ReadyPlanet.com


สาระพันทุกข์ สุข ของอสินะตันตระ
avatar
asinatantra


เนื่องจากกระทู้สาระพันทุกข์สุข เดิมถึงวาระที่ต้องจากไป  . . จึงได้โอกาสตั้งกระทู้บ่นใหม่ คราวนี้ใส่ชื่อตัวเองไว้เลย จะได้ไม่ต้องละอายใจที่รู้สึกว่า มีทุกข์สุข อยู่กะเค้าคนเดียว  หุ หุ ใครที่แวะมาอ่านก้อเตรียมใจ ถัดจากนี้ไป ผมก้อจะบ่นของผมไปเรื่อย ^_^ - -   eternity complain > > >


ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2006-05-30 09:49:21


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 [20]

ความคิดเห็นที่ 951 (3322607)
avatar
เจ้าบ้าน

การสวดมนต์ทางพุทธคู่กันไปด้วย สามารถทำได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-23 10:12:35


ความคิดเห็นที่ 952 (3322609)
avatar
เจ้าบ้าน

การสวดมนต์ทำสมาธิทางพุทธคู่กันไปทำได้ครับ แต่ไม่ได้เสริม ให้พิธีทางตันตระเทวาลัยดีขึ้น แต่อย่างใดนะครับ แต่ทำให้ จิตของคุณยกระดับสงบและสูงขึ้นครับ สวัสดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-23 10:16:11


ความคิดเห็นที่ 953 (3333964)
avatar
เมธาวัฒน์ตันตระ
image

 ตันตริกพลัดถิ่นคิดถึงบ้านจะแย่แล้วววว....คิดถึงๆ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เมธาวัฒน์ตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-05 01:21:35


ความคิดเห็นที่ 954 (3335883)
avatar
มนตรา

 

ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น มนตรา (kho-dot-69-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-16 15:54:13


ความคิดเห็นที่ 955 (3342142)
avatar
asinatantra

ช่วงนี้เห็นภาพต่างๆ ทีกระจายอยู่ทั่วไปกับเคราะห์กรรมรวมหมู่ที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่ในประเทศไทย  ทำให้ความคิดของอสินะตันตระดิ้นคลุกๆ ๆ มันคงเป็นการยากที่จะเขียนว่ารู้สึกอย่างไรเพราะก็จะเป็นการดูถูกเผ่าพันธุ์เดียวกันกับตัวเองมากมายเกินพอดีไปและหากจะบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ เพราะเข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกหดหู่ในการเสื่อมสภาพหรือไม่สมฐานะของเผ่าพันธุ์ที่เราดำรงค์อยู่ บางทีผมก็ตอบไม่ได้ว่ามนุษย์เราดำดิ่งลงไปในมารของตนเองขนาดไหน ทำไม?เพราะอะไร? ทำเพื่ออะไร? เป็นคำถามที่ผุด ๆ ขึ้นมาดิ้นไปมาอยู่ในหัว !! อยากระบายออก อยากชี้แนะ อยากชี้ให้เห็น แต่ทำไม่ได้ หลายๆ คนก็เกินจะเห็นทางที่ชี้แล้ว  แล้ว แล้ว มันจะไปจบที่ตรงไหน เรามองต่ำหรือดูถูกช่วงเวลาที่เรากำลังดำเนินอยู่เกินไปหรือเปล่า และแน่หละ บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นผู้บวชหรือศีกษาแนวทางจะเริ่มเข้าใจได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้บวชเรียน

ปีนี้เราอยู่ที่ 2554 พึ่งจะเริ่มเข้ามา 54 ปีเองนะ .... มันช่างหดหู่ และหน้ากลัวเสียจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 15:11:44


ความคิดเห็นที่ 956 (3342143)
avatar
asinatantra

ช่วงนี้จำเป็นต้องท่องเอ่ยพระนามพระผู้เป็นเจ้า เพื่อช่วยส่งนำทางใจที่เศร้าหมองของตัวเองบ่อยครั้งกว่าชีวิตปกติมาก

" โอม นมัส ศิวาย "

หากแต่เป็นพระประสงค์ อสินะตันตระต้องทำให้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 15:18:04


ความคิดเห็นที่ 957 (3342426)
avatar
asinatantra

การฝึกกระป๋องกระแป๋ง

ช่วงเวลาปกติที่่ผ่านมา เด็กปูทั้งหลายตั้งพิธีฝึกตนเองต่างๆ นาเสนอปฎิบัติขึ้นมาที่เจ้าบ้าน ผมเคยลองฟังลองอ่านดู ก็ชอบแอบขำว่ากระป๋องกระแป๋งดี บางศีลบางทำ ก็น่าสนใจบางศีลบางทำ ก็ออกจะน่ารักเกิน ... แต่ก็นั้นแหละนะ ใครจะไปรู้ว่าถึงเวลาแสดงสติสมาธิขึ้นมาจริงๆ ในสถาณะการณ์จริงแล้ว สติสตังของเหล่าปูจะเป็นอย่างไร จนมาถึงเวลาแห่งการพิสูจน์

กระป๋องกระแป๋งก็ได้ผลอย่างน่าภูมิใจ

ช่วงน้ำท่วมหนักครั้งนี้ เหล่าปูหลายตัวก็โดนน้ำท่วมหนักๆ กันไปหลายปู ทุลักทุเล ไหนจะต้องดูแลบุคคลที่รักที่ห่วง บ้านน้ำท่วม ย้ายที่อยุ่ เดินทางไปทำงาน ขึ้นรถลงเรือพ่วงลังโฟมต่อรถทหารโบกรถบรรทุก เช้าเย็นเป็นแบบนี้ อีกบางส่วนก็พลังเหลือพออาสาทำประโยชน์แก่ผู้อื่น หรือบางปูอาจจะยังรอลุ้นบ้านตัวเองและเทวาลัยอยู่ด้วยความเครียด ระดับแม๊กซิมั้ม

แต่อยากจะขอกล่าวด้วยความชื่นชมจริงๆ ว่า ปูรักษาสติไว้ได้ดีมาก หากเปรียบเทียบกับมนุษย์ต่างๆ ที่ระบายออกมาซึ่งอารมณ์ของตนเองขณะทุกข์ใจและในช่วงเวลายากลำบาก กระทำต่อสิ่งอื่น บุคคลอื่นๆ ด้วยวาจาที่ไม่ดี และหรือ กิริยาที่ไม่ดี แต่เท่าที่ผมติดตามมา เหล่าปูตันตริกส่วนมากยังคงสติและมุมมองที่สดใจเอาไว้ได้

ศีลคือการตั้งสิ่งไม่ทำ

ทำคือกระทำในสิ่งที่ตั้งใจจะทำ

สิ่งฝึกฝนเหล่านี้ แม้ผมจะมองออกว่ามันฝึกอะไรแต่เด็กปูอาจจะยังไม่ทะลุว่าเป้าหมายคืออะไร แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้สติและปัญญาก็ได้เพาะงอกงามอยู่ในปูเหล่านั้นทีละน้อยทีละน้อยแต่มั่นคง

หากใช้โอกาสช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายทุกข์ใจนี้ ปูตันตริกลองมองย้อนกลับไปเพื่อพิจารณาตนเองและเปรียบเทียบกับบุคคลอื่นทั่วๆ ไป ดู แล้วปูเดินไม่ตรงทั้งหลายจะรู้ว่า..... นายแน่มาก ^^

ผมภูมิใจนะ และผมเชื่อว่าเจ้าบ้านก็เหมือนกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 15:59:33


ความคิดเห็นที่ 958 (3344671)
avatar
มัญชตาตันตระ
ขอบคุณที่ท่านเมตตาสั่งสอนครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น มัญชตาตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-15 20:04:24


ความคิดเห็นที่ 959 (3344690)
avatar
มัจจทีระตันตระ

^^ ขอบพระคุณในพระเมตตาเพคะ ที่สั่งสอนมาตลอด ^^

 

แต่คือ ... ช่วงนี้ สภาพอารมณ์หนูค่อนข้างจะสรวล to the MAX มากมาย ขึ้นเร็วลงเร็ว(กว่าเดิม - -")ประหนึ่งว่าเป็นอารมณ์คนท้อง แล้วถ้าหนูตั้งครรภ์ได้คงท้องแฝด88คนในครรภ์เดียว ชุกกะดุ๊ก !!!

 

เหอๆ หนูจะพยายาม ปรับปรุง เรียนรู้ให้ดีขึ้นในทุกๆวันเพคะ ^^ (หนูเชื่อว่ามันไม่ยาก (มั้ง?))

ผู้แสดงความคิดเห็น มัจจทีระตันตระ (b_blue_little_white-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-16 01:53:46


ความคิดเห็นที่ 960 (3344861)
avatar
ธีรนายะตันตระ

ขอบพระคุณขอรับ

ซึ้ง....

^____________________^

ผู้แสดงความคิดเห็น ธีรนายะตันตระ (oatsclub-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-16 11:12:28


ความคิดเห็นที่ 961 (3345259)
avatar
kwanchanok

น้าชายไปโดนผู้หญิงทำคุนไสยใส่เป็นเวลา1เดือนแร้ว ที่ตันตระเทวาลัยมีวิธีแก้มั้ยค่ะ ตอนนี้คนที่บ้านเดือดร้อนมากๆ ช่วยตอบด้วยค่ะ เพาะญาติบางคนจะพาไปหาเจ้าเข้าทรง แต่ดิฉันไม่อยากให้พาไปค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น kwanchanok (dude_she-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-17 23:13:12


ความคิดเห็นที่ 962 (3345470)
avatar
!a๋ฦัhU

 

(-/-) ขอบคุณที่ท่านเมตตาสั่งสอนค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น !a๋ฦัhU ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-19 19:33:09


ความคิดเห็นที่ 963 (3345481)
avatar
Hi-End

1.ลูกศิษย์จักสัมผัสได้ถึงพลังเมตตาขององค์เทพอย่างไรแบบไม่เข้าข้างตนเองหรือละเมอเพ้อพก?? ส่วนใหญ่เขาไม่ป่าวประกาศใช่หรือไม่ฮัฟ

2.ขอพรแบบเจาะจงแม้ทำพิธีมากมายหากไม่ได้ผล ก์คือไม่ได้ผล แต่จะวัดได้อย่างไรว่าสิ่งที่ได้ผลมาจากพิธี หรือบุญกรรมแต่ละคน??

 

 

ขอบคุณฮัฟ

ผู้แสดงความคิดเห็น Hi-End ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-19 21:02:28


ความคิดเห็นที่ 964 (3345663)
avatar
asinatantra

ผู้ไม่มีย่อมเพียรไขว่ขว้าแสดงออกให้มีฉันท์ใด ผู้ที่มีก็จะนอบน้อมไม่แสดงออกซึ่งสิ่งที่มีฉันท์นั้น

ยิ่งผู้ไขว่ขว้าหามากเท่าไหร่ก็ย่อมจักเสียไปเท่ากับจำนวนที่เพียรไขว่ขว้า ในทางเดียวกันผู้ที่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไขว่ขว้าเท่าใด สิ่งนั้นก็จะมาสู่ผู้ที่สมควรครอบครองเสมอไป

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-21 14:06:20


ความคิดเห็นที่ 965 (3345665)
avatar
asinatantra

คุณ Kwanchanok ลองปรึกษาได้ที่อาจารย์ที่เทวาลัยครับ  น่าจะพอมีวิธีแนะนำที่ดีได้

คุณ Hi End ตอบข้อ 1 ว่า หากตั้งคำถามได้แปลว่าพอรู้คำตอบแล้วครับ เข้าข้างหรือไม่เข้าข้างตัวเอง ตัวเราเองรู้ดีเสมอๆ ครับคงเพียงแค่เราจะเลือกรับฟังด้านถูกต้องของตัวเราเองหรือไม่ แค่นั้นเองครับ ตอบข้อ 2 สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนพุทธ ย่อมเกิดจากกรรม(ผลแห่งการกระทำ) ทั้งสิ้นครับ เราเชื่อในบุญและกรรมของการกระทำของตนเอง ฉะนั้นหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น รากฐานมาจากบุญและกรรม ดีชั่วของตัวเราเองทั้งสิ้น ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-21 14:15:44


ความคิดเห็นที่ 966 (3346101)
avatar
Hi-End

_/_ ขอขอบพระคุณที่เมตตาตอบคำถามคร้า

ผู้แสดงความคิดเห็น Hi-End ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 09:31:46


ความคิดเห็นที่ 967 (3346157)
avatar
asinatantra

จิตตก

ตั้งแต่เรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วมอันไม่คาดเดาในปีนี้เกิดขึ้น ทำให้ผมต้องเปิดช่องข่าวสารไทยที่ไม่ได้เปิดดูมานาน เพื่อติดตามข่าวสารเพื่อเตรียมรับสถาณะการณ์กับตัวเองและวัดพระศิวะเจ้า และเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี้  ดูๆ ไปก็ติดเหมือนละครช่วงหลังข่าวและก็ตามมาด้วยอาการจิตตก เศร้าหมอง ผมเล่าสิ่งที่ได้เห็นออกมาไม่หมดแต่คิดว่าหลายๆ คนคงเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร  ผมเอามาเล่าบ่นกับเจ้าบ้านบ่อยๆ ว่าช่วงนี้ดูข่าวแล้วเศร้าหมอง งง สงสัย และพยายามทำความไม่เข้าใจในความเข้าใจว่า มนุษย์สูญเสียความเป็นมนุษย์หรืออย่างไร? ตอนแรกก็คุยกับเจ้าบ้านว่า คนเสียความเป็นคน แต่มานั่งตรองดูอีกทีหากเป็นคนก็ไม่แปลกนะหากจะเสียความเป็นคน แต่เราพยายามจะเรียกตัวเองว่า มะ นุด สะ ยะ อยู่นะสิ มนุษย์ที่หมายถึงผู้มีความรู้ รู้ว่าตนเองรู้ ผู้ที่ต้องการจะดีขึ้นและแตกต่างจากสัตว์โลกอื่น ๆ

โศกนาฎกรรมน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นความผิดของมนุษย์จากรากฐานแต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติที่ยากจะต้านทานพลังของธรรมชาติได้ พวกเราคิดว่าเราแข็งแรงสามารถทำและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาจนมนุษย์หลายๆ ผู้แอบคิดว่าตนเองเปรียบดั่งพระเจ้าไปแล้ว เหตุการณ์เล็กๆ ของธรรมชาติกระเพื่อมนี้กับกลายเป็นเรื่องใหญ่มากของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ แบบเราไปได้ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่า เราเป็นแค่ใคร

การสูญเสียมันไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเองและใครหรอก ผมเองก็ยากที่จะตอบว่าหากมันเกิดขึ้นกับผมแล้วผมจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ของผมเองหรือไม่ ผมจะกลายเป็นสัตว์โลกหรือยิ่งกว่าหรือไม่ ผมจะหนีเอาตัวรอดโดยทิ้งเหล่าหมูอ้วนให้จมน้ำตายหรือทิ้งให้ไม่มีอาหารกินโดยที่ผมไปสุขสบายในที่พักซักแห่งหรือไม่ หรือผมจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ของผมโดยการเดือดดาลเข้าด่าทอทำร้าย ทำลายล้าง แย่งชิงจากผู้อื่นหรือไม่ ? หลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาผมเกิดความเศร้าเสียใจ จิตตกทุกครั้งที่เปิดข่าวดู ผมถามตัวเองด้วยความตระหนกว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ? พวกเรากลายเป็นอะไรไปกันเหรอ? พวกเราเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้มั้ย? แล้วมนุษย์จะเป็นอย่าไรต่อไป ? พวกเราจะกลายเป็นสัตว์โลกที่อ้างเคลมว่าตนเองประเสริฐกว่า สิงห์สาราสัตว์อย่างนั้นต่อไปหรือ?  ในสุดท้ายก่อนนอนทุกคืนผมก็พยายามหาหนทางสงบให้ตัวเองอธิบายกับตัวเองว่า เอาหละบัวคงมีหลายเหล่ากออย่างคำสอนในศาสนาพุทธที่สอนสั่งไว้ ผมบอกตัวเองว่าเอาหละ อสินะตันตระเจ้าไม่กำลังในการเปลี่ยนแปลงมนุษย์เหล่านั้นหรอกแต่เจ้าทำให้เกิดประโยชน์จากเรื่องเล็ก ๆ อย่างเช่น รักษาสติของตนเองไว้อย่าก่อปัญหาเพิ่มให้แก่โลกใบนี้เพิ่มอีกในส่วนของตัวผม ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาแก่สิ่งอื่นต่อไป อย่างอื่นผมคงต้องตั้งคำถามค้างคาไว้ในใจและปล่อยให้หนทางดำเนินไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า แล้วผมก็ท่อง โอม นมัศ ศิวาย แล้วหลับตานอน

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 15:01:08


ความคิดเห็นที่ 968 (3396178)
avatar
น้ำหวาน
image

บางครั้งอยากดึงตัวเองออกมาจากความกดดันทางครอบครัว แต่คำว่า "ห่วง" มันผูกขา ผูกแขน ผูกใจ  จนไม่สามารถหลุดจากห้วงเวลาที่เหงา เศร้า โศก นั่งจมปรักกับความทุกข์ พยายามนำความคิดดี ๆ ใส่สมอง  แต่ไม่สามารถนำมันมาใส่ในใจได้  ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องทน ทำไมเราต้องอยู่ แต่สุดท้ายใจของเราต่างหากที่ต้องการอยู่ สมองไม่สามารถพาร่างกายไปได้ เลยอยู่เหมือนคนไร้หัวใจ แต่เปล่าเราเอาใจของเราซ่อนไว้ไม่อยากให้ใครเห็น อยากนอนหลับและอยู่ในห้วงของความฝันที่สามารถจินตนาการมันให้งดงามตอบสนองความต้องการทางด้านจิต วิญญาณ เคยถามตัวเองว่าทนทำไม ถามไปงั้นแหละ เพราะใจตอบมานานแลัว มีห่วงอยู่ 2 ห่วงที่นับวันจะรัดคอเราจนจะหายใจไม่ออก และอีกห่วงก็ผูกขากักขังจิต และวิญญาณให้อยู่ตรงนั้น หลุมที่พวกเขาขุดเอาไว้ฝังเรา รู้ว่าตัวพวกเขาไม่รู้หรอกว่าได้ทำแบบนั้น อยากมายืนให้เท่าเทียมกัน และเอาด้ายที่เย็บปากออกพูดคุยด้วยใจ ไม่ใช่อารมณ์  หวังว่าสักวัน "ห่วง" นั้นจะคลาย และเราก็ยอมให้ล่ามต่อไปเพราะใจต้องการอยู่ตรงนั้นกับพวกเขา  อยากตะโกนให้มีเสียง แต่เสียงนั้นกลับก้องย้อนเข้าไปในร่างกายของเรา โดยไม่มีใครสักคนได้ยิน คำพูดของเราเหมือนสายลมที่พัดผ่านตัวเขาแค่ปะเดี๋ยวปะด่าว  ไร้ซึ่งเสียง ความรู้สึก ความเจ็บ ความเหงา ความเศร้า ความทุกข์ เขาก็คิดก็แค่ทำให้เย็น และผ่านไป  ขอบคุณมากคะที่มีที่ให้ใส่ความรู้สึก  มันคงเป็นเสียงหนึ่งที่บอกเล่าความทุกข์ ที่ไม่มีเสียง

ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำหวาน (Fortune_186-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-15 07:33:22


ความคิดเห็นที่ 969 (3425438)
avatar
sanaritantra
image

โอม นมัส ศิวาย

หากเป็นพระประสงค์ขององค์พระเป็นเจ้า... ขอพระองค์ทรงเมตตา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น sanaritantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-11-18 11:23:13


ความคิดเห็นที่ 970 (3483143)
avatar
asinatantra

2 ปีกว่า แค่ 700 กว่าวันที่ไม่ได้เข้ามาเขียนอะไรเลย ขั้นตอนแรกของการเข้ามาคือ โดนระบบไม่ให้เข้าเพราะผมใส่พาสเวิร์ดผิด  5 5  ฮั่นแน่! ถ้าเป็นตันตริกถือว่าผิดเห็นๆ เพราะผมจำไม่ได้ว่าผมเป็นใคร? แต่ผมยังรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งก็คือพยายามล็อกอินมาเป็นอสินะตันตระหนะสิ

5 5 5 ยิ่งเขียนก็จะยิ่งงง ก็ผมเห็นว่าประโยคนี้กำลังกลับมาอินเทรนอีกครั้ง  " เอ่งเป็นใคร และ เอ่งกำลังทำอะไรอยู่ " ซึ่งวันนี้ได้ยินเด็กคนหนึ่งต่อท้ายประโยคเพิ่มไปแล้วว่า แล้วเอ่งจะทำอะไรต่อไปในอนาคต 5 5 มันเป็นความน่ารักดีของการเรียนเวชนะในสายตาผม เพราะกฏหลักตันตริกเองจาก สี่ ก็ยังเคยกลายเป็น ห้า มาแล้วด้วยความรักของ พ่อลูก 

คงมีคนนึกสงสัยว่าอสินะตันตระหายไปไหน ทำไมไม่เขียน บ่น หรือ พร้ำเพ้อ อีก คำตอบที่ตอบกับตัวเองคงเป็นว่าไปใช้ชีวิต มองดูผู้คนดำเนินชีวิต มองดูชีวิตตนเองดำเนินไปและถ้าถามว่าผมได้อะไร คำตอบคงง่ายๆว่า ผมแก่ขึ้นและชีวิตมนุษย์ตันตริกก็ยังทุกข์เรื่องเดิมๆ เหมือนเดิม  ซึ่งจริงๆ มันเป็นข้อฉลาดของพวกเราเหล่าปูนะ เพราะไหนๆ เดินก็เอียงไปเอียงมาแล้วถ้าต้องไปต่อสู้กับปัญหาใหม่ๆ อยู่เรื่อย ๆ เครื่องเก่าผุพังแปลกๆ อย่างพวกเราคงจะ พัง กันไม่เป็นท่า ทุกข์เดิมๆ วงกลมเดิมๆ ก็ดูแลรักษาความสะอาดของการเลือดสาดได้ดีและรวดเร็วขึ้น

ทุกคนเป็นอย่างนั้นกันมั้ย นะ ?

ของผมเป็นนะ เรื่องราวชีวิตผมแบบมนุษย์ มนุษย์ มันก็ดำเนินไปตามวิถีของมัน เรื่องที่เคยวนมามันก็ยังวนมาแบบเดิมๆ ของมันอยู่  บางครั้งผมมีอารมณ์ร่วมไปกับทุกข์นั้นๆ และผมก็มานั่งมองว่า เออ แฮะ มันมาอีกแล้วและผมก็ถามตัวเองว่าคราวนี้หละผมคิดจะปีนออกจากปากบ่อกรรมอย่างไร เอาเหมือนเดิมดีหรือเอาท่าใหม่ คิดในแง่ดีซะ มันก็ง่ายดีไม่ต้องคิดยุทธวิธีใหม่อยู่บ่อยๆ เหมือนเดิมเกือบแด๊ะ เรื่องทุกอย่างมันมีรอบของมันเป็นวัฏจักร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-03 16:32:45


ความคิดเห็นที่ 971 (3483224)
avatar
มัจจทีระตันตระ

 แห่ๆ (^^") ดีใจจังได้อ่านต่อแร้ว ... เดินเป๋ๆขึ้นทุกวันเลยฮ่ะ สมองบูดๆเบี้ยวๆตลอดเวลา ... พรุ่งนี้จะต้องดีขึ้น พยายามต่อไปด้วยสติอันเลือนราง

 

ดีใจ เขิน เหอๆ (-^^-) น้อมกราบขอบพระคุณในคำสอนเพคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มัจจทีระตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-05 14:52:44


ความคิดเห็นที่ 972 (3483427)
avatar
asinatantra

น้ำในตุ่ม 

เวลาเดินผ่านเข้ามาเทวาลัยจากทางด้านข้างก็จะต้องผ่านศาลพระภูมิเจ้าที่ท่านทุกๆ วันๆ ละ หลายๆครั้ง ที่เรือนท่านจะมีตุ่มน้ำสีขาวสองใบวางอยู่ที่ด้านหน้า ตามหลักแล้วตุ่มน้ำควรถูกเติมน้ำเต็มตลอดเวลาเพื่อพรอันดี  แต่นอกจากพรอันดีนั้นแล้วผมมองว่ามันหมายถึงความใส่ใจด้วยนะ ผมว่าตุ่มน้ำใบน้อยที่ไม่มีตระไคร่น้ำหรือตุ่มน้ำใบน้อยที่มีน้ำเติมเต็มตลอดย่อมหมายถึงผู้ดูแลยังดูแลเอาใจใส่ไม่ทิ้งขว้างอยู่เสมอ   และตุ่มน้ำเล็กๆ นี่อีกเหมือนกันที่เวลาผมเดินผ่านผมก็มักจะหันไปมองทำได้เห็น สัตว์เล็ก เช่น นก จิ้งจก ผีเสื้อ รวมไปถึงสัตว์เล็กมากเช่นแมลงหลายสายพันธุ์ตัวขนาดปานกลางจนไปถึงขนาดเล็กจิ๋วมาเกาะดิ่มน้ำแก้กระหายที่ตุ่มใบน้อยกันเป็นประจำมันเป็นภาพชวนมองที่มองแล้วทำให้ผมรู้สึกดีจนช่วงหนึ่งที่ผ่านมาเวลาเดินออกมาไหว้ท่านในตอนช่วงเช้า  ผมสังเกตุว่าตุ่มน้ำใบหนึ่งน้ำจะแห้งหายไปเยอะมากประมาณครึ่งหนึ่งได้และจะหายไปอยู่ด้านเดียว ผมก็เก็บความสงสัยเรื่องรูปธรรมนี้เอาไว้กับตัวนานพอสมควรทีเดียวจนเมื่ออาทิตย์ก่อนผมก็ได้คำตอบเมื่อเช้าวันหนึ่งที่ผมออกมาไหว้ท่านผมเจอเจ้าเหมียวสีน้ำตาลทองตัวคุ้นเคยที่ทักทายกันเป็นประจำกำลังก้มโค้งปีนรั้วดื่มน้ำในตุ่มนี้อยู่  ฮั่นแน่! รูปธรรมได้รับการอธิบายให้กระจ่างในใจผมแล้ว ^_^

ผมรู้สึกสุขใจเวลาเห็นสิ่งเล็กๆ เหล่านี้มันเป็นอะไรที่มากกว่าตุ่มน้ำเพื่อพรอันดี ในการเฝ้ามองพฤติกรรมเล็กๆของธรรมชาตินี้ มันสอนผมนะมันเป็นให้ การประทังชีวิต มันเป็นวิถีชีวิตของอีกหลายๆ ชีวิตที่ใช้อยู่  ผมคิดว่าแค่จุดเล็กมากๆ จุดหนึ่งในโลกใบนี้คือแค่ตุ่มน้ำเล็กๆ สองใบยังมีผลกรรมต่อเนื่องของการกระทำอีกมากมาย สัตว์หรือแมลงที่ดื้มน้ำโดยยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้โดยไม่ต้องไปตกน้ำในแอ่งน้ำใหญ่ตายและสามารถมีชีวิตต่อไปได้ตามวิถีกรรมของตนเองผูกเนื่องต่อไปก็ด้วยตุ่มน้ำเล็กๆ สองใบนี้ แล้วคิดดูสิในเรื่องใหญ่ๆ ที่ขนาดใหญ่กว่าตุ่มน้ำเล็กๆ นี้การกระทำจะส่งผลต่อ วงกรรม ได้ขนาดไหน 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-10 14:57:42


ความคิดเห็นที่ 973 (3483675)
avatar
asinatantra

 ระลึกถึงคุณคุรุ

เราๆ ท่านๆ หลายๆ คนน่าจะมีและคงจะมีคุรุ หรือ ครูบาอาจารย์ในใจที่วันหนึ่งเคยก้มกราบแทบเท้าด้วยปิติในวิชาคำสอนที่ท่านเมตตาสั่งสอนให้ตนเองนำไปพัฒนาตนเอง วิชาคำสอนที่ชี้ทางสว่างให้แก่ชีวิต  วิชาคำสอนที่นำไปช่วยเหลือตนเองให้ปีนป่ายให้พ้นหลุมกรรม  หากยังจำได้ ณ วันนั้นๆ เราปิติอย่างไร รู้ค่าอย่างไรและมันล้นพ้นหัวอย่างไรที่เมื่อยามชีวิตอยู่ในหลุมมืดดำ น้ำตานองหน้า ทุกข์ใจที่มืดบอด สติที่หาไม่ได้และสมองที่ไม่ทำงาน 

เมื่อเวลาผ่าน หลายๆ คนก็จะปีนขึ้นพ้นหลุมดำมืดนั้นขึ้นมาได้  คุรุท่านเมตตานั้นคือสิ่งที่เรามักจะคิดอยู่ในหัวเมื่อผ่านพ้นช่วงเลวร้ายมาได้ 

..........เวลาผ่านไป ความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิด มนุษย์เราชอบลืม ลืมหลายๆ สิ่งแม้กระทั้งสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเอง เลข 8 พัดพาให้เวียนวนว่ายไปในความอยาก และเวลาผ่าน........... แน่นอนหลุมดำมืดมันก็จะวนกลับมาอีก ทีนี้หละ?............... อะไรคือสิ่งที่หลงเหลืออยู่

หากชีวิตประชากรไทยมีค่าเฉลี่ยที่อายุ 70 ตายผมอสินะตันตระก็เดินทางเกินครึ่งมาไกลหลายกิโลเมตรเชียว แน่นอนผมผ่านไอ้หลุมดำมืดนี่มาหลายครา มืดจัดบ้าง มืดอ่อนบ้าง มืดชิวๆบ้าง และก็ยังคงมีอีกหลายหลุมนอนนิ่งรอผมเดินทางไปหาอยู่ในหนทางมนุษย์นี้ ในขณะที่ร่างกายและหัวใจผมต้องเดินเท้าต่อไป  ผมนำพาตัวผมเองให้นึกถึงคุรุเสมอ ผมบอกตัวเองว่าผมจะไม่ทำให้ท่านเสียชื่อ ผมรักผมเคารพท่าน ณ วันที่ผมได้คำสอนชี้ทางให้กระจ่างอย่างไร ผมก็จะเพียรทำต่อไปผมจะไม่ให้คุรุผมละอายในการมีผมเป็นศิษย์ หากปากผมเอ่ยวาจาแสดงความรักเคารพเท่าใด จิตใจผมและวิถีชีวิตผมจะพิสูจน์หนทางรักของผมเท่านั้น

เขียนไปก็เหมือนเอาดีเข้าตัว แต่เปล่าเลยผมเขียนเพื่อหากหินก้อนเล็กๆ ที่ผมโยนจะทำให้สระน้ำแห่งความฝันของใครกระเพือมได้ซักหนึ่งคนในประชากรไทยเจ็ดสิบกว่าล้านที่มีอยู่นี้ ผมก็ดีใจแล้วนะ เพราะมนุษย์เรามักชอบชินและลืม เราเอ่ยวาจาว่าเราก็ศิษย์มีครู แล้วเราหละประพฤติตัวให้สมกับที่ท่านรับเราเป็นศิษย์หรือไม่หรือเราอยากมีคุรุแค่ยามเมื่อเราลำบากเพื่อท่านจะได้เอื้อมมือช่วยเหลือ หรือเรารักเคารพท่านด้วยหัวใจ สิ่งมีค่าที่ท่านยื่นมาให้เราถือไว้ในมือเราทำอย่างไรกับมัน  เราจะปล่อยให้คำรักนั้นเป็นแค่ลมที่ผ่านออกจากปากฟังดูหวานหู หรือเราจะเดินทางบนคำสอนต่อไปอย่างศิษย์ที่ดีพึงทำ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-17 15:12:55


ความคิดเห็นที่ 974 (3483922)
avatar
asinatantra

 ความสุขตายด้าน

ช่วงเดือนก่อนได้อ่านนิตยสารเล่มหนึ่งบรรยายเกี่ยวกับชีวิตคนไทยที่พบเจอเรื่องอึดอัดรอบตัวหลายเรื่องหนึ่งเรื่องยังไม่จบอีกหนึ่งเรื่องส่งต่อมาเรื่องเก่ายังไม่มีหนทางแก้เรื่องใหม่ก็ทับลงมาอีกสองอีกสาม และเมื่อหัวใจอ่อนล้าลงก็เกิดภาวะ ความสุขตายด้าน มีความสุขเล็กน้อยบนวิถีชีวิตตายด้าน

ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ผมเองอาศัยอยู่ในสังคมเดียวกับผู้เขียนข้อความกินใจมากท่านนั้น ด้วยเติบโตอยู่ประเทศนี้มาตั้งแต่เกิดผมเข้าใจเลยว่าสภาพสังคมรอบตัวที่บังคับวิถีชีวิตส่วนบุคคลจนทำให้เกิดภาวะนั้นบวกเข้ากับการไม่มีภูมิในการตัดสินปัญหาส่วนตัว เงื่อนผูกเงื่อน ปมต่อด้วยปม ต่อกันไปเรื่อยๆ จนบางทีชีวิตตันหาทางแก้ไม่ได้

ผมได้มีโอกาสมองเห็นชีวิตหลายชีวิตที่มีทักษะการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งด้วยการผูกปมอีกอย่างหนึ่งเพื่อเลี่ยงหรือแก้เอาทีกับปัญหาแรก ผมเห็นหลายๆคนที่มีโชคชะตาส่วนตัวที่พาให้มักจะแก้ปัญหาชีวิตในลักษณะนั้น 

ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ผมพยายามฝึกตัวเองให้มองปัญหาและอารมณ์ให้เป็นรูปธรรม ไอ้คำว่าความอยากหนะหรือผมก็มีเพียบไม่ต้องห่วงว่าผมจะขาดประสบการณ์เรื่องอยาก แต่คุรุสอนให้เข้าใจความเป็นตนเองหมั่นถามตนเองว่า เป็นใครและทำอะไรอยู่ ทุกวันนี้ผมก็ยังถามตัวเองแบบนี้ในทุกเช้าที่เอาน้ำสะอาดชะล้างร่างกายตนเอง เพื่อเรียกสติคัดกรองว่าผมเป็นใครและผมทำอะไรอยู่ เพื่อประเมิณว่าผมมีอะไรเท่าไหร่และผมจะทำอะไรต่อไปให้ได้แบบพอดี ถ้าอะไรๆมันมากเกินไปจนเริ่มเป็นกรรมก็ละวางมันลงซะ ถ้าถามว่าผมทุรนทุรายกับความอยากมั้ย แน่นอนผมตอบเลยว่าบ่อย แต่ถ้าถามผมว่าผมตามใจตัวเองมั้ยผมตอบได้เลยว่าแทบจะไม่ เพราะผมทนการอยู่แบบแก้ปมไปเรื่อยๆไม่ได้ 

รูปธรรมเข้าไว้ อยากผอมก็กินให้น้อยลง อยากสงบก็ต้องปล่อยวาง อยากสุขภาพดีก็ออกกำลังกาย  อะไรง่ายที่ขัดใจแบบนี้

แต่ปมมันจะน้อยลงและไม่นำชีวิตไปสู่จุดอยู่อย่างตายด้านนะ สำหรับผม

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-06-23 20:57:23



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 [20]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.