปว่า ไปซื้อเอาจะดีไม๊อะ ค่ายาแก้ปวดหัวเข่ากะปวดหลัง จะแพงซะกว่าราคาเห็ดเอานะสิ.....อะ จึ๋ยยย แต่ใครจะกล้าแซว มีหวังโดนบ่นหูยาน!!!!! |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-21 10:05:34 |
ความคิดเห็นที่ 156 (669141) | |
asinatantra | คนเรามันจะ ป่วยกันแค่ชั่วหลับ กะ ตื่น ได้ไง ฟ่ะ??? อุตสาห์เก็บอาการ กระดี้ กระด้า ไม่ให้เจ้าบ้านเห็นว่า เย้ เย้ วันหยุดยาวสามวันแหนะ แถมงบประมาณเพียบ ๆ จะหาแอลกอฮอลเข้าเลือดมันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ยันเย็นวันจันทร์เลย ลา ล้า ล่า แอบบบบซุ่มเงียบอาการไว้ เดี๋ยวจะโดน ตัดไม้ล่ม..... ละก็โดนจริง ๆ ไม้ล่มทับ เมื่อคืนมันก็ยังดี ๆ อยู่เลยนะครับตอนนั่งโจ้สปาย เล่นเน็ทอยู่ในห้องนอน เข้านอนมีฟามสุก ...ครอก ครอก ... หลับข้ามคืนมา ตื่นขึ้นมา อ๋อยยย ทำไมมันปวดกระดูกกับหนาวอย่างนี้ ฟ่ะ!!!! คิดว่าแอร์ในห้องนอนคงเย็นไป เลยเดินลงไปเล่นกับสมุนหมูกับสมุนเบบี๋ ที่สนามหลังบ้าน นั่งเล่นอยู่ตรงแดดเปรี๊ยง แต่ผมหนาวอะ ??? ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม โดนตัดต้นไม้ล้มทับแย้ววววว โถ แล้วผมจะเอาแรงที่ไหนไปป่วน นอกบ้านละครับอีกตั้งสามวัน ......เศร้า ดิ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-21 10:13:05 |
ความคิดเห็นที่ 157 (669142) | |
วศินะตันตระ*-*เด้อคร่าเด้อ | 555วานนี้เราก้อโต้รุ่งอีกเเร้วนอนไม่หลับๆๆๆจิงๆๆๆโอ้ยทุกข์ๆๆๆช่างเหอะตักตวงกานหน่อยเราก้อเหลืออีกเเค่อาทิดเดียวก้อสิ้นจัยนั้นคือจาเปิดเทอมโอ้ยๆๆๆๆสู้ๆๆ((จิงหรือ?))โอ้เเม่เจ้าพาสาฝรั่งเสดคืนครูหมดเเร้วทั้งๆๆที่ม่ายค่อยมีหั้ยคืนเเร้วจาปายคุยก่าครายเค้ารุเรื่องมั้ยเนี้ยยยยยยบ่นๆๆๆๆเเร้วก้อบ่นนนนน5555ปายระชะเเว้บบบบบ |
ผู้แสดงความคิดเห็น วศินะตันตระ*-*เด้อคร่าเด้อ วันที่ตอบ 2006-10-21 10:13:22 |
ความคิดเห็นที่ 158 (669199) | |
asinatantra | ด้วยอยู่ในภาวะ ป่วย เลยต้องเปิดอยัยตะนะ เพิ่ม อืมม เกิดนึกถึงจิกซอล์ขึ้นมา .. ไร้ลักษณ อสัญญา วิมุติ ไร้ลักษณ คืออะไร อสัญญา คืออะไร วิมุติ คืออะไร คำสามคำนี้คือ จิกซอล์ ที่ตันตริกต้องต่อให้ครบ ครบเพื่อหลุดจากสิ่งพันธนาการณ์ คือ ทุกข์ใจ.. วันนี้นึกถึงประโยคหนึ่งในศาสตร์ วิมุติ ขึ้นมาคือ " วางซะตั้งแต่ยังไม่หยิบ " แน่นอนตันตริกทุกท่านคงเคยได้ยินมาบ้างกับประโยคที่ว่า " หยิบได้วางได้ค่อยหยิบ วางได้หยิบได้ค่อยวาง " ประโยคอัมมะตะที่ฟังกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จริงไหม...หากใครเคยฝึกวางแล้ววางเป็นแล้ว จะถูกฝึกให้หยิบอีกเพื่อหยิบแล้วจะได้วางเป็น..... เมื่อทำทั้งสองอย่างจนคล่องแล้ว สเต็ปต่อไปคือวางซะตั้งแต่ไม่หยิบ.... ฮ่ะๆๆๆ งงหละดิ ตัวอย่างเช่น ผมเป็นคนชอบกินมะม่วงเปรี๊ยวจิ้มพริกเกลือกระปิ มากกกกกก แต่กินไม่ได้เพราะกินมะม่วงแล้วอ้วน อ้วนแบบว่ามะม่วงหนึ่งลูกจะทำให้น้ำหนักผมเพิ่มหนึ่งโลเลยประมาณนั้น เมื่อผมรู้เหตุที่มาของผลลัพท์ ผมก็วางมะม่วงลงคือไม่กินด้วยความเข้าใจ ผมไม่กินมะม่วงของโปรดมาหลายปีมาก เห็นก็ไม่กินเพราะอธิบายกับตนเองว่า กินแล้วอ้วน...เอาหละถือว่าผมวางมะม่วงได้แล้วนะ ที่นี้ผมจะหยิบหละนะ ผมอยากกินมะม่วงแรดจิ้มพริกเกลือ ผมซื้อเลยปลอกกิน กินเท่าที่อยากกินและเสพกับความสุขของรสชาติของมันผ่านลิ้นเรานิหละ มันให้ความสุขผมมากผมจดจำมันเอาไว้ในส่วนหนึ่งของสมองถึงอารมณ์สุข ของการกิน และแน่นอน ผลตามคือ น้ำหนักขึ้นตามจำนวนลูกมะม่วงที่กินเข้าไป คราวนี้ผมต้องวางลงอีกครั้ง คือเลิกกินมะม่วงอีกครั้ง.... เมื่อทำทั้งสองอย่างเป็นทีนี้ก้อถึงประโยคที่ว่า วางซะตั้งแต่ยังไม่หยิบ ทำไง? อย่างนี้ ทุกวันนี้ผมเดินผ่านร้านขายผลไม้เจ้ามะม่วง อ้วน ๆ อวบ ๆ เขียว ๆ นอนอยู่ในตระกร้าแม่ค้า กระพริบตาให้ผม ปิ้ง ปิ้ง ผมเห็นมะม่วงผมอยากกิน ผมก็รื้อความรู้สึก ปิติ ของการกินมะม่วงที่ผมเก็บเอาไว้ในส่วนหนึ่งของสมองออกมา เสพมันซะเบ็ดเสร็จจากสมองผม ทั้งรสชาติของมะม่วงกับพริกเกลือและตามด้วยทุกข์ของการลดน้ำหนักอีกเป็นอาทิตย์ ๆ ที่นี้เมื่อทำครบกระบวนการในสมองแล้ว คือทั้งหยิบและทั้งวาง ประมวลผลส่งไปที่จิต จิตเราจะเสพทุกอย่างทั้งสุขและทุกข์ โดยที่ไม่ต้องลงมือกระทำซะด้วยซ้ำ อิอิ เข้าใจไหม??? ไม่เข้าใจหละดิ ?? ถือว่าเป็นของขวัญวันป่วยละกัน แต่ทั้งนี้ท่านต้องฝึกวางและหยิบ จนชำนาญซะก่อน และก่อนนั้นท่านจะวางและหยิบได้สมบูรณ์ได้ ท่านก็ต้องไร้ลักษณ และ อสัญญาให้สำเร็จมาก่อนเช่นกัน.... ถ้าถูกลบข้อความนี้ ภายหลังเพราะสอนมากไป ก็ ตัวใครตัวมันเด๋อ...... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-21 11:23:11 |
ความคิดเห็นที่ 159 (669466) | |
สีส้ม | หายป่วยไวไวฮับนาย |
ผู้แสดงความคิดเห็น สีส้ม วันที่ตอบ 2006-10-21 16:11:02 |
ความคิดเห็นที่ 160 (669544) | |
ป้าแมว | จะพยายามหัดฝึกฝน ตามที่อาจารย์ อสินะตันตระ สอนไว้ให้คล่องค่ะ "วางซะตั้งแต่ไม่หยิบ" ก็มีความสุขดีนะคะ เพราะไม่ต้องทำสิ่งนั้น ๆ อีก แต่มีจินตนาการของความสุข และทุกข์ในเวลาเดียวกัน เข้าใจในเหตุ และผล โดยไม่ต้องลงมือกระทำ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าแมว วันที่ตอบ 2006-10-21 18:17:25 |
ความคิดเห็นที่ 161 (670889) | |
ขอบคุณท่านอสินะตันตระ | เคยทำได้มาแล้ว แต่มาเจอคำสอนว่าเกิดเป็นคน คน ๆ เข้าไว้ต่อเลยกระจาย คนแรงไปหน่อย คงต้องกลับมาที่ทำไมใบไม้ไหว และต่อด้วย หยิบได้วางได้ค่อยหยิบ และเกิดเป็น คน คน คนเข้าไว้ คงจะต้องเลือกคน แล้ว
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ขอบคุณท่านอสินะตันตระ วันที่ตอบ 2006-10-23 12:31:17 |
ความคิดเห็นที่ 162 (671731) | |
asinatantra | วัยรุ่น(น้อย)เซ็ง จริงๆ .....ดูดิอาการดีขึ้นกลับมานั่งทำงานอีกแย้ว คิดๆ ไปงานนี้วันหยุดอันกระดี้กระด้าของผมมันชั่งเหมือนกับคำว่า คิดซะว่าฝันไป จิง ๆ เฮ้ออออ...ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงนอนกับ โจ๊กซองรุ่นพระเจ้าเหา ที่ขุดค้นพบในลิ้นชักในครัว ปะทังชีวิตมาได้...วันนี้ผมอะ กลับมาเป็นโซดา อีกแล้วนะ จะบอกให้...ล่า ล้า ลา วันนี้ ท้องฟ้าก็แจ่มใส แดดอุ่น ๆ เดินย้วย ๆ มาทำงาน...ถึงโต๊ะปุ๊บ ฮะจ๊ากกกกกกก ใครเอายาพิษมาวางบนโต๊ะทำงานผม.......มันคือ มันคือ!!!!! กุนเชียงหมู อะคร๊าบบบบบบ มันอะแดงระเรื่อ อวบอั๋น กระพริบตาให้ผมตรงมุมโต๊ะ พร้อมโน๊ตว่าอาจารย์นิน เอามาฝาก... โถถถถ ผมพึ่งจะสอนคนอื่นเรื่อง วางซะตั้งแต่ยังไม่ได้หยิบ นะเนี๊ยะ นี้แหละข้อสอบผมอีกอันนอกจากมะม่วง.... เอางี้เดี๋ยวผมจะหม่ำ แล้วเอาน้ำหนักคืนคนที่เอามาฝากไปละกันนะะ อาจารย์นิน นะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-24 10:43:03 |
ความคิดเห็นที่ 163 (672369) | |
ป้าแมว | อูยยยยยย อะหย่อยยยย วางซะตั้งแต่ไม่หยิบ ! ไม่อ้วนด้วย แย่งหม่ำแล้วนะจ้ะ หึ ๆๆๆ กำลังหิวพอดี |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าแมว วันที่ตอบ 2006-10-24 19:51:21 |
ความคิดเห็นที่ 164 (672500) | |
asinatantra | อุอุ อิ อิ ฮ่าๆๆ ป้าแมวเสร็จผมหละ!!! หม่ำกับผมแล้วต้องเอาน้ำหนักผมไปด้วยน่าเดี๋ยวคืนนี้ผมจะโอนไปให้น่า....เพราะผมอะ เขมือบไปจริง ๆ แล้วตั้งแต่มื้อเที่ยงท่อนครึ่งแหนะ โอ้ววววว อะหย่อยยยย ครับ ถึงเวลาหยิบก็หยิบครับ แต่เอาคำสอนคุรุธัญญะเข้าใช้คือ พอดี
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-24 21:33:07 |
ความคิดเห็นที่ 165 (672828) | |
วศินะตันตระ | หุหุมีคนถามมาว่าสมาคมคนนอนม่ายหลับของกระผมนี่ไม่อยากนอนหรือนอนม่ายหลับ-*-ขอตอบโดยตรงว่านอนไม่หรับขอรับคงม่ายมีครัยยอมเเหกขี้ตานั่งยุคนเดียวถึงเช้าหุหุเเร้วตอนนี้กระผมก้อยังม่ายด้ายนอนเรยจึ๊ยๆๆๆเข้าปายหาคุนปุ๊กก่าคนอสินะตันตระดีกว่า...ชะเเว๊บบบบบบ*^* |
ผู้แสดงความคิดเห็น วศินะตันตระ วันที่ตอบ 2006-10-25 09:20:00 |
ความคิดเห็นที่ 166 (672942) | |
asinatantra | โอ้ยยยยยย วศินะตันตระจะมาแย้ว!!!! หนีดีฟ่า.... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-25 10:35:42 |
ความคิดเห็นที่ 167 (675831) | |
แว่น | เรียนถามท่านอสินะตันตระ หลังจากแอบเรียนจากที่ท่านอสินะตันตระสอนมากจากกระทู้ต่าง ๆ ก็พอจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เลยอยากขอความกรุณาท่านช่วยอธิบาย " เกิดเป็นคน คนคนเข้าไว้ " แบบพื้น ๆ ให้บัวเหล่าที่ 5 ที่มีความรู้นิดๆๆๆๆๆๆๆ ได้อ่านประดับความรู้อีกสักครั้งจะได้มั๊ย :-) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-27 14:57:54 |
ความคิดเห็นที่ 168 (675946) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่น ตอบแบบง่าย ๆ เลยนะ มันเป็นประโยคประชดไง ว่าบางทีการทำตัววุ่นวายแบบมนุษย์มาก ๆ แล้วเกิดเรื่องะวกเหล่าตันตริกก็จะประชดกันเองด้วยประโยคเล่นคำว่า "เกิดเป็นคน คนคนเข้าไว้" อีกความหมายหนึ่งคือ เมื่อหันวางแล้วในระดับหนึ่งมันจะนิ่งเกินไปเหมือนก้อนหิน ชีวิตก็ไม่สนุกสิ พวกเราชาวตันตริกก็จะแซวกันว่า " เฮ้ยยยย เกิดเป็นคน คนคนเข้าไว้" หมายถึงออกไปหาอะไรให้มันสนุกทำดีกว่า สามารถแปลลึกกว่านี้ได้อีก แต่เอาแค่นี้นะครับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-27 16:42:32 |
ความคิดเห็นที่ 169 (677266) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ ก่อนอื่นใด แว่นต้องขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ท่านอสินะตันตระและเหล่าอาจาย์ที่ท่านช่วยสอนให้เข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น (พูดด้วยความจริงใจไม่ได้พูดเล่น เพราะหลังจากที่เข้ามาอ่าน Web และเข้าไปที่ตันตระเทวาลัยแล้วทำให้แว่นเข้าใจในชีวิตมากขึ้น) และก็อยากจะบอกว่าพลาดอีกแล้วคับท่าน ตั้งแต่ได้เข้าตันตระเทวาลัย มีการประกอบพิธีตั้ง 4 ครั้ง ตั้งแต่วัชระบูชา กรรมะบูชา 2 ครั้ง และรัตนะบูชา ไม่มีโอกาสได้ไปสักครั้งอยากจะร้องไห้ คงมีกรรมเลยไม่มีโอกาสไป เข้าเรื่องเลยดีกว่าตอนนี้แว่นมีความทุกข์เรื่องอื่นนอกจากเรี่องทุกข์เพราะรัก ซึ่งท่านคงทราบดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยอมรับความจริงแล้วว่าทำไมเขาหมดรัก แต่ยังทำใจไม่ได้ ยังคงถือมันไว้แต่ก้อกำลังพยายามวางมันอยู่ แว่นยังมีทุกข์อีกอย่างหนึ่งคือไม่ทุกข์ร้อนในเรื่องต่าง ๆ เช่น แว่นเป็นหัวหน้าแผนก แต่ลูกน้องในแผนกไม่พูดกัน เพื่อนๆมองว่ามันเป็นปัญหาที่เราควรเรียกประชุมแต่เราก็ยังมองไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหาตรงไหนที่จะทำให้เราเรียกประชุม คนรักมีปัญหาเรื่องครอบครัวเขามาเล่าให้เราฟังเราก็ยังมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และอีกหลาย ๆ เรื่อง เลยทำให้รู้สึกว่ารอบตัวเรามีปัญหาตั้งหลายอย่าง แต่ทำไมเราไม่รู้สึกทุกข์ร้อนที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ตอนนี้เลยรู้สึกว่าทำไมเราถึงเป็นอย่างนี้แล้วจะแก้ไขอย่างไรดี (มีทุกข์อีกเรื่องนอกจากความรัก คือเรื่องเงินแต่พิจารณาแล้วรู้ว่าเกิดจากอะไรตอนนี้เลยต้องรับกรรมจากผลที่ตัวเองทำไว้) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-28 21:12:40 |
ความคิดเห็นที่ 170 (677270) | |
แว่น | พูดง่าย ๆ ขอรับท่านอสินะตันตระ คือตอนนี้แว่นมีปัญหาเพราะไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่หือไม่อือกับเรื่องต่าง ๆ รอบข้าง อยากเรียนถามท่านอสินะตันตระอีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกข์กับปัญหาต่างกันอย่างไร อย่างไรเรียกว่าทุกข์ อย่างไรเรียกว่าปัญหา |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-28 21:17:51 |
ความคิดเห็นที่ 171 (677544) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่น ข้อความคุณแว่นสงบลงนะครับ ผมดีใจ การที่เห็นว่ารอบตัวมีปัญหา หมายถึงเห็นว่าบุคคลอื่นรอบตัวมีปัญหา ยอมหมายถึงคุณสงบลงแล้ว หากคุณไม่สงบและนิ่งพอคุณจะไม่มีทางเห็นว่ารอบข้างตัวคุณมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง นี้หละครับ ทำไมใบไม้ถึงไหว ส่วนว่าการที่คุณไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาคนอื่นนั้นในส่วนตัวผมว่า มันไม่เห็นแปลกบุคคลที่นำทุกข์มาให้คนอื่นสิแปลกในตันตระ เราไม่เอาทุกข์มาฝากกันครับ รักกันจริงต้องเจอกันยามมีสุข สิครับ ปัญหากับทุกข์ นั้นต่างกันยกตัวอย่าง เรื่องหนี้ การเป็นหนี้คือปัญหาเพราะเราติดหนี้เค้า เค้าก็ตามทวงตามด่า ตามรังควาน มันนำมาซึ่งความรู้สึกทุกข์ได้ ถูกไหมครับ ทีนี้การแก้ทุกข์คือ ไม่เป็นทุกข์ที่เป็นหนี้ มีหลายหนทางที่จะอธิบายว่าอย่างไรจะไม่ทุกข์เรื่องหนี้ ทีนี้คนที่ทำสำเร็จเรื่องไม่ทุกข์ในการเป็นหนี้คือแก้ทุกข์สำเร็จ แต่ปัญหายังคงอยู่คือหนี้ ถูกไหมครับ เข้าใจไหมเอ่ย ถ้าไม่เข้าใจก็ถามเพิ่มมาครับ จะอธิบายให้ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-29 10:09:22 |
ความคิดเห็นที่ 172 (677658) | |
y | ขอเรียนถามคุณอสินะตันตระนะคะการไม่มีทุกข์ในการเป็นหนี้ คือการแยกเรื่องความทุกข์ออกจากหนี้ ก็คือการแก้ทุกข์โดยการรับสภาพ ส่วนเรื่องการเป็นหนี้ หนี้ก็ยังคงอยู่ อย่างนี้ เป็นกรรมใหม่ ใช่ไหมคะ รบกวนด้วยค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น y วันที่ตอบ 2006-10-29 13:44:09 |
ความคิดเห็นที่ 173 (677901) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ วิธีการแก้ทุกข์เพราะการเป็นหนี้ คือการหาสาเหตุของการเป็นหนี้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำความเข้าใจการสาเหตุของการเป็นหนี้(จำได้จากการอ่านกระทู้ของท่านอสินะตันตระราง ๆ) หรือ หลับตาซะก็จะไม่เห็นใบไม้ไหว (อันนี้อาจารย์ที่ตันตระเทวาลัยสอนด้วยตัวเองแต่ไม่ทราบชื่อเพราะไม่กล้าถาม หรือ"ไม่เอาทุกข์มาใส่ใจใยจะทุกข์" (อันนี้เกิดก็คำสอนของตันตระอีกนั้นละ) ใช่มั้ยขอรับท่านอสินะตันตระ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาของการเป็นหนี้ คือ การเอาเงินไปใช้หนี้เขา |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-29 19:45:51 |
ความคิดเห็นที่ 174 (677954) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากกระทู้แก่นของตันตระและตันตระเทวาลัย ขออนุญาตถามท่านที่กระทู้นี้เลยนะขอรับเพราะเริ่มงงในการอ่านกระทู้ของตัวเอง จากที่ท่านอสินะตันตระได้กรุณาให้ความกระจ่างเรื่องการหลุดพ้น ว่ามี 2 วิธี คือ การอยู่เหนือกรรม ซึ่งทำยากมากกกกกกกกกกกกก กับวิธีการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คงไม่พ้นเรื่องความรักก็แล้วขอรับ (หยิบได้แต่ยังวางไม่ได้สักที เรียนภาคทฤษฎีมาแยะมากตอนนี้กำลังเรียนภาคปฏิบัติอยู่ไม่รู้ว่าจะสอบผ่านหรือเปล่า) คือแว่นได้ขอพรจากองค์เทพให้คนรักกลับมาตอนนี้คนรักก็กลับมาแล้ว (ตามที่ได้พิมพ์ไว้ในกระทู้ระบายทุกข์) และแว่นได้พิจารณาหาสาเหตุที่ทำให้เขาหมดรักเรา และพยายามปรับปรุงของผิดพลาดที่เกิดขึ้น อย่างนี้เรียกว่าการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย (คือยังวางไม่ลงขอรับ) และในความคิดคือถ้าเขายังไปจากเราอีกเราก็จะไม่รักอีกเพื่อไม่ให้เป็นทุกข์อีก อย่างนี้ก็เรียกว่าการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย (ในที่สุดก็ยังคงวนเวียนเรื่องความรักอีกโดนว่าแน่ๆๆๆๆ) :-) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-29 20:21:08 |
ความคิดเห็นที่ 175 (677958) | |
แว่น | ลืมขอรับ ตอนนี้ที่ไม่มีโอกาสเข้าตันตระเทวาลัยไม่ใช่ว่าคนรักกลับมาแล้วเลยไม่เข้า แต่เพราะเงินหมด (เนื่องจากผลกรรมของตัวเอง) ทั้งทีอยากไปใจจะขาดอยู่แล้วอือๆๆๆๆ เป็นตายยังงัยอาทิตย์นี้ต้องเข้าตันตระเทวาลัยให้ได้ |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-29 20:25:05 |
ความคิดเห็นที่ 176 (678022) | |
asinatantra | ทั้งคุณ y และ คุณแว่น พรุ่งนี้เช้าจะมาตอบ เนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันเดี้ยงของผม...โอเช่ พรุ่งนี้เจอกัน |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-29 21:28:57 |
ความคิดเห็นที่ 177 (678658) | |
asinatantra | ตอบคุณ y กระทู้ 173 การแก้ทุกข์ของการเป็นหนี้ ไม่ใช่การ รับสภาพ แต่ที่ผมเขียนนี้หมายถึง การทำความเข้าใจ ต่างกันตรงที่หากคุณรับสภาพมันหมายถึงคุณเก็บกดความคิด อารมณ์บางอย่างไว้มันจะทำให้ไปอารมณ์จะไปปูดด้านอื่น แต่หากทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเป็นหนี้ และการเป็นหนี้ นี้สมควรแก่การเกิดทุกข์ คุณจะหมดเรื่องค้างคาในใจ วิธีทำความเข้าใจอย่างหนึ่ง เช่น การเป็นหนี้ของเรานั้นไม่ได้มีใครเอาปืนมาจ่อขมับว่า เป็นซะไม่เป็นจะยิงทิ้ง แน่นอนว่ามันเกิดจากการตัดสินใจของเราเองด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่สนับสนุนอยู่ เพราะฉะนั้นการเป็นหนี้ของเราจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่มันควรจะเกิดทุกข์ ส่วนเมื่อคุณแก้ทุกข์ของการเป็นหนี้ได้ แน่นอนว่า หนี้ยังคงอยู่เพราะคุณยังไม่ได้เอาเงินไปคืนเค้าใช่ไหม นั้นไม่ได้หมายถึง กรรมใหม่ อย่างที่คุณเข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องเดิมครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-30 12:31:31 |
ความคิดเห็นที่ 178 (678677) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่นกระทู้ 174 ดีครับเข้าใจได้ดี ใช่ครับการทำความเข้าใจ ว่าเพราะอะไรถึงเป็นหนี้จะอธิบายความทุกข์ใจของคุณได้ในระดับหนึ่ง ถ้าการเป็นหนี้มันมาจากการไม่มีเหตุผลของคุณเอง คุณก็จะได้รู้ครับว่า มันไม่ถูก อย่าทำอีก แต่ถ้ามันมีเหตุผลสมควรคุณก็จะเข้าใจสิ่งที่กำลังทุกข์ดีขึ้น ส่วนหนี้นั้นผมก็ยังเห็นด้วยกับการนำไปคืนเค้า นั้นเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่หากคุณอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่สามารถคืนได้เลยจริง ๆ คือไม่มีเงินเลย ก็ต้องทำความเข้าใจกับสถานะการณ์นั้นและแก้ทุกข์ซะ ซึ่งในกรณีนี้เรียกว่าปัญหายังคงอยู่แต่ไม่ทุกข์กับมัน.... ตอบ คุณแว่นกระทู้ 175 ไม่ผิดหรอกครับกับการที่ยังวางไม่ลง ขอแค่ได้เริ่มทำและพยายามต่อไป การปรับข้อผิดพลาดของเราเอง เป็นเรื่องน่านับถือแล้วครับ ถึงมันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล แต่เราจะสามารถตอบตัวเองได้ว่า ได้พยายามแล้วได้ลองทำแล้ว หากมันเกิดขึ้นในรอบหน้าที่โดนทิ้งคุณก็จะทำได้ดีขึ้น... ในกรณี โดนทิ้งอีกหรือเค้าจากไปอีก ใช่ครับเราทำความเข้าใจกับมันครับ และคุยกับตัวเองดูว่าเข็ดไหม หรือว่ายังไม่เข็ด หรือว่าความรักยังเป็นสิ่งให้ความสุขกับคุณอยู่ หากใช่ก็เล่นแกมใหม่แต่ทำให้ดีขึ้นกว่าเก่า แต่หากว่าไม่ใช่คำว่ารัก มันทุกข์ทรมานเหลือเกินมิสามารถทนทานได้ ก็จงอย่ารักอีกครับ เอาแค่คำว่าชอบก็พอ .... จำไว้เถอะครับ มันไม่มีอะไรเป็นของอะไรอย่างแท้จริงหรอกครับ .... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-30 12:47:45 |
ความคิดเห็นที่ 179 (679096) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ เข้าใจแล้วขอรับและพยายามนำไปปฏิบัติให้ได้มากที่สุด วันนี้ไม่มีโอกาสได้ไปเทวาลัยอีกแล้ว เลยมีเวลาว่างมาตั้งคำถามที่ไม่เข้าท่าให้ท่านอสินะตันตระรำคาญใจอีกแล้วขอรับ จากที่ท่านได้ชี้แจ้งให้อ่านว่า คนเราวันเดือนปี และเวลาเกิด เป็นรหัสชีวิตที่ทำให้เราเป็นอย่างไร เช่น มันกำหนดให้เราต้องโดนทิ้งเป็นประจำ (อันนี้รู้ด้วยตัวเอง) หรือมันกำหนดให้เราจะมีเงินมากเท่าไหร่ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า รวยหรือจน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรขอรับ คือถ้ารู้ว่าชีวิตนี้ไม่มีโอกาสรวย ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม จะได้มีต้องขวนขวายทำ ที่เรียนถามเพราะความขี้เกียจทำมาหากินขอรับ ได้พบผู้รู้เหมือนพบทองคำจริง ๆ ขอรับ อยากเรียนรู้อีก ท่านอสินะตันตระมีอะไรพอชี้แจงบัวเหล่าที่ 5 อีกมั้ยขอรับ อยากเรียนๆๆๆๆๆอยากรู้อีก (ได้ความรู้มานิดหน่อยเลยโลภอย่างได้มีขอรับ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-10-30 18:53:15 |
ความคิดเห็นที่ 180 (679562) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่นกระทู้ 180 อย่างแรกอย่าขี้เกียจครับ ผมเองก็เกิดมาไม่ฉลาดแต่ผมไม่ขี้เกียจ คำว่าขี้เกียจมันจะทำลายเราทุกอย่างครับ ฉะนั้นจำไว้ครับ อย่าขี้เกียจเด็ดขาด...โอเช่? ทำอย่างไรถึงรู้ว่าเราเกิดมาพร้อมกับ เท่าไหร่? ใช่ครับนั้นแหละสำคัญ 1.เรารู้ได้ด้วยการจดสถิติสิ่งที่เกิดกับชีวิตเรา มันค่อนข้างใช้เวลาแต่ทำด้วยตัวเองได้ เพราะเรื่องบางเรื่องมีระยะวนกลับ 10 ปี 12 ปีก็มี 2.เจ้าบ้านครับ ท่านบอกได้ว่าคุณเกิดมามี ได้ หรือเสีย ได้เท่านั้นหรือเท่านี้..แต่คุณทุกคนคงกลัวท่านไม่กล้าถาม อิอิ .... พอรู้แล้วเชื่อ เชื่อแล้วจด สถิติตนเองไว้ และพัฒนาให้เพิ่มหรือหลีกเลี่ยงเวลามันวนกลับมา ส่วนเรื่องสอนผมไม่ได้สอนอะไรหรอกครับ อย่าเรียกแบบนั้นเลย ผมก็แค่ชี้ทางให้คนที่มีชะตาที่อ่านแล้วเข้าใจหลุดพ้นแค่นั้นเอง..... ผมชอบเห็นรอยยิ้มของมนุษย์ครับ....ง่าย ๆ แค่นั้นเอง แต่หากมีอะไรถามก็ถามมาจะตอบให้ แค่อย่าถามผมว่า เหาะทำอย่าไร เพราะอันนี้ทำไม่ได้ครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-31 10:43:27 |
ความคิดเห็นที่ 181 (679586) | |
asinatantra | วันนี้ตื่นเช้ามาปล่อยสมุนหมูกับสมุนเบบี๋ ผมได้สัมผัสอากาศ กลิ่น และสีท้องฟ้าของหน้าหนาว พร้อมเสียงร้องของนกกาหว่าร้องส่งเสียงมาจากต้นไม้ใกล้ ๆ แหมมม มันช่างให้พลังงานดีนัก... เมื่อวานมีเรื่องขำ น้องปุ๊ก(ปิ่น) ที่หลาย ๆ คนคงรู้จัก ฝ่ายประชาสัมพันธ์แสนใจดีของเราตันตระเทวาลัย เธอหัวเราะและบอกผมว่าเธอคิดคอนเซ็ปตัวเองได้แล้ว เธอว่า สวยใส สบายใจ ไร้สมอง ก๊ากกกกกก... ผมหัวเราะฮาตั้งนานด้วยคอนเซ็ปช่างตรงนักโดยเฉพาะ ไร้สมอง !!!!! อะ นะ ผมเอาน้องปุ๊ก(ปิ่น) มาแซวบ่อย ๆ ในหลายกระทู้ เลยอยากชมบ้าง...เคยได้ยินไหมครับว่าคนโง่ที่แท้จริง จะไม่รู้ว่าตนเองโง่ หากแต่บุคคลใดยังรู้ยังพูดว่าตนเองโง่ อยู่นั้นแหละคือความฉลาดที่แท้จริง....ผมได้มีโอกาสสนิทกับน้องปุ๊กปิ่น ในช่วงที่ชีวิตเค้ามีทุกข์หนัก ซึ่งผมไม่ขอเล่าด้วยเป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า ปุ๊ก(ปิ่น)ยืนไม่ได้ในตอนนั้นและมีความเป็นมนุษย์และทุกข์อย่างมนุษย์แบบเต็มเปรียม....ผมและเจ้าบ้านหยิบยื่นหนทางของแนวคิด ตันตระ ให้ใน ณ ช่วงนั้น..ผมจำได้น้องปุ๊ก(ปิ่น) พูดทั้งน้ำตาว่าโง่อย่างปุ๊กจะไหวเหรอ จะทำได้เหรอ แน่นอนเจ้าบ้านตอบว่าได้สิถ้าคิดจะทำ เพราะอะไรนะเหรอครับ เพราะทั้งที่น้ำตานองหน้าแต่น้องปุ๊ก(ปิ่น)ไม่ได้เถียงในแนวความคิดเลยซักนิดได้แต่ตั้งใจฟังแนวชี้แนะพร้อมน้ำตา แล้วบอกว่า จะพยายาม... วันนี้ เวลาผ่านน้อง ปุ๊ก(ปิ่น) ที่พวกเราแหย่เล่นกันกระจายทุกวันว่า ไร้สมอง นั้น ลองถกกันดูสิครับว่าน้องปุ๊ก(ปิ่น)มีแนวคิดที่ไม่ทุกข์ได้ดีขนาดไหน เหตุเพราะไร้สมองและยอมรับในมันจึงทำให้น้องปุ๊ก(ปิ่น)ไม่เถียงในการนำแนว ตันตระ เข้าสู่วิถีตน จน ณ วันนี้เธอผู้ สวยใส สบายใจ ไร้สมอง ถือประคำสี ขาวอิงดำ ซึ่งหมายถึงผู้เรียนแนวเวช ล้วน ๆ และเธอทำได้น่าสนใจมากทีเดียว....... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-31 11:05:09 |
ความคิดเห็นที่ 182 (679876) | |
asinatantra | วันนี้ฮาโลวีน เทศกาลผีต่างชาติ ที่คนและผีไทยก็มันส์สสสส ได้.....ขณะนี้ บ่ายสองฟ่า ๆๆๆ ได้ยินน้อง จินโทนิค มันกำลังเรียกหาผม..ไปดี ไม่ไปดี ไปดี ไม่ไปดี!!!!! |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-10-31 14:39:33 |
ความคิดเห็นที่ 183 (679912) | |
ฮิ ฮิ | คงไป อุสาห์ถูกปล่อย |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฮิ ฮิ วันที่ตอบ 2006-10-31 15:05:37 |
ความคิดเห็นที่ 184 (680707) | |
asinatantra | ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบบ *^* ผมไปมาแต่ไปแบบ พอดี พอดี ช่วงนี้มีงานให้ต้องเก็บสมองเอาไว้คิดซักกะหน่อย เลยไม่สามารถเอาน้องจินที่น่ารักเข้ากระแสเลือดได้เยอะ....สรุป เป็นซินดอเรล่าครับ เที่ยงคืนถึงบ้าน อุอุ พอดี พอดี |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-01 10:44:39 |
ความคิดเห็นที่ 185 (681357) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ เมื่อวานแว่นได้ไปเทวาลัยมาแล้วขอรับ พอเข้าไปถึงแล้วรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เวลาขับรถไปก็ตั้งใจไว้เหมือนกันขอรับว่าจะไปถามท่านเจ้าบ้านว่าแว่นเกิดมาพร้อมกับเท่าไร่? เพราะตอนนี้แว่นคิดจะประกอบธุรกิจ นอกเหนือจากการที่เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเดียว แต่มันมีคำถามมากระซิบที่ข้างหู ว่า"แล้วจะรู้ไปทำไม รู้ไปเพื่ออะไร" ก็เลยคิดว่ารู้เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราควรจะประกอบธุรกิจส่วนตัวมั๊ย แต่มันก็มีความคิดขัดแย้งอีกว่า เราจะไม่ทำจริงหรือ แล้วชีวิตจะมีรสชาติได้อย่างไร คิดขัดกันไปขัดกันมาอย่างนี้จนถึงเทวาลัย พอเห็นหน้าท่านเจ้าบ้านเท่านั้นล่ะขอรับ คำถามที่จะถามมันหายไปจากหัวตอนไหน ได้แต่รู้สึกว่าอุ่นใจเหมือนมืร่มเงาให้เราได้พึ่งพิง แล้วแว่นก็ได้ความรู้อีกแล้วขอรับ แว่นขอเถียงสุดใจเลยขอรับว่าที่น้องปุ๊ก(ปิ่น) ของท่านอสินะตันตระ หรืออาจารย์ปุ๊กของแว่น ไร้สมอง เพราะถ้าอาจารย์ปุ๊กไร้สมอง แว่นก็โค-ตะ-ระไร้สมองเลย ที่เขียนอย่างนี้เพราะว่าคนแรกในเทวาลัยที่สอนแว่นก็คืออาจารย์ปุ๊กนี้ละขอรับ จำได้วันแรกที่แว่นเปิดเจอ Web ของตันตระเทวาลัย แว่นก็สนใจและเดินทางไปเทวาลัยเลยขอรับ และก็ได้รับคำชี้แนะที่ยังไม่ถูกใจเพราะแว่นหา Web นี้เจอด้วยคำว่า "ไสยศาสตร์" และอ่านเจอว่าสามารถทำให้คนรักกลับมาได้ แต่พอเข้าไปกับได้คำแนะนำให้ขอพรองค์เทพเลยไม่ค่อยถูกใจ พอวันรุ่งขึ้นก็โทรไปที่เทวาลัยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการทำคุณไสยให้คนรักกลับมา ก็ได้คุยกับอาจารย์ปุ๊กซึ่งก็ได้รับคำสอนหลายอย่างแต่ตอนนั้นแว่นไม่สนใจอะไรต้องการอย่างเดียวคือให้ช่วยทำคุณไสยให้คนรักกลับมาชี้แนะนานมากแว่นก็วนอยู่เรื่องเดียวจนอาจารย์ปุ๊กคงอ่อนใจเลยว่า ตัดสินใจอย่างไรก็อย่าหลอกตัวเองก็แล้วกัน ตอนนั้นแว่นก็เลยคิดว่า การที่แว่นไม่หลอกตัวเองคือแว่นต้องการให้คนรักกลับมาเหมือนเดิม (ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่าเราก็ยังหลอกตัวเองอยู่ดี) วันรุ่งขึ้นแว่นก็เลยไปเทวาลัยอีกเพื่อขอให้อาจารย์ทำคุณไสยให้แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือให้ขอพรองค์เทพซึ่งแว่นก็ไม่เข้าใจอีก จนกระทั่งวันนี้แว่นรู้แล้วว่าอาจารย์ปุ๊กพยายามจะสอนจะบอกอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าอาจารย์ปุ๊กไร้สมอง แว่นก็คงโค-ตะ-ระ ไร้สมองเลยขอรับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-01 20:55:53 |
ความคิดเห็นที่ 186 (681387) | |
แว่น | ส่วนเรื่องความรู้ที่แว่นได้มาไม่รู้ว่าแว่นเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าเลยต้องขอคำชี้แนะจากท่านอสินะตันตระอีกแล้วขอรับ คือ เรื่องปัจเจกบุคคล หลังจากที่แว่นได้ถามในสิ่งที่แว่นสงสัยกับท่านอสินะตันตระตอบคำถามอยู่หลายเรื่อง ซึ่งทำให้แว่นเข้าใจในทุกข์มากขึ้นและสามารถหาหนทางจัดการกับทุกข์ของแว่น เมื่อวานที่เข้าเทวาลัยท่านอาจารย์ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าเป็นวิธีสอนแบบปัจเจกบุคคล แว่นก็เลยมีคำถามว่า การสอนแบบปัจเจกบุคคล คือ การที่คนมีทุกข์เรื่องเดียวกันเมื่อมาขอคำชี้แนะก็จะได้คำชี้แนะไม่เหมือนกันแล้วแต่บุคคล และแต่ละคนก็นำความรู้ที่ได้ไปจัดการกับทุกข์ตามวิธีทางของตัวเองซึ่งอาจจะไม่เหมือนกัน ใช่มั๊ยขอรับ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากเรียนถามท่านอสินะตันตระ คือเมื่อหลายปีก็แว่นพาเพื่อนไปดูดวงที่วัดแห่งหนึ่ง หลังจากดูดวงเสร็จพระที่ดูดวงให้ก็เอาทองมาปิดที่ลิ้น และบอกว่าในวันเกิดห้ามกินของคาว (ให้กินเจหรือมังสวิรัส) และให้นำเงินไปในบาตรให้จำนวนเงินมากกว่าปีเกิด1บาท แว่นอยากรู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร มีผลอะไรบ้าง และถ้าในวันเกิดวันไม่ได้กินเจจะมีผลอะไรบ้าง |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-01 21:12:47 |
ความคิดเห็นที่ 187 (681756) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่น ....ขอหัวเราะก่อนเป็นอย่างแรก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ขำดีครับเรื่องน้องปุ๊ก(ปิ่น) ผมต้องการสื่อให้เห็นว่าระหว่างคนโง่ กับ คนฉลาด นั้นไม่มีใครดีกว่าอะไรหรอกครับ คนที่บอกว่าตัวเองโง่ไร้สมองแบบน้องปุ๊ก(ปิ่น)แต่ตัวเค้าเองกลับหาความสุขในชีวิตตนเองได้ในทุก ๆ วัน และแก้ทุกข์ตนเองได้ในทุกข์ ๆ วัน แต่คนที่บอกว่าตนฉลาดนี้สิที่กลับก่ายหน้าผากก่อนหลับทุกคืนด้วยทุกข์สะสม....อันไหนดีกว่ากัน เนอะ>>> เอาหละ ตอบคำถามเรื่องปัญเจก ปัญเจกคือการรู้หนทางของตน แต่มิสามารถสอนหรือชี้แนะนำความรู้ที่ตนเองรู้ให้คนอื่นรับรู้หรือเข้าใจในหนทางของตนเองได้ .... เรียกว่าผู้รู้แบบปัญเจก ส่วนตัวผมเป็นปัญเจกหรือไม่ตัวผมเองก็ไม่รู้นะ วิถีเรียนแบบผมมักจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม เหตุเพราะต้องตีทุกข์ตนเองออกมารักษา เหมือนบ่งหนองจากแผลติดเชื้อแถมเอายาราดอีก แสบจะตาย....ใครฟังก็ อี๊ ไม่เอาอะ..ประมาณนั้น...อุอุ เลยบางทีคิดว่า ตัวเองคงจะติดซาดิสสสส แน่เลย.... ส่วนเรื่องการถูกทักมาเรื่องดวง เรื่องนั้นและเรื่องนี้...ผมตอบได้ง่าย ๆ แต่ทำยากว่า มันอยู่ที่คุณเชื่อไม๊ว่าจะต้องทำ ไม่ทำแล้วจะเกิดผลเสีย...ถ้าคุณเชื่อมัน มันก็จะเกิดกับคุณตามที่เชื่อ หากคุณไม่เชื่ออะไรก็ทำอันตรายคุณไม่ได้..... แต่ทุกครั้งที่ตอบแบบนี้ ไม่มีใครทำได้และยังคงวิตกต่อไป เอางี้ลากเพื่อนมาหาเจ้าบ้านสิ ถ้าคุณมีโอกาสฝ่าฟันคนที่อยู่รอบ ๆ ท่านเข้าไปหาได้ เรื่องแบบนี้ฟังเจ้าบอกแจงแค่ครั้งเดียวก็หายกลัว....จริง ๆ นะครับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-02 10:37:45 |
ความคิดเห็นที่ 188 (682226) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ แว่นพอเข้าใจราง ๆ แล้วขอรับ อีกอย่างที่แว่นได้รู้คือ ความรู้คือยาเสพติด เพราะตอนนี้แว่นกำลังจะลงแดงเพราะอยากได้ความรู้อีก แว่นเคยขอท่านเจ้าบ้านเรียนตันตระแล้วขอรับแต่ท่านเจ้าบ้านให้กลับไปคิดดูดี ๆ ก่อนเนื่องจากแว่นอยู่ต่างจังหวัดไม่อยากให้มีภาระและให้ลองศึกษาจากอาจารย์ที่เทวาลัยก่อนว่าใช่สิ่งที่อยากเรียนหรือไม่ เวลานั้นแว่นคิดอย่างเดียวว่าอยากเรียน ๆๆๆๆ ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ได้เรียน แต่ตอนนี้แว่นก็ยังอยากเรียนอยู่แตกต่างจากคราวที่แล้ว ตรงที่แว่นพอเข้าใจบ้างแล้วและคิดว่าเมื่อมันถึงเวลา ท่านเจ้าบ้านก็คงอนุญาตให้แว่นได้เรียน (ชาตินี้ไม่เรียนขอเรียนชาติหน้าก็ได้) ส่วนวันนี้ไม่มีคำถามขอรับ เนื่องจากความคิดยังไม่ตกตะกอน ขอบพระคุณมากขอรับที่ให้คำชี้แนะ :-) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-02 19:03:29 |
ความคิดเห็นที่ 189 (682768) | |
asinatantra | ฮั่นนนแน่ มีใช้คำว่า ตกตะกอน ซะด้วยนะครับ ดีแล้วครับค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ศึกษาไป..เรื่องบางเรื่อง ประโยคบางประโยคผมใช้เวลาเป็นปีกว่าจะตีออก...มองในแง่ดีอย่างง่าย ๆ สุด คือ ดีกว่าเอาเวลาไปคิดเรื่องไม่ดีอื่น ๆ เช่น รัก โลภ โกธร หลง ให้มันบ่อนทำลายจิตเราซะประมาณนั้น... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-03 10:27:37 |
ความคิดเห็นที่ 190 (683363) | |
แว่น | เรียนท่านอสินตันตระ ประโยคต่าง ๆ ที่ท่านสอนและอธิบายให้ผู้ที่สนใจอ่านรู้นั้นเขาเรียกว่าความรู้ใช้ไหมขอรับ แต่เราจะเข้าใจได้ก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองใช่มั๊ยขอรับ อีกอย่างหนึ่ง แว่นสะกดคำว่า "ใจเย็น" เป็นแล้วขอรับ และรู้ว่าตอนนี้แว่นก็กำลังทุกข์เพราะคิด ขอรับ (ต้องขออภัยท่านอสินะตันตระด้วย หากข้อความที่พิมพ์นั้นอ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นั้น คือคิดแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะประมวลความคิดออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี เพื่อนที่คบส่วนใหญ่ก็ชอบว่าพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าใครเคยเห็นหน้าแว่นก็คงจะรู้ว่า***หน้าเอ๋อ ๆ ต๊อง ๆ อย่างนี้พูดให้รู้เรื่องเคยนี้ก็ดีแล้ว) |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-03 19:16:27 |
ความคิดเห็นที่ 191 (683939) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่นกระทู้ 191 สิ่งที่ผมแจง(อย่าเรียกว่าสอนเลยครับ) นั้นเป็นแนวทางความคิดให้พ้นทุกข์ในแบบของผมที่มาจากการเรียนรู้มาจากคุรุครับ ใช่ครับมันเป็นวิถีที่จับต้องได้ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้หละครับ บทเรียนที่หาง่ายและไม่เสียตังค์หาซื้อ ก็ชีวิตเรานี้หละครับไม่ต้องไปมองไกลกว่านี้เลย.... ในการเรียนตันตระ นั้นมีหลายหนทางแห่งการแก้ทุกข์ครับ มีหลายวิธี ที่คุณแว่นอ่านทุกกระทู้ภายใต้ชื่อ อสินะตันตระ นั้นคือแนวทางหนึ่งแค่นั้นเองครับ ยังมีอีกเพียบ.... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-04 09:51:36 |
ความคิดเห็นที่ 192 (683958) | |
asinatantra | ผมไปอ่านเจอบทนำเขียนโดยบรรณาธิการ ในหนังสือเรื่อง MAN"S SEARCH for meaning มาเลยเอามาโพสให้อ่านกัน หายครั้งในระหว่างสนทนากับผู้คนรอบข้างถึงเรื่องราวความเป็นไปของชีวิต มักจะมีคำถามหนึ่งซึ่งผมมักจะถามคู่สนธนาเสมอ นั้นคือ "ถ้าพรุ่งนี้ คุณต้องตาย คุณจะทำอะไร" คำตอบที่ได้รับทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ คนรอบข้างหลากหลายเพศหลายวัยที่ได้คุยด้วย มักจะตอบคำถามคล้าย ๆ กัน นั่นคือ " ไม่รู้จะทำอะไรดี อาจนอนอยู่เฉย ๆ แล้วก็จากโลกนี้ไปอย่างเงียบ ๆ ในเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะรู้สึกว่าทุก ๆ อย่างรอบตัว งานที่ทำ เรื่องที่ครุ่นคิดกังวลก็ดูว่างเปล่าไร้ความหมายซะเหลือเกิน" บางรายอาจหงุดหงิดกับคำถามซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ก็อาจหงุดหงิดกับตัวเอง แล้วตอบห้วน ๆ ว่า " ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้วนอนอยู่เฉย ๆสิ ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องทำงาน" เมื่อเจอคำตอบแบบนี้ ผมก็มักจะถามต่อว่า "แล้วทำไมคุณถึงไม่เลือกที่จะเอาเงินทั้งหมดที่คุณมีไปใช้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคิดกังวลกับพรุ่งนี้ จับจ่ายซื้อของที่หมายตามานาน หรือเลือกที่จะผ่านวันสุดท้ายด้วยการเที่ยวเตร่อย่างสุดเหวี่ยง" คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ผมยิ่งแปลกใจ เพราะพวกเขาเหล่านั้นมักจะตอบคล้าย ๆ กันคือ "จะไปทำอย่างนั้นทำไม มันไร้สาระจะตาย" ถ้าพูดกันให้ถึงที่สุดจริง ๆ ผมเชื่อว่า หลายคนรู้อยู่ว่า การบริโภคก็กี การจับจ่ายซื้อของอย่างฟุ่มเฟือยก็ดี หรืออีกหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวันก็ดี แท้จริงแล้วล้วนเป็นสิ่งล้นเกินของชีวิต และในขณะเดียวกันพวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงสับสนกับตัวเองด้วยว่า แล้ววิถีชีวิต อย่างที่เป็นอยู่คือ เช้าลืมตาตื่น รีบไปทำงานที่ตัวเองไม่ได้รัก เย็นลงก็เบียดเสียดกับผู้คนกลับมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในห้องแคบ ๆ กับความรู้สึกว่างเปล่า "ภายใน" จริง ๆ แล้วมันคืออะไร พูดง่าย ๆ คือ "รู้" ว่าหลายสิ่งรอบ ๆ ตัวในชีวิตมันไร้สาระแต่ยังสับสนว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่พอจะทำใช้ชีวิตดูมีสาระ มีคุณค่าได้บ้าง ผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนในสังคมปัจจุบัน ลึก ๆ แล้วกำลังเผชิญกับความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้....สับสน ว้าวุ่น เปลี่ยวเหงา เฝ้าถามตัวเองถึงเหตุผลการดำรงอยู่ และอะไรทำนองนี้อีกร้อยแปด หลายคนพยายามค้นหาคำตอบ ส่วนอีกหลายคนก็พยายามวิ่งหนี หรือว่า นี่คือสิ่งสะท้อนถึงความว่างเปล่าแห่งยุคสมัย?????? |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-04 10:14:23 |
ความคิดเห็นที่ 193 (684610) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ อ่านแล้วรู้สึกโหว๋ง ๆ ยังงัยไม่รู้ขอรับ (พิมพ์ถูกหรือเปล่าไม่รู้) อ่านกระทู้ท่านอสินะตันตระทีไรมีนัยสำคัญให้ต้องคิดทุกที |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-04 20:55:58 |
ความคิดเห็นที่ 194 (685945) | |
แว่น | เรียนท่านอสินตันตระ แว่นเคยอ่านเจอว่า หากเราขอพรจากองค์เทพให้คนรักกลับมาแล้วห้ามบอกเลิก หากเราบอกเลิกเขาจะเกิดอะไรขึ้นขอรับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-06 13:11:47 |
ความคิดเห็นที่ 195 (685976) | |
ป้าแมว | ที่จริงทุกคนเกิดมา ก็หนีความตายไม่พ้น เพียงแต่การมีชีวิตอยู่แต่ละชีวิตไม่เหมือนกัน มี ทุกข์ สุข เศร้า เสียใจ ดีใจ ฯลฯ ก็คละเคล้ากันไป แต่ส่วนมากก็จะจบลงที่ทุกข์ทุกที เหงา และเดียวดาย ก็เพราะเวลาเกิดก็เกิดคนเดียว หรือจะเป็นฝาแฝด เวลาตายก็ตายคนเดียว ทีละคน ทีละคน เกิดมาด้วยกัน เวลายังคนละเวลาเลย ละเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ คิด ๆ ดู ก็แปลก ชีวิตก็เหมือน ๆ กัน สับสนวุ่นวาย และก็เหนื่อย ด้วย เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่ละวัน บางครั้งยังท้อแท้ อะไรของมันกันเนี่ย ! เมื่อไหร่จะจบซักที หาแก่นสารไม่ได้เลย อยู่ที่ว่า เราหาความสุขแบบไหนล่ะ เจอแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการ ทำความเข้าใจ และใช้เหตุผลกับตนเอง หนทางของตนเอง ของใคร ก็ของมันค่ะ อ่านแล้วอาจจะไม่ค่อยท่า ไม่รู้ล่ะ มันก็มีอะไรลึก ๆ อยู่ แต่พรุ่งนี้จะต้องตาย จะทำอะไร ในช่วงเวลานี้ ขอมาที่ ที่พักพิงทางกาย และทางใจ ทำอะไรทำด้วย ไม่อยากจะพิมพ์ลงไป คนที่ไม่ใช่ตันตริก ก็จะหาว่า "เว่อร์" ค่ะ ยึดติดกับที่นี่แล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้พบที่นี่ ก็หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือวัด(โบส์ถ) ทำบุญ อะไรประมาณนั้น ซะมากกว่า เพราะใช้ชีวิตสับสนวุ่นวาย มามากแล้ว ละจะไปหาความสุข ที่ไม่ช่วยอะไรดีขึ้นมาอีกทำไม คิดว่าดีที่สุดแล้วล่ะ คนเรามีชีวิตอยู่ก็เปรียบเสมือนมดงาน วัน ๆ นึง ก็หาอาหาร ทำงานเดิน ๆ งก ๆ เจอพวกพ้วง ก็เอาหนวดทักทายกัน ตุ๊กติ๊ก ๆ แวะกินอาหารกลางทางบ้าง และก็เดินไปตามทางมด ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางตัวก็ถูกทำร้าย กลางทางไปเป็นอาหารบ้าง โดนเหยียบบ้าง ไม่พ้นที่ตาย หาที่ยึดเหนี่ยวตามประสามดไม่ได้เลย จบค่ะ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าแมว วันที่ตอบ 2006-11-06 13:44:05 |
ความคิดเห็นที่ 196 (686620) | |
y | เรียนถามค่ะ........หากแนวทางของตันตระจะไม่รู้สึกถึงความว่างเปล่าหรือคะ แล้วตรงนั้นเราจะรับรู้ถึงความรู้สึกอย่างไรคะคุณอสินะตันตระ |
ผู้แสดงความคิดเห็น y วันที่ตอบ 2006-11-06 21:21:10 |
ความคิดเห็นที่ 197 (687099) | |
แว่น | เรียนท่านอสินะตันตระ ตอนนี้แว่นเริ่มเข้ามาในวงกลมของเรื่องความรักอีกแล้วขอรับ คือกลับมาสู่เรื่องเดิมคือรักหมด แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนเพราะแว่นได้รับคำชี้แนะจากท่านอสินตันตระมาพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น การที่เราทึกทักว่า เค้าเป็นของฉันและฉันเป็นของเค้า ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ และก็ทุกข์มันอยู่ในใจ ไม่เอามาใส่ใจไยจะทุกข์มันทำให้แว่นได้คิดและทำให้แว่นคิดว่าแว่นน่าจะจัดความกับทุกข์ในครั้งนี้ได้ดีกว่าครั้งที่แล้ว แต่ภาคปฏิบัติย่อมยากกว่าภาคทฤษฏี แต่การเรียนภาคปฎบัติการต้องมีผู้ชี้แนะใช่ไม่ขอรับแว่นเลยอยากเรียนถามว่าวันนี้อาจารย์ปุ๊ก(ปิ่น) อยู่หรือเปล่าขอรับแว่นอยากขอคำชี้แนะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น แว่น วันที่ตอบ 2006-11-07 10:44:37 |
ความคิดเห็นที่ 198 (687474) | |
asinatantra | ตอบคุณแว่น .... น้องปุ๊ก(ปิ่น) อยู่เทวาลัยถึง ทุ่มครึ่ง ทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ครับ....แวะคุยได้เสมอ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-07 16:22:35 |
ความคิดเห็นที่ 199 (687495) | |
asinatantra | ตอบคุณ Y กระทู้ 197 หนทางของตันตระคือการ หลุดพ้น แต่ไม่ว่างเปล่าครับเราทำความเข้าใจกับตัวเราแบบ กึ๋น ถึง กึ๋น และเราจะตอบคำถามของตัวเราเองได้ทุกอย่างครับว่า เราเป็นใคร เรากำลังทำอะไร อยู่ เมื่อตอบได้ความว่างเปล่า ไม่มีแน่นอนครับ.....
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-07 16:28:38 |
ความคิดเห็นที่ 200 (693125) | |
asinatantra | ผ่านไปแล้วกับพิธี 11 เดือน 11 ต้องบอกว่าอาจารย์ทุกท่าน จัดได้สนุกมากกกก...อะ แต่ละซุ้มเห็นแล้วมีความสุข สนุกจริง ๆ อ่านแล้วงง ทำไมพิธีกรรม ผมดันบอกว่า สนุก ? สนุก คือโจทย์ต่อท้ายคำว่า ความสุข ที่นายเหนือชีวิตตั้งไว้ให้เหล่าตันตริกปฎิบัติตาม มีความสุข และต้อง สนุก ด้วย และเมื่อวานอาจารย์ทุกท่านก็หยิบยื่นสิ่งนี้ให้กับผู้ร่วมพิธีทุกท่านที่แวะมา ตันตระไม่ทำพิธีกรรมเครียด ๆ ซีเรียดมาแต่ไหนแต่ไร บางคนบางท่านอาจจะคิดไปว่า โอโห เป็นพิธีกรรมต้องดูขลัง ดูดี ดูเครียด อิอิ ผิดแนวเจ้าบ้านและตันตริกอย่างพวกเราเป็นอย่างยิ่ง พิธีกรรมของตันตระทำแล้วต้องตอบโจทย์ที่ท่านเจ้าของชีวิตกำหนดไว้ด้วย Happy & Fun เมื่อคืนมีนัดดดด ตามแนวตันตริกโดนตัดหางปล่อยเทวาลัยแบบผม จะอยู่หรือไม่อยู่ ก็แทบจะไม่มีใครจำได้อยู่แล้ว แหะ แหะ แต่นะ ผมก็แอบโกยไปทำอัคนีซุ้มสีพ่อ มาแต่หัวค่ำ อืมมมมม ชอบจัง บรรยากาศดีเชียว .....กลับบ้านมาอีกทีตีสองหรือตีหนึ่งกว่าก็จำไม่ได้ พอดีกับพิธีกรรมสุดท้าย ผมยืนมองจากห้องนอนผมมาที่เตาอัคนี ต้องบอกว่าสวยงามและสนุกสนานเฮฮา ยืนดูอยู่นานมากเพราะวนกันหลายรอบเชียวแต่ก็ทำให้ก่อนนอนของผมเมื่อคืน มีคุณค่า สบายใจ มีความสุข และก็พลอยสนุกกับทุก ๆ ท่านไปด้วย.... เจอกันวันไหว้ใหญ่ประจำปีครั้งต่อไป ห้า เดือน ห้า ปีหน้า วันไหว้นายสีเขียว หรือที่เราตันตริกเรียกว่า วันรายงานตัว นะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra วันที่ตอบ 2006-11-12 10:08:18 |
<< ก่อนหน้า 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ถัดไป >> |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 272812 |