gallery | ข่าวสาร | เทวรูป พระมหาคเณชะ ปางต่างๆ | บาสัค | ดวงตราประมุข | ประคำเทพนพเคราะห์ |
สาระพันทุกข์ สุข ของอสินะตันตระ | |
asinatantra | เนื่องจากกระทู้สาระพันทุกข์สุข เดิมถึงวาระที่ต้องจากไป . . จึงได้โอกาสตั้งกระทู้บ่นใหม่ คราวนี้ใส่ชื่อตัวเองไว้เลย จะได้ไม่ต้องละอายใจที่รู้สึกว่า มีทุกข์สุข อยู่กะเค้าคนเดียว หุ หุ ใครที่แวะมาอ่านก้อเตรียมใจ ถัดจากนี้ไป ผมก้อจะบ่นของผมไปเรื่อย ^_^ - - eternity complain > > > |
ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra :: วันที่ลงประกาศ 2006-05-30 09:49:21 |
<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 ถัดไป >> |
ความคิดเห็นที่ 851 (3190608) | |
Taboogirl |
จะมีวิธีไหน ที่ ทำ จิตใจ ของเรา สบายใจได้ ..... ทั้งๆๆที่เรา พยาม ไม่คิด แต่ ยังไง มันก็ อด คิดไม่ได้ อยาก หลุดพ้น จะมีวิธีไหน บ้าง คะ ช่วยบอกหน่อย |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-02 22:36:13 |
ความคิดเห็นที่ 852 (3190701) | |
asinatantra | ตอบครับ คนเราหยุดคิดไม่ได้หรอกครับ สมองเรากับความรู้สึกเรามันทำงานไปเรื่อย ๆ มากน้อยนั้นแล้วแต่ความต่างของแต่ละบุคคล แต่วิธีคือต้องเพิ่มความเข้าใจใส่เข้าด้วยขณะคิด ว่าหัวข้อที่เราคิดอยู่มันมีประโยชน์ที่จะคิดหรือไม่ หรือ ทุกข์บางอย่างคิดไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แต่กลับบวกทุกข์เพิ่มเข้าไปกับปัญหาเดิม และอีกข้อหนึ่งคือต้องบวกเข้ากับความไม่อยากทุกข์แบบสุดชีิวิตของตัวเราเองเพิ่มเข้าไป ตั้งมั่นไว้ว่า ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากทุกข์อีกแล้ว เมื่อตนเองตกลงกับตนเองในข้อนี้ได้แล้วเราจะเริ่มเพียรในการวางลงได้มากขิ้น แน่นอนว่าในหลายๆ เรื่องปัญหายังคงอยู่ิแต่เราทุกข์น้อยลงนะครับหรือ ทุกข์แบบสั้น ๆ แค่ไม่กี่นาที วางทุกข์ลงทำความเข้าใจและเดินต่อ วิธีหลุดพ้นจากความทุกข์ ต้องวางลงครับ อย่าไปใส่ใจกับทุกข์อย่านำทุกข์มาคิดให้ทุกข์ หรือเมื่อคิดปุ๊บทำความเข้าใจปั๊บแล้วก็วางทิ้งเลยครับ หัดทำบ่อย ๆ ความสามารถในการงางจะเร็วขึ้น ๆ ชำนาญขึ้น ๆ ครับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-03 13:36:30 |
ความคิดเห็นที่ 853 (3191105) | |
Taboogirl | อิอิ พอดีเป็นเด็กใหม่ นะคะ แต่ได้ ติดตาม อ่าน แต่ก็ยังอ่านไม่หมดเลยอะ อิอิ อยากจะถามคุณ อสินตันตระ ว่า แล้ว คุณ ที่ใช้ ชื่อ ว่า มารเฒ่า 6 หายไปไหนอะคะ .... แล้วก็ ขอขอบคุณ คุณอสินตันตระ มากๆๆเลยนะคะ ที่ ตอบ คำถาม ทำให้ได้เอาไปคิดแล้วปฏิบัติ ตอนนี้ก็ สบาย ใจ ขึ้นเยอะเลย ละคะ อิอิ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-05 00:07:11 |
ความคิดเห็นที่ 854 (3191166) | |
asinatantra | ตอบครับ ว่ามารเฒ่า 6 ท่านก็ยังอยู่กับพวกเราเสมอครับ แค่ไม่ออกแถวหน้าแล้วครับ.. ในตันตระเทวาลัยยังมี ทีมและพลังงานที่ไม่ออกแถวหน้าอีกมากมายครับ เพราะต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อนำส่งคำขอพรของคุณ ๆ ที่แวะเวียนมาถวายแด่องค์เทพให้ครบทุกคนครับ เว็บก็เลยเดี้ยง ๆ แบบนี้แหละครับ เพราะงานล้มมือกันจริง ๆ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-05 09:50:22 |
ความคิดเห็นที่ 855 (3191472) | |
Taboogirl | ถ้าอยากจะพูดคุย หรือ ขอคำ แนะนำ จะสามารถ ติดต่อ ทางอื่น ที่มันสะดวกกว่านี้ มั้ยอะคะ อยากจะขอ ปรึกษา กับ คุณ มารเฒ่า6 อะคะ แล้วก็คุณอสินะตันตระ ด้วยอะคะ รบกวน ด้วยนะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-06 12:46:48 |
ความคิดเห็นที่ 856 (3191522) | |
asinatantra | บุคคลที่ 2 " ผมเขียนวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมส่งไปที่วัดแห่งหนึ่ง มีรูปด้วย ต่อมาผมก็ถูกยิงที่ศรีษะด้านซ้ายหน้าบ้านตนเองระหว่างเข็นเข้าห้องไอซียู ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์บอก อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ผมอาจจะเสียชีวิต ผมบอกตัวเอง ไหน ๆ ก็จะต้องจากแผ่นดินนี้ไปแล้ว ทำจิตให้มั่น และสวดพุธโธตลอด" " ผมอยู่โรงพยาบาล 45 วัน ผ่าตัดทั้งหมด 6 ครั้ง ระหว่างที่นอนอยู่ในห้อง ไอซียู มีคนตายทุกวัน ผมนอนคิดว่า "วันนี้เตียงนี้ตาย อีกวัน เตียงนั้นตาย วันไหนจะถึงเตียงเรา" พยาบาลพาผมออกไปเดิน ตอนเดินออกไปเพื่อนอีกเตียงยังอยู่ กลับมา ตายแล้ว" " ก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาล ผมคิดอยากจะทำอะไรให้กับมนุษย์ เราได้ออกจากโรงพยาบาล เราได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง ผมมีร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ร้าน วันที่ผมออกจากโรงพยาบาล ผมให้เอาของทุกอย่างไปถวายวัด คนคิดว่าผมเป็นโรคประสาท" หลังจากนั้น คุณธานินทร์เริ่มทำบุญด้วยการให้ฟอกไตฟรี ต่อมาเขาประประมูลเครื่องมือที่ใช้ผ่าตัดต้อ สั่งต่อรถคอนเทรเนอร์เพื่อขนอุปกรณ์ผ่าตัดออกต่างจังหวัด " ครั้งแรกผมไปผ่าตัดให้ประชาชนที่อำเภอฝาง ได้ทั้งหมดเกือบ 200 คน ทำให้ผมดีใจมากเลย คนสุดท้ายผ่าตอนเที่ยงคืน" เสียงเขาสื่อว่ายังจำความรู้สึกดีใจวันนั้นได้แม้จะผ่านมาหลายปีเขาเดินทางไปหาประชาชนผู้ยากไร้ทั่วประเทศเพื่อนำตัวมาผ่าตัดต้อฟรีอยู่หลายปี และดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เสียประโยชน์พอตัว ภายหลังจึงหยุดเดินทางออกไปด้วยตัวเอง แต่ศูนย์ยังเปิดเพื่อผู้ยากไร้ " บางทีผมไปซื้อรองเท้า รองเท้าผมขาดผมดูราคา ผมนึกถึงดวงตาประชาชน ผมไม่นึกถึงรองเท้าผมนะ " เขาบอกอีกว่า " การได้ช่วยคน มีความสุขครับ นอนหลับสบาย เพราะผมรู้ว่า ผมเปิดดวงตาให้คนทุกวันนะครับ วันทีผมถูกยิง ผมห้อยพระอยู่องค์เดียว คือพระสมเด็จจิลดาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ช่วยผม และนั่นเป็นพลังจิตอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมทำอะไรให้ก็ได้ที่เป็นคุณงามความดี ผมจะทำให้หมดเลยในแผ่นดิน และผมเชื่อว่า ผมรักแผ่นดินนี้มากกว่าตัวผมอีก" คุณธานินทร์ พันธ์ประกิจ ตั้งศูนย์ผ่าตัดตา ต้อกระจก - ต้อเนื้อ ฟรีที่ สุขุมวิท 24 ( โทร. 02 2618213 - 5 ) และทำการผ่าตัดต้อเนื้อและต้อกระจกแก่ประชาชนผู้ยากไร้ฟรีมาแล้ว 7,000 ดวง เขายังให้บริการฟอกไตฟรีสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่โรงพยาบาลเยาวลักษณ์โดยมีเครื่องฟอกไต 6 เครื่อง ฟอกไตฟรีแก่ผู้ยากไร้ได้วันละ 18 คนมาเป็นเวลา 6 ปี สิ่งที่เขาทำไม่อาจคำนวณเป็นมูลค่า ขอบคุณ คุณธานินทร์ พันธ์ประภากิจ และ หนังสือ HELLO |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-06 16:24:26 |
ความคิดเห็นที่ 857 (3191523) | |
asinatantra | ตอบครับ ต้องขอโทษด้วยในเรื่องนี้ครับ มารเฒ่า 6 กับอสินะตันตระ ไม่ได้รับให้คำปรึกษาครับ .. อาจารย์ที่ตันตระเทวาลัย เรียนมาจากคุรุเดียวกันครับ ถึงแนวทางคุยจะสีสรรต่างกันแต่รากมาจากรากของต้นเดียวกันครับ ผมเชื่อว่าทุกๆ ท่านจะช่วยคุณอย่างเต็มกำลัง เป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่ครับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-06 16:28:31 |
ความคิดเห็นที่ 858 (3191585) | |
Taboogirl | ที่ บอกว่า อยากปรึกษาอะค่ะ คือว่า อยากจะขอข้อคิดหรือแนวทาง ในการปฏิบัติตนเองอะคะ เพราะตอนนี้มีความทุกข์ แล้วก็อยากทราบว่าเรือง ที่ ประสบมา มันเกี่ยวข้องกับการโดน ของ รึปล่าว แล้วที่ผ่านมาเห็นคุณมารเฒ่า6 เค้าตอบ ก็เลยคิดว่าจะลอง ขอคำชี้แนะดูอะคะ อยากจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็รยังไง แต่ก็ไม่กล้าเล่าในนี้อะคะ ถ้าเกิดว่า มีคำชี้แนะที่พอจะเป็นแนวทางให้แก่ ดิฉันและครอบครัวได้ก็ ขอ ช่วยเมตตา ด้วยนะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-06 22:35:25 |
ความคิดเห็นที่ 859 (3191641) | |
asinatantra | ตอบครับ เชิญที่เทวาลัยได้เลยครับ หากเน้นแนวไสย ก็ติดต่อหา อาจารย์แมงมุมได้เลยครับคิวน่าจะยังไม่เยอะมากๆๆๆ อาจจะไม่ต้องรอนานมาก แต่หากอยากได้แนวทางที่ปฎิบัติเองได้ คือ จิตเราต้องเข้มแข็งครับ คิดแบบเป็นเหตุเป็นผลว่า ของ(ไสย) นั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ นะครับ เน้นว่ายากจริง ๆ เพราะหากไสยเกิดขึ้นได้ง่ายแล้วละก็ ผมเชื่อว่าคนไทยเล่นของใส่กันเองจนประชากรน่าจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งหรือต่ำกว่าที่มีอยู่เลยเชียวละครับ จิต วิญญาณ และ สังขาร ทำให้มั่นคง ปรับให้สูง และเลือกเชื่อในสิ่งที่ควร ก็จะแก้ของด้วยตนเองได้แล้วครับ ปรับให้สูง โดย การคิดดี ทำดี สร้างกุศลดี ตั้งศีลดี ตั้งมั่นในสิ่งที่ดี ตั้งสติจากการฝึกสมาธิที่ดี(แค่ง่าย ๆ มานั่งสมาธิถวายลมหายใจแด่องค์มหาศิวะเจ้า ด้วยความเพียรและสม่ำเสมอ สวดบวงสรวงสม่ำเสมอ ) สิ่งเหล่านี้เป็นบารมีแก่ตนเองทั้งสิ้นเมื่อ บารมีสูง มีศีลแห่งความดี หนทางเดินแห่งการพ้นทุกข์ก็จะดีขึ้นตามครับ ของใด ๆ ก็ไม่สามารถกร่ำกรายผู้มีกายสูง วิญญาณสูง จิตสูง ครับ ส่วนมารเฒ่า 6 นั้น ลืมซะครับ อย่างไรก็ไม่สามารถพบได้ครับ ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-07 11:21:29 |
ความคิดเห็นที่ 860 (3191749) | |
Taboogirl | ถ้าจะปรึกษา มีทางเดียวคือ ต้องเดินทางไป ตันตระเทวาลัย เลยหรอคะ ถ้าไม่สามารถ จะมีทางอื่นมั้ยคะ ( ที่ไปไม่ได้คือ ดิฉันมีลูก เพิ่ง อายุได้ เก้า เดือนเองคะ เลยไม่สามารถเดินทางไปไหนไกลๆๆได้ )แล้ว ที่ตันตระเทวาลัย มี ดู หรือ ว่า เปิดดวง หรืออะไร ประมาณนี้ ใช่มั้ยคะ พอดีจำไม่ได้ อยากจะถามว่า เค้าจะเปิดดูดวงเรา แล้ว จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเราเลยหรอคะ แล้ว ถ้าอยากจะสอบถาม ในเวปบอรด์ คุณมารเฒ่า 6 เค้าไม่ได้เข้ามาในนี้เลยหรอคะ งั้น ก็ ขอรบกวน คุณ อสินะตันตระ ช่วยชี้แนะแนวทางให้แก่ ดิฉัน ด้วยนะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-07 23:11:48 |
ความคิดเห็นที่ 861 (3191779) | |
asinatantra | ตอบครับ ว่าครับจำเป็นต้องเดินทางมาที่ตันตระเทวาลัยครับ ไสยเวช และ การแก้พื้นดวง และการจะได้มาซึ่่งสิ่งที่เกินกว่าดวงเราจะพึ่งได้ จำเป็นต้องศึกษาพูดคุยโดยละเอียดครับ เพราะผลของความไม่ละเอียดจะส่งผลเสียต่อคุณ ๆ เองมากกว่าผลดีครับ ตันตระเทวาลัยไม่เปิดดวงหรอกครับแต่ผู้คนโดยส่วนมากก็ชอบที่จะรู้ และขอให้เปิด ลองนึกดูสิครับว่า รู้แล้วแก้ไม่ได้ จะรู้ไปทำไมถูกไม๊ครับ รู้แล้วต้องแก้ของผิดให้ดีขึ้นได้หรือหายผิดได้ถึงจะถูก และอยู่ที่อยากได้อะไรแล้วได้นั้นสิถึงจะถูก หรือ แก้ทุกข์ให้ทุกข์น้อยลง อย่างนี้ถึงจะถูก ขอเน้นว่าตันตระเทวาลัยไม่ใช่สำนักทรง และไม่ใช่สถานที่ดูดวง ครับ เราเป็นเทวสถาน ที่เอาวิชาความรู้มาแก้ปัญหาให้คุณๆ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน และนำสวดส่งคำขอพรของคุณ ๆ ต่อองค์มหาเทพและองค์เทว ครับ เจ้าบ้านแห่งตันตระเทวาลัย เป็นคนชอบผู้มีความเพียรครับ ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-08 10:22:22 |
ความคิดเห็นที่ 862 (3191797) | |
!a๋ฦัhU |
|
ผู้แสดงความคิดเห็น !a๋ฦัhU วันที่ตอบ 2010-08-08 13:15:14 |
ความคิดเห็นที่ 863 (3191857) | |
Taboogirl | ขอบคุณ คุณ อสินะตันตระ มาก ๆ เลย นะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-08 20:43:54 |
ความคิดเห็นที่ 864 (3192504) | |
Taboogirl | หง๊าาา คุณอสินะตันตระ ไม่มีอารัย มาอัพเดท หรือ มีอารัย มาสอน เพิ่มบ้างรึเนี่ย อิอิ สงสัย งาน จายุ่ง นะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Taboogirl วันที่ตอบ 2010-08-10 01:36:33 |
ความคิดเห็นที่ 865 (3193937) | |
asinatantra | ตันตริก กับ เทวราจารย์ มันต่างกันไม๊นะ เด็กๆ ตันตริกหลายๆ คนก็คงเคยตั้งคำถามนี้แก่ตนเองและวงสนทนารอบข้าง ได้คำตอบบ้างไม่ได้คำตอบบ้าง ...แล้วเอมันต่างกันไม๊นะ ความต่างนั้นออกจะเยอะเชียวหละครับ แต่ผูกพันกันได้ด้วยแนวทางคิด .. ตันตริก คือ ผู้แสวงหาความสุขโดยจะพยายามทุกข์ให้น้อยที่สุดและบวกกับโจทย์ที่ต้องสนุกไปด้วย หนทางมีตามสีตามกลุ่มที่แบ่งกันอยู่ สุขของฉันอาจจะไม่ใช่สุขของเธอ และทุกข์ของเธอก็ไม่ใช่ทุกข์ของฉัน ทุก ๆ อย่างเป็นปัจเจก แก้ทุกข์ตนเองได้มีความสุขบวกสนุกในการเป็นมนุษย์อยู่นี้กับตัวเองได้ ไม่ผิดกฎ และไม่ผิดต่อความถูกต้องของตนเอง ทำไป จะเอามือเดินแทนขา หรือจะเป็นขอทาน หรือจะเป็นเศรษฐี และมากมายกายกองที่สรรหาให้เข้ากับตนและความสุขตน ทำไป ใครไม่สิทธิ์ว่า? เทวราจารย์ คือ ข้ารองพระบาทรับใช้องค์มหาเทพศิวะเจ้า มีหน้าที่รับใช้ทุกอย่างที่ควรทำเพื่อเชิดชูให้พระนามองค์ท่านได้ถูกเอ่ยสรรเสริญมากสุดเท่าที่จะมากได้เท่าที่สุดกำลัง ปฎิบัติดี มีศีล มีทำ(ธรรม) มีคำสวด มีพิธีกรรม อย่างผู้ถือบวชควรพึงกระทำ รับรองผู้ศัทธาต่อองค์ท่านนำสวดส่งคำขอพรต่อเบื้องบน ให้พระนามท่านถูกเอ่ยตราบนานเท่านาน เด็กตันตริกใหม่หลายๆ คนทั้งเด็กจริงและอายุมากแล้ว ก็คงจะยังงงอยู่ว่า เราจะทำให้มันเชื่อมต่อกันได้อย่างไร ท่านเจ้าบ้านสอนผมเสมอ ๆ ว่า " คุรุในตันตระเปรียบเสมือนพ่อแม่ องค์มหาเทพเปรียบเหมือนเจ้านาย เราเหล่าตันตริก รอกลับบ้านควรถามตนเองว่า เราจะอยู่เพื่ออะไร เข็ดหลาบต่อความตายและกรรมมั้ย ตั้งใจจะเป็นอะไรกับชีวิตที่ได้มาและชีวิตเหลืออยู่ " พ่อแม่รอเราอยู่ที่บ้าน ท่านสอนเราให้เป็นผู้รู้ สอนให้เดินในฐานะมนุษย์ สอนให้มีชีวิตอยู่ ฝากให้ทำงานกับเจ้านายที่เมตตาเหลือล้นมหาศาล หากเราปฎิบัติไม่ดีพอ ทำไม่ดีพอ ย่อมอับอายถึงพ่อแม่ว่าเลี้ยงลูกได้ไม่ดี เจ้าบ้านจึงเคี่ยวเข็น สอนให้เราเมตตา เมตตา และเมตตา และทำสุดกำลัง เพื่อนำส่งคำขอพรของผู้ศัทธาส่งขึ้นเบื้องบนและให้พระนามท่านได้ถูกเอ่ยอย่างไม่รู้จบ ในความเป็นตันตริกที่เป็นปัจเจกสุดขั้วทำอะไรก็ได้หากไม่ผิดตามสิ่งที่กล่าวมาข้างบนแล้วมีความสุขได้ในกลุ่มพวกเราถือว่าผ่านแต่จุดนี้ไม่ผ่านในการเป็นเทวราจารย์ เพราะเป็นตันตริกสื่อสารกับคนอื่นลำบาก เพี้ยนและประหลาด เพราะความสุขตนใครก็เอาไปไม่ได้แต่เทวราจารย์ ความสุขของผู้ศัทธาและความเมตตาต้องมาก่อน บางอาจารย์ยืนสวดประกอบพิธีหกชั่วโมง แปดชั่วโมง นั้นคือการประพฤติเมตตาจนข้ามความสุขตน ตัวอย่างเป็นต้น แนะนำจุดเปลี่ยนให้ง่าย ๆ เข้า ก็ให้ระลึกตรงที่การประกอบพิธีกรรมพร้อมบทสวดสวมใส่ประคำเทวราจารย์ใส่คอ คงสติไว้เสมอว่าเมื่อสวมใส่ประคำเทวราจารย์แล้วขณะนี้เราทำงานถวายองค์ท่านแล้วในฐานะเทวราจารย์ ความเป็นตันตริกเก็บไว้ด้านใน คงศีล คงธรรม คงเมตาให้สมกับสิ่งที่ปฎิบัติอยู่ หากวันไหนไม่พร้อมหรือเลิกปฎิบัติแล้วถอดประคำออกจากคอแล้วจะกลับมาเป็นตันตริกแสนปัจเจกอีกนั้นย่อมทำได้ หรือยามวันอาทิตย์วันเรียนหนังสือของตันตริก ใครจะเอาแขนเดินแทนขา หรือ พูดกลับหลังมาหน้า หรืออะไรอีกมากมายที่เป็นหนทางสุขส่วนตนนั้นก็ทำไป ไม่มีใครว่าอะไรในหมู่ตันตริกด้วยกันอยู่แล้ว เกิดเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากหากดูจากปริมาณมนุษย์บนโลกเลข8ใบนี้ แต่เป็นมนุษย์แบบไหนต่างหากที่เป็นใจความสำคัญที่ควรตรอง จะอยู่ไปวัน ๆ เสพกิเลส รัก โลภ โกธร หลง ไปจนวันที่ร่างกายนี้กลับเป็นเถ้าอีกครั้ง หรือจะอยู่อย่างมีความต่าง ได้ทำอะไรเพิ่มให้กับจิตนี้มีคุณค่ามากขึ้นเพื่อผู้ครอบครองพึงพอใจ และเพื่อพัฒนาจิตของเราเองให้มีคุณค่าแก่ตนเอง เจ้าบ้านสอนเสมอว่า " การเมตตาต่อผู้อื่น ถือเป็นการเมตตาต่อตนเอง " ลองตีความกันดู
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-13 16:29:06 |
ความคิดเห็นที่ 866 (3195216) | |
เด็กชายเตาะแตะ | ขอคุณท่านที่เมตตาสั่งสอนคับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายเตาะแตะ วันที่ตอบ 2010-08-19 11:30:02 |
ความคิดเห็นที่ 867 (3201108) | |
น.ส.จรรยา กำพาพันธุ์ | มีปัญหาค่ะคือคนที่เรารักเขาไม่รักเราซึ่งก่อนหน้านี้เขารักเราและรับปากเราว่าจะรับผิดชอบคือจะมาสู่ขอนะค่ะเพียงขอให้เขาบวชก่อน เหตุการณ์นี้เมื่อปีที่แล้ว แต่ณ ปัจจุบัน เขามีคนอื่นและทำร้ายน้ำใจหนูทุกอย่างเลย พูดจาไม่ดี ไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากเจอ แล้วบอกว่าเขาอยากใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ กิน เที่ยว ไปวันๆ รับได้ไหม เขาถาม ซึ่งหนู ทุกทรมารใจมากเลยค่ะ จะทำอย่างไรดี เมื่อหนูให้เขาไปหมดแล้ว มีทางอื่น อีกไหมคะ ที่จะให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม |
ผู้แสดงความคิดเห็น น.ส.จรรยา กำพาพันธุ์ (janyaza_ning-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-07 19:20:48 |
ความคิดเห็นที่ 868 (3201421) | |
เด็กพยายามดำ | หนูมีความทุกข์ใจมาขอคำชี้แนะขอรับนายท่านที่เคารพที่สุดของที่สุด คือ การใช้ใจคิด กับสมองคิด ในทางปฏิบัติมันยากมากและทรมานมากถึงมากที่สุดกับการ ที่จะย้ายโหมดประมวลผลของหนูเอง จากปรกติ ใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสินใจ(เหตุผลมีบ้าง แต่อารมณ์เป็นสิ่งนำ) ให้มาเป็นใช้สมอง คิดหาเหตุและผลเป็นคำตอบของปัญหา ... คือ หนูอยากจะขอคำชี้แนะอื่นๆในทางปฏิบัติขอรับ T-T หนูพยายามจะทำตามพระบัญชาท่าน "Have Fun" ให้ดีที่สุด หากตามที่หนูเข้าใจ(ด้วยสมองอันน้อยนิด)ของหนูเอง ณ เวลาที่หนูกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าทุกข์อยู่ ขณะนั้นหนูแฮฟฟันไม่ออกเลยอ่ะขอรับ แต่ภายหลังจากนั้นมาแล้ว มองย้อนกลับไป มันยิ้มออกได้บ้างในบางเรื่อง หนูเข้าใจผิดพลาดประการใดไหมอ่ะขอรับ คือ ... อันนี้หนูสงสัยด้วยสิ่งที่หนูเผชิญมาเองตั้งแต่พอจะนึกออก จนปัจจุบันอ่ะขอรับ คือว่า ไม่ว่าหนูจะวางแผนทำกิจกรรม กิจการ ทำงาน หรือ ภารกิจใดๆก็ตาม เมื่อถึงวันตามกำหนดการจริงๆแล้ว มักจะไม่ไ่ด้ทำตามที่วางแผนไว้เสมออยู่ร่ำไป หนูอยากจะขอคำชี้แนะอ่ะขอรับว่า ในกรณีอย่างนี้ หนูควรจะทำอย่างไรดี เพราะ ณ ตอนนี้ชีวิต(ข้างนอก)การทำงานร่วมกับที่บ้าน ถ้าไม่มีการวางแผนไว้ก่อน หนูสับสน และเริ่มภารกิจในแต่ละวันไม่ถูกแน่ๆ หนูหวาดกลัวความล้มเหลว หนูทำอย่างไรดีขอรับนายท่าน T-T หนูไม่มีเจตนาจะทำให้นายท่านระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทนายท่านแม้แต่น้อยเลยนะขอรับ แต่ดวงจิตเล็กๆดวงนี้จนปัญญาแล้วจริงๆขอรับ ขอวิงวอนนายท่านเมตตาหนูด้วยเถิดขอรับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กพยายามดำ (b_blue_little_white-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-08 22:08:27 |
ความคิดเห็นที่ 869 (3201448) | |
ปลาทองคร๊าฟ | ปลาทองเอาใจช่วยคุณพี่ เด็กพยายามดำ ครับป๋ม
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ปลาทองคร๊าฟ (iatty_2-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-09 00:17:10 |
ความคิดเห็นที่ 870 (3202469) | |
J@G | ขอบคุณ คุณ asinatantra ครับ พอเข้าใจแล้วครับกับคำว่า ตันตริกกับเทวราจารย์ |
ผู้แสดงความคิดเห็น J@G (jack_narok_9-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-13 14:10:32 |
ความคิดเห็นที่ 871 (3202681) | |
Snow Lotus | ดิฉันได้เข้ามาเป็นสมาชิกที่ตันตระเทวลัยได้1ปีกว่าๆแล้ว ดิฉันรู้สึกปิติมากๆที่ได้เข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ดิฉันได้รับความเมตตาจากพระองค์ท่านอย่างมากมาย เคยมีคนๆนึงบอกกับดิฉันว่า "พี่ไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะเธอมีรายได้แค่ทางเดียวแต่เธอมาขอกับองค์เทพแล้วท่านจะช่วยอย่างไร" ตอนแรกฉันไม่รู้หรอกว่าท่านจะช่วยฉันได้อย่างไรแต่ฉันก็ไม่สนใจคำพูดของคนๆนั้น ดิฉันคิดเพียงแต่ว่าถ้าเรามีความศรัทราในพระองค์ท่านก็ไม่ต้องไปแคร์คำพูดของคนอื่น เพียงแค่เรามีศรัทราอย่างแน่วแน่กับพระองค์ท่านแล้วท่านจะเมตตาเรา สาธุ สาธุ "โอม นมัช ศิวาย" |
ผู้แสดงความคิดเห็น Snow Lotus (sivaporn105-at-Gmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-14 13:32:30 |
ความคิดเห็นที่ 872 (3204970) | |
nina | สวัสดีค่ะ คุณ asinatantra เมื่อต้นปีที่แล้วดิฉันได้ไปที่ตันตระเทวาลัย แล้วสิ่งที่ดิฉันขอพรกับพระแม่อุมาก็ประสบความสำเร็จค่ะ แต่ตอนนี้ดิฉันก็มีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนักมาก อยากจะขอพรกับพระแม่อุมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดิฉันอยู่ต่างจังหวัด และไม่สามารถขึ้นไปกรุงเทพได้ ทำอย่างไรดีคะ ดิฉันอยากขอพรมากๆเลยช่วยหน่อยเถอะค่ะ เรื่องทุกข์ใจของดิฉันคือ แมวของดิฉันหายไปได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆแล้วค่ะ ดิฉันอยากได้แมวคืนมากๆค่ะ ดิฉันเที่ยวตามหาทั้งหมู่บ้านแต่ก็หาไม่เจอเลย ไม่รู้เลยว่าเค้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ดิฉันรักเค้ามากๆ เป็นห่วงเค้าที่สุดด้วย ดิฉันคิดว่าหากดิฉันสามารถไปกรุงเทพได้คงจะดีกว่านี้ มีวิธีช่วยดิฉันบ้างไหมคะ หรือดูดวงให้ดิฉันได้ไหมคะว่าดิฉันจะมีโอกาศได้แมวคืนมาไหม อย่างน้อยอยากรู้ว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้ดิฉันตามหาเค้าเจอ โปรดอย่าได้คิดว่าความทุกข์ของดิฉันเป็นเรื่องไร้สาระเลยนะคะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น nina (pung_2941-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-22 13:49:19 |
ความคิดเห็นที่ 873 (3205025) | |
asinatantra | ตอบคุณจรรยา ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า " หากเป็นพระประสงค์อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ " ครับ แต่หากเคยอ่านกระทู้ของผมจะเห็นได้ว่าผมเน้นการแก้ที่ตนเองครับ คำว่ารักหรือความรัก ฉันท์แฟน นั้นลองหันมองรอบ ๆ ตัวดูครับว่าเราเจอตัวอย่างที่มีความสุขมากเพียงใดในจำนวนประชากรหกสิบเจ็ดสิบล้านคนของประเทศไทยนี้ สำหรับผม ผมแทบไม่เคยเห็นเลยหละครับ โดยปกติแล้วไม่ช้าก็เร็ว ความชินของมนุษย์จะนำมาซึ่งความเบื่อ และเปลี่ยนไปเสมอ ๆ ครับ.... การกลับมาเหมือนเดิมนั้น ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิมครับ ในชีวิตของยุคสมัยนี้ ชีวิตโดดเดี่ยวมากกว่าสมัยก่อน หรือ รุ่นปู่ย่าตายายเรานัก ทั้งที่เครื่องอำนวยความสะดวกออกจำครบครัน หากเราจะสู้กับทุกข์องค์รวมนี้ให้ได้ ต้องหัดครับ ยืนด้วยตนเองให้ได้ แฟนมีก็ไ้ด้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ... ทำอย่างนี้ได้จะลดทุกข์ แสนสาหัสไปได้เยอะเชียวครับ แฟนคุณไม่ใช่คนเดียวในประเทศไทยแน่นอนที่กระทำเรื่องนี้ เพราะเป็นกันเกือบหมด สู้ความชินและอาการเบื่อของมนุษย์อีกคนนั้นสู้ยากครับ ขนาดเราเสื้อผ้าเราเองเรายังหาซื้อใหม่ ๆ ตลอดเวลาเลยครับ ผมอยากให้ใช้รักแบบแฟนเป็นของแกลมในชีวิต .... หากเอาเป็นสาระสำคัญเมื่อไหร่ ผู้นั้นจะทุกข์แสนสาหัสเสมอ ๆ ครับ รักตัวเองให้มาก อะไรที่เสียไปแล้วก็ปล่อยวางและเริ่มนับชีวิตเดินใหม่นะครับ แต่ข้อเน้นอีกครั้งว่า " หากเป็นพระประสงค์แล้ว อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ครับ " หากยังวางไม่ได้ ขอเชิญปรึกษาที่ตันตระเทวาลัย ครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-22 18:05:44 |
ความคิดเห็นที่ 874 (3205677) | |
asinatantra | ตอบ หนูพยายามจะดำ อ่านจากที่เราเขียน เราก็พอจะเข้าใจหนทางและขบวนการปฎิบัติดีแล้วนิ แค่ทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เท่านั้นเอง เงื่อนไขหลักของความทุกข์ของมนุษย์ก็คือเวลา เราเขียนว่าตอนทุกข์อยู่มันก็สนุกไม่ออก แต่พอเวลาผ่านไปแล้วลองมองย้อนกลับมา มันก็แอบขำเหมือนกัน.. นั้นหมายถึงว่าทุกข์นั้นๆ มันอยู่ในความคิดเราล้วน ๆ จริงมั้ย ฉะนั้นเมื่อหกเดือนมันจะเริ่มหันกลับมามองว่ามันแอบขำนะ ก็ทำไมไม่มองมัแบบนี้ซะตั้งแต่ต้น ... ทุกข์แบบนามธรรมนั้น เราปรุงแต่งให้เราทุกข์ทั้งสิ้น ลองนึกทุกข์แบบรูปธรรมดูสิ แขนขาดไปข้าง นึกยังไง แอบขำอย่างไรแขนมันก็ไม่งอกออกมา มันหายไม่ได้ มันดีขึ้นไม่ได้ขาดแล้วขาดเลย.... ฉะนั้น ไอ้ทุกข์ต่าง ๆ นา ๆ ที่เราทุกข์อยู่นะ เราปรุงให้มันทุกข์ คิดให้มันทุกข์ เอาไปใส่ไว้ในใจให้มันทุกข์ ด้วยตัวเองถูกมั้ย ฮึ! ส่วนที่สองที่ถามนั้น .... ชีวิตมันต้องวางแผนคร่าว ๆ เป้าหมายคร่าว ๆ แล้วก็ลงมือเดินลงมือกระทำไปอยู่แล้ว กรรมจะเป็นตัวกำหนดหลายๆ เรื่องที่ตามมาเอง ใคร ๆ ก็กลัวการล้มเหลวทั้งนั้น กลัวล้มเหลวแล้วทุกข์แล้วในที่สุดมันก็ล้มเหลวจริงๆ ตามที่กลัวหมายถึงทุกข์แล้วมันก็เกิดตามสิ่งที่กลัวที่ทุกข์จริงๆ กลับระหว่าง ไม่กลัวไม่ทุกข์ต่อความคิดแล้วมันก็เกิดความล้มเหลวตามสิ่งที่กลัวจริงๆ สองสิ่งนี้ต่างกันที่ตรงไหน ..... ต่างกันที่อันแรกเราขาดทุนทุกข์ไปแบบเห็น ๆ ส่วนอันหลังกำไรสุขแบบเห็น ๆ เพราะอย่างไรก็ล้มเหลว... พอเข้าใจภาพมั้ย คนบางคนอาจจะล้มเหลวทั้งชีวิต แต่ชีวิตก็ดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ทุกข์มาก ก็ทำให้เกิดขึ้นได้ ..... ล้มเหลวคือปัญหา ทุกข์คือทุกข์ มันเชื่อมกันแต่มันต่างประเด็นกัน เรา นะ รู้ว่าวิธีควรจะทำอย่างไร แค่ยังปฎิบัติไม่ได้เท่านั้นเอง...... เพียรสู้กับมัน เอาชนะมันให้ได้ไอ้ทุกข์นิ ใครก็ทำให้เราไม่ได้ต้องสู้เอาเอง...... หากตามวิธีเขียน เราคงจะเป็นเด็กที่ผมคิดว่าคือคน ๆ นั้น แนวโน้มบุคคลิคและสิ่งที่เราเป็นดูน่าจะเอื้อให้เป็นคนคิดเยอะเอาอยู่มาก .....ฝึกคิดเรื่องทุกข์ให้น้อยลง น้อยลง สู้กับโฮโมนตนเองหน่อย.... จะพบทางสงบได้มากขึ้น นะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-25 10:40:00 |
ความคิดเห็นที่ 875 (3205679) | |
asinatantra | ตอบคุณ snow lotus โอม นมัส ศิวาย สาธุ ด้วยคนครับ.... ผมเห็นด้วยกับความคิดคุณครับ ความรักศรัทธาที่ผมมีต่อพระองค์ท่านก็อยู่เหนือ การได้หรือไม่ได้ ในสิ่งที่ผมอยากได้เหมือนที่คุณกล่าวครับ พระองค์ท่านไม่ได้ติดหนี้อะไรพวกเราท่านจะเมตตาประธานให้หรือไม่โปรดประธานให้ผมก็รักศรัทธาท่านเหมือนเดิมและมากกว่าเดิมขึ้นทุก ๆ วินาที ทุก ๆ ครั้งที่ผมพนมมือสักการะพระองค์ สิ่งที่ผมขอคือ ขอให้พระองค์ท่านมีความสุข ครับ ส่วนเรื่องๆ อื่น ๆ ผมต้องลงมือกระทำเองเพราะมันเป็นกรรม(ผลของการกระทำ)ของผมครับ..... รักและศรัทธาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คือศรัทธาที่บริสุทธ์ ที่สุดแล้วครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-25 10:47:59 |
ความคิดเห็นที่ 876 (3205683) | |
asinatantra | ตอบคุณ nina กว่าผมจะมาตอบคำถามนี้ เวลา คงจะทำให้หลาย ๆ อย่างเห็นกระจ่างขึ้นแล้ว.... ผมไม่ดูถูกทุกข์ของคุณหรอกครับ ทุกข์ก็คือทุกข์ แม้นทุกข์นั้นเกิดจากการโดนมดกัด มันก็คือทุกข์อยู่ดี แมวหายมันเชื่อมอยู่กับรูปธรรมคือตัวตนเค้าหายไป ผมเข้าใจครับว่ายากจะจัดการสักหน่อยเพราะรูปร่างมันหายไปจริงๆ ..... ผมเองก็เสียสัตว์เลี้ยงที่รักมาก ๆ ไปเมื่อต้นปีอย่างไม่มีวันแก้ไขได้เหมือนกัน ทุกข์ครับผมทุกข์อยากได้เค้ากลับมาจนบรรยายไม่ถูก แต่รูปธรรมมันหายไปจะทำอย่างไรได้ แต่พอจะทำได้โดยทำความเข้าใจกับสิ่งอันเป็นวัฐจักรนี้และวางลงครับ .....ปราถนาดีให้ผลกรรมดีของเราส่งผลเกื้อหนุนให้เกิดสิ่งดี ๆ กับเค้า ....แมวมีแนวโน้นในการไปอยู่แล้วซึ่งผู้เลี้ยงแมวคงพอทราบ ผมไม่รู้ว่าณ วันเวลานี้เค้ากลับมาหรือเปล่าหรือยัง แต่หากยังผมคิดว่าเราตั้งจิตให้กุศลในกรรมดีของเราหากได้กระทำสะสมมาศรัทธาให้ขอให้ส่งผลให้เค้าอันเป็นที่รักและเคยร่วมกรรมกับเรามาได้พบประสบสิ่งดี หากไปขอให้ได้ไปดี มีที่กินที่อยู่ไม่คลาดแคลน ใครเก็บเค้าไว้ขอให้ผู้ที่เก็บไว้เมตตาเลี้ยงดูไม่ให้ขาดที่อยู่ไม่ให้ขาดของกิน ..... ผมว่าน่าจะดี หากวาสนาแห่งกรรมยังคงผูกกันอยู่ก็จะนำเค้าให้กลับมา ผมไม่ดูถูกทุกข์คุณครับ หากแต่มันเกิดขึ้นแล้ว.... วิธีคิดให้เกิดแต่กรรมดี จิตดี สงบนิ่ง น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดครับ ทั้งนี้ผมเอาใจช่วยให้จิตคุณสงบลงและขอให้เค้าอันเป็นที่รักของคุณ พบปะแต่สิ่งที่ดี ๆ นะครับ.... จากใจอสินะตันตระ ครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-09-25 10:57:24 |
ความคิดเห็นที่ 877 (3205886) | |
!a๋ฦัhU | ขอบคุณที่ท่านเมตตาสั่งสอนค่ะ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น !a๋ฦัhU วันที่ตอบ 2010-09-27 02:23:26 |
ความคิดเห็นที่ 878 (3207562) | |
ปลาทองคร๊าฟ | ขอบคุณท่านครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปลาทองคร๊าฟ วันที่ตอบ 2010-10-04 02:34:20 |
ความคิดเห็นที่ 879 (3212649) | |
asinatantra | เมื่ออารมณ์ > เหตุผล = มีแต่เรื่องวุ่นวายตลอดเวลา พักนี้ได้ยินผู้คนบ่นให้ผ่านหูอยู่บ่อยมากขึ้นๆ กว่าแต่ก่อนนักเกี่ยวกับอารมณ์คนที่ดุเดือด โมโห ด่าทอ ระบายออกต่อคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเลยกับที่มาของการอารมณ์บูดของคนผู้นั้น ๆ ผมเองก็นั่งมองชีวิตคนหลาย ๆ คนเอาไว้ศึกษา ต่อสถาณะการณ์บางสถาณะการณ์ ที่ต้องตัดสินใจเดิน ระหว่างรอดปลอดภัยแต่เสียหน้า กับ จมดิ่งลงไปในปัญหามากขึ้นแต่ไม่เสียหน้าต่อคนรอบๆ ตัว แน่นอนว่า ผมก็มักจะเห็นการเลือกทำในข้อหลังซะมากกว่าเยอะ ไม่เสียหน้าแต่หัวขาดไปแล้วชีวิตก็อยู่ไม่ได้ แต่ก็ยังเลือกทำ .... ทำไม นะ หากชีวิตเฉลี่ยของคนไทยคือประมาณ 70 ปี ... ทุกข์มันไปซะ 60 มีความสุขบ้างซัก 10 ปี ... อย่างนี้เรียกชีวิตขาดทุนเห็น ๆ การที่ต้องเกิดเป็นมนุษย์แล้วทุกข์ใจนั้นก็เป็นเรื่องปกติเพราะมันเป็นหนทางของมัน แต่การเกิดเป็นมนุษย์ที่มีความทุกข์ที่เกิดจากน้ำมือตนเองนิสิ มันจะต่างอะไรกับการตกนรกขณะเป็น ๆ ด้วยมือเราเอง เล่า? เอาเถอะมันก็ชีวิตฉันนินะ ใครจะมายุ่งไรด้วย .. นั้นก็ถูกเชียวหากโดนเถียงแบบนี้ ผมเองก็เคารพความคิดเห็นของทุก ๆ คนอยู่แล้วชีวิตเราเราเลือกทางเดินเอง ชัวร์ แน่นอนอย่างถึงที่สุด ...แต่ นะ มันก็ยังมีแต่ แต่คนรอบ ๆ ตัวหรือคนร่วมโลกนี้อื่น ๆ หละ เค้าผิดอะไรหรือถึงไประบายออกแบบนั้น บ่อยครั้งที่ผมขับรถอยู่ตามถนน เจอรถเมล์ปาดหน้า เบียดซะแทบจะให้บี้กับกำแพงอีกด้านตายไป หรือ คุณ ๆ เท็กซี่ที่จะหยุดจะออกหรือจะหักเลี้ยว โดยไม่สนใจว่าการกระทำนั้นๆ จะพลานทำให้วิญญาณของผู้ือื่นออกจากร่างไปชั่วนิรันดรหรือเปล่า หรือ กับคุณ ๆ มอเตอน์ไซด์ที่วิ่งและแซกมาด้วยความเร็วสูงขนาดนั้น แน่นอนว่าหากผู้อื่นพลาดแค่เสี้ยวลมหายใจแน่นอนคุณ ๆ จะทำให้เค้าเหล่านั้นกลายเป็นผู้ผิดติดตัวไปตราบนานเท่านาน จะหันมามองคนขับรถสี่ล้อด้วยกันก็อีก โอเคหยุดให้เค้าที่มีโอกาสชีวิตไปได้ก่อนเราไปก่อนมันจะถึงลงแดงชักตายคารถหรือเปล่านะ หลักการคิดว่าฉันไม่ได้ไปคนอื่นก็ไม่ต้องไปเหมือนกันนิมันดูจะผิดหนทาง มะ นุช ซะ ยะ เอาซะมาก และที่หนักเข้าไปอีกขั้นก็เพราะไอ้เหตุผลที่เป็นเบื้องลึกของอารมณ์บูดทั้งหลายแหล่ที่นำเอามาระบายต่อคนอื่น ๆ นั้น อาจจะมาจากตัวอย่างพื้น ๆ เช่น ต้องจ่ายค่าแชร์แล้วแต่ยังไม่มีจ่าย หรือ ทะเลาะกับแฟนมา หรือ คนรักนัมเบอร์สี่อยากได้กระเป๋าใบใหม่แต่ไม่รู้จะหาให้ยังไง โดนเจ้านายด่าเพราะทำงานได้ไม่ดีเพราะเมื่อคืนแอบแฮงค์เอ้าท์มากไปหน่อย หรือเน็ทเสียจนเข้าไปจี๋ จ๊ะ ใน FB ไม่ได้ เป็นต้น และอีกสาระพัดเหตุผลสาหัส หนัก เบา ที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหยื่อของการระบายออกที่คนเหล่านั้นได้ไปกระทำต่อเลยซักนิด ..... ยุคที่เหตุผลพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ รัก โลภ โกธร หลง เกือบจะสิ้นเชิง ...แล้วนี่จะพัฒนาต่อไปอย่างไร ช่างหน้ากลัวนัก ตัวอย่างประสบการณ์ตรงเล็ก ๆ ของผมเองที่ผมยังหาคำตอบปลอบประโลมตัวเองไม่ได้ อย่างเช่น เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผม ขับรถไปหาข้าวกินแถวสุขุมวิท 24 จอดรถไว้หน้าตึกที่มีร้านอาหารตามคำสั่งคุณยามที่โบกให้จอด และตัวผมเองก็แน่ใจเป็นหนักหนาว่าไม่ได้จอดขวางทางเดินหรือทางมอเตอร์ไซด์หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้คนอื่น ๆ เดือดร้อน ผมก็ไปกินข้าวของผมตามปกติ เมื่อกลับมาที่รถก็เห็นมีเจ้าฟองฟู่ที่โดนถุยแปะติดอยู่ที่กระจกตรงด้านคนขับแบบพอดี ๆ เลย แน่นอนเจ้าฟองฟู่นั้นก็ไหลยืด ๆ ลงมาตามบานกระจกด้านบนจนมาถึงด้านล่างให้ผมนั่งขับไปพิจารณาไปจนฟองฟู่โดนลมแห้งเหือดไปกับขอบกระจก ผมยอมรับว่าผมแอบคิดในใจว่า นิผมทำผิดอะไรหน่อ ผมถึงมักจะโดนอะไร ๆ สาระพัดกับเจ้ารถคันนี้ ตบฝากระโปรงท้าย เจาะยาง ปล่อยลมยาง ขูดสีรถ ขูดเบาะรถ นั้นคือสิ่งที่ผมโดนมาแล้วทั้งนั้น ผมแอบคิดระหว่างนั่งมองเจ้าฟองฟู่ไหลย้อยลงมาตามหน้าต่างเล่นกับลมอยู่ว่า เป็นไปได้เหรอที่ คน ๆ หนึ่งจะเกลี่ยดคนอีกคนหนึ่งโดยกระทำร้ายออกมาโดยที่ยังไม่เคยแม้แต่ว่าจะรู้จักคนๆ นั้นเลยเชียวหรือ ยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้า ยังไม่เคยแม้จะเอ่ยวาจาพูดคุย แล้วเอาอะไรตัดสินหรือว่าต้องกระทำการร้าย ๆ ต่อคนนั้น ๆ ???? หรือจะเพราะเหตุผลเบสิค thinking แค่ว่ารถผมมีประตูน้อยกว่าคันอื่นแค่นั้นเอง !!! ผมคิดแต่ผมก็หาคำตอบที่อธิบายง่ายๆ ให้ตนเองไม่ได้ว่า ทำไม? ทำไมมนุษย์ถึงยอมให้อารมณ์มาอยู่เหนือการพิจารณาและเหตุผลของตนเอง หากจำนวนวันผ่านไป จำนวนปีผ่านไป อีก ผู้คนจะเป็นอย่างไร หากอารมณ์ขึ้นอยู่เหนือเหตุผลมากกว่านี้อีกเล่า? ชีิวิตและสังคมจะกลายเป็นอย่างไร ตัวอย่างที่ยกมาก็แค่ส่วนเสี้ยวหนึ่่งของสภาพปัจจุบัน ซึ่งยังมีอีหลายมุมนัก ที่เกิดปัญหาขึ้นมาไม่เฉพาะแค่เกี่ยวกับการขับรถ แต่ที่ยกตัวอย่างเรื่องรถขึ้นมาเพราะจะเข้าใจได้ง่ายเพราะเราท่านทุก ๆ คนคงเคยเป็นผู้นั่งหรือผู้ขับมาเองแล้วทั้งสิ้น เราจะหยุดไตร่ตรองกับตัวเราเองซักนิดมั้ยนะว่า ใบไม้มันไหวอยู่นะ เราเห็นมันหรือเปล่า จิตเราวิญญาณเราร่างกายเรานิ่งพอจะเห็นมันหรือเปล่า .... หากเราไม่เห็น นั้นเพราะเราไม่นิ่งพอ แล้วอะไรหละที่ทำให้เราไม่นิ่งพอ สิ่งกวนใจต่างๆ หรือทุกข์ต่างๆ นั้นเราสร้างมันขึ้นมาด้วยมือเราเองหรือเปล่า หรือมีใครมาบังคับจะพรากชีวิตเราไปหากไม่กระทำ ... แล้วคนอื่นๆ หละ ผิดอะไรต่อเราหรือเปล่า ? คำถามเหล่านี้ใช้เวลาตรอง เวลาคิดดูอาจจะทำให้เห็นคำตอบ หรือ ทางสว่างนำความสงบมาสู่ตนได้ . . . . . . ก่อนที่รูปธรรมแห่งสังขารจะมาเยี่ยมเยือน เมื่อนั้นไม่ว่า จะเห็นใบไม้ไหวเท่าใดเพียงใด ก็ต้องไป.....................
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-19 16:13:27 |
ความคิดเห็นที่ 880 (3213832) | |
เจ้าบ้าน | ว่าด้วยการแบ่งชนชั้น เพื่อง่ายต่อการปกครอง สำหรับพระผู้เป็นเจ้าและเทพเจ้า ผู้ทรงมหิทธานุภาพ ทรงแบ่งออกเป็น 5 เหล่า คือ 1 อริยะ หมายถึงผู้ประพฤติปฏิบัติ ตนได้ ดี แล้ว ถูก แล้ว ชอบ แล้ว ถือเป็นวรรณะสูงสุด ทวยเทพ ทรงยกย่องและไม่ยุ่งเกี่ยว เพียงคอยช่วย อภิบาล ปกปักรักษา คุ้มครอง เท่านั้น ดำรงสภาพด้วย ความจริง ความรู้แจ้ง 2 ฤทธิ์ ธา หมายถึงเทพเจ้า อสูร ใดๆก็ตาม ผู้ มีฤทธิ์ ด้วยกันเอง ปกครองในระบบ ระบอบของตนเอง รู้จักว่าใครสูงใครต่ำ ใครแกร่งกว่าอ่อนแอกว่า มีตัวรู้ เข้าใจในความจิง ดำรงสภาพด้วย บารมี เจริญได้ด้วย ความจริง ความรู้แจ้ง 3 มนุษยะ หมายถึง สิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีอำนาจทิพย์ ไม่มีฤทธิ์ ไม่มีตัวรู้ แต่อยู่ในขั้นตอนการฝึกฝน ใช้ ฤทธิ์ ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่พยายามอยู่ มีตัวรู้ รู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง ไม่รู้บ้างแต่ก็พยายามฝึกฝนอยู่ ดำรงชีวิต ด้วย สติ สมาธิ ปัญญา อันประกอบไปด้วยศีล ธรรม เจริญได้ด้วยบารมี 4 สรรพสัตว์ หมายถึง สิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีอำนาจทิพย์ ไม่มีฤทธิ์ ไม่มีตัวรู้ ไม่สนใจในความผิดชอบชั่วดี ดำรงชีวิตด้วย สัญชาตญาณ ในการเอาตัวรอด เจริญได้ด้วย สติ สมาธิ ปัญญา อันประกอบไปด้วย ศีล ธรรม 5 จิตตะวิญญาณ หมายถึง สิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีตัวตนในการดำรงอยู่ทั้งปวง ดำรงอยู่ด้วย ความ ไม่รู้ไม่เข้าใจ เจริญได้ด้วย ความรู้และเข้าใจ
เพียงทำความเข้าใจว่า คุณกำลังรับมือกับ ชนชั้นใด ก็จะง่ายต่อความเข้าใจ และเมื่อเข้าใจก็จะวางได้อย่างง่ายดาย ครับ สวัสดี |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-20 10:37:09 |
ความคิดเห็นที่ 881 (3215306) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | อย่างนั้นแล้วแสดงว่านอกจากจะต้องแยกแยะถึงตัวตนของชนชั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจแล้ว ยังต้องแยกแยะไปถึงระดับจิตใจด้วยใช่มั้ยครับ เหมือนจะยาก!! อันนี้ผมลองนึกไปถึงว่า ในการใช้ชีวิตจริงเราอาจเจอคนบางประเภท ที่เป็นมนุษย์แต่จิตใจข้างในอาจจะไม่ใช่ระดับมนุษยะ?? นั่นสิผมจะรู้ได้ยังไง เวงกำ... ขอบคุณครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-10-21 12:55:45 |
ความคิดเห็นที่ 882 (3215343) | |
asinatantra |
กรรมหยุดได้ที่ตัวเราเอง .... รู้ รู้เพื่อเข้าใจ เข้าใจแล้ววางลงซะ ...ถือไว้ก็หนักบ่าตน.... แก้ไขผู้อื่นก็ยากเหลือเกิน.... หันซ้ายแลขวา มองหน้ากลับหลังหัน เงยหน้าดูฟ้าก้มหน้าดูดิน ... เอางี็ แก้ที่ตนเองดีกว่า ยากหน่อยแต่ง่ายสุด
|
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-21 13:18:35 |
ความคิดเห็นที่ 883 (3215350) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | แลจะต้องเป็นอย่างนั้นแล้วครับ แก้ที่ตัวเองคงง่ายที่สุด และก็ยากที่สุดอีกเช่นกัน คงต้องค่อยๆ ฝึกค่อยๆทำกันไป สู้ๆ ขอบคุณท่านมากครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-10-21 13:55:14 |
ความคิดเห็นที่ 884 (3215453) | |
ศ.อ.M | ยากหน่อยแต่ง่ายสุด |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศ.อ.M (mali1309-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-22 02:47:09 |
ความคิดเห็นที่ 885 (3215454) | |
ศ.อ.M | ท่านคะ หากเราโดนกระทำต่างๆ นาๆ ทั้งทางกาย วาจา สารพัดโดยที่บางที่เราเองคิดอยู่เสมอว่าเราไปทำอะไรให้เค้า ตั้งแต่ชาติปางไหนทำไมต้องทำกันขนาดนี้ มันทำให้ทุกข์ถนัด อาจารย์ที่เทวาลัยท่านสอนว่าหากเค้าทิ้งขยะมา เราไม่ควรไปเก็บมันเอาไว้ เพราะเค้าทิ้งแล้วก็ไปเก็บขยะก้อนใหม่ของเค้าอีก ... ฟังอาจารย์แล้วก็ใช่ แต่พอกลับมาคิดทีไรมันรู้สึกทุกข์ใจ น้ำตาจะไหลบอกไม่ถูกหรือจะคิดอีกที ถือเป็นการทอนกรรมกันไป หรือจะมีการคิดแบบไหนให้มันหลุดพ้นไป เพราะรู้สึกเหนื่อยจัง ที่ต้องสู้รบกับคนประเภทนี้ จนบางครั้งเหมือนจะท้อ แท้ ซะงั้น...น
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ศ.อ.M วันที่ตอบ 2010-10-22 03:05:53 |
ความคิดเห็นที่ 886 (3215479) | |
เจ้าบ้าน | อย่างที่เคย พูดคุยกันไว้ นะครับ ทุกข์อยู่ในใจ ไม่ใส่ใจไม่ทุกข์ การแก้ปัญหา ลักษณะนี้ต้องทำพร้อมๆกันหลายขั้นตอนครับ แต่ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือ แก้ที่ใจ ของเราก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใส่ใจไม่ทุกข์ คือ รับรู้ ได้ บ้าง ใส่ใจ บ้าง สนใจบ้าง ทำความเข้าใจแล้ววางจงเลิกสนใจใส่ใจ ซะ เพราะที่เราเจ็บปวดมากมาย ส่วนหนึ่งเพราะเราขยายความ ด้วยตัวเราเอง เช่น ตัดพ้อบ้าง คิดย้ำ ซ้ำตัวเองบ้างเป็นต้น เมื่อ วางได้จนจิตนิ่งแล้ว ค่อยเดินแผนสองครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-22 08:50:15 |
ความคิดเห็นที่ 887 (3216131) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | ฝึกบ่อยๆ อีกหน่อยคงเก่งขึ้น สำหรับตัวเอมเอง ฝึกอยู่ทุกวัน ได้บ้างไม่ได้บ้าง นิ่งบ้างไม่นิ่งบ้าง เมื่อก่อนก็ดิ้นทุรนทุราย จะตายเสียให้ได้ มาวันนึงตื่นเช้าขึ้นมา ผมก็เริ่มนิ่งได้วางได้ สะอย่างนั้นครับ คงเป็นเพราะผลแห่งการฝึก ตกผลึกออกมาบ้างแล้ว .... แต่ถึงแม้อย่างนั้นก็ไม่ใช่จะไม่รู้สึกอะไร นะครับ ต้องขอบคุณท่านๆทั้งหลายที่ช่วยส่งต่อคำแนะนำมา ** |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-10-22 10:36:57 |
ความคิดเห็นที่ 888 (3220468) | |
ศ.อ.M | ขอบคุณท่านเจ้าบ้านและท่านอาศิรวาทเทวาบารมีค่ะ ที่ดูแลทุกข์ เล็กเล็ก แต่ยิ่งใหญ่ของลูกศิษย์ค่ะ -- เคยทำนะคะแต่มันก็นิ่งๆ บ้าง พอมีอะไรให้นึกถึงก็กลับมาอีก-- สิ่งที่แนะนำจะนำไปปฎิบัติเพื่อจะได้เดินแผนสองค่ะ อ้าวแล้ว แผนสอง !!! ลูกศิษย์จะมีโอกาสรู้บ้างมั้ยคะว่ามีคือ???? ขอบคุณท่านเจ้าบ้านตอนนี้และ ล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณท่านอาศิฯ ด้วย ค่ะ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ศ.อ.M วันที่ตอบ 2010-10-27 10:22:11 |
ความคิดเห็นที่ 889 (3223506) | |
Snow Lotus | ขอบคุณท่านเจ้าบ้านและท่านอสินะตันตระมากๆค่ะ ที่เมตตาคำสอนดีๆให้ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าตัวเองนิ่งขึ้นเยอะมากค่ะ จะทุกข์หรือสุขมันก็ขึ้นอยู่ที่ใจเราทั้งนั้น ถ้าทุกข์แล้วเราไม่วาง เราก็จะไม่มีทางได้เจอความสุข |
ผู้แสดงความคิดเห็น Snow Lotus (sivaporn105-at-gmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-29 19:23:17 |
ความคิดเห็นที่ 890 (3226189) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมยินดีให้กำลังใจทุกคน ที่กำลังจะสละทุกข์ ถึงจะยากแต่ก็ได้เริ่มที่จะทำ สละได้มันก็คงจะมาใหม่ ตามที่ท่านสอนอยู่กับมันให้สั้นที่สุดครับ ขอบคุณท่านอสินะตันตระ และท่านเจ้าบ้าน ละถูกแล้ว อิอิ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-10-31 11:27:17 |
ความคิดเห็นที่ 891 (3226327) | |
kolf69 | สวัสดีครับ ผมอยากรู้จักวิธีการไหว้ พระพิฆเณศคับใครก้ได้ช่วยบอกหน่อยคับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น kolf69 (g_kolf69_thanat-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-10-31 21:59:48 |
ความคิดเห็นที่ 892 (3228254) | |
ศ.อ.M | จะจำไว้และปฎิบัติตามค่ะ หวังไว้แต่ว่าคงได้เดินตามแผนสองสักทีค่ะ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ศ.อ.M วันที่ตอบ 2010-11-07 00:48:34 |
ความคิดเห็นที่ 893 (3242308) | |
asinatantra | |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-11-20 10:36:12 |
ความคิดเห็นที่ 894 (3249119) | |
ป้าอ้วน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าอ้วน (mali1309-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-11-27 08:03:47 |
ความคิดเห็นที่ 895 (3251865) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | ได้อ่านแล้ว คิดตาม โลกใบเดิมๆที่เราเดินย่ำอยู่ทุกวัน ช่างน่ากลัวนักน้อ !! การทรงตัวอยู่ในสภาวะสังคมปัจจุบันก็ว่ายาก แถมยังต้องควบคุมมารในตัวของเราอีก เอาสิ...ลองกันสักตั้ง 555+ ขอบคุณที่ท่านเมตตาต้อนรับ ขอบคุณท่านอสินะตันตระ ที่มาเบิกโลกของประตูปัญญา ของผม บ่อยๆนะครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-11-29 12:38:32 |
ความคิดเห็นที่ 896 (3251957) | |
ธีรนายะตันตระ | ผู้คนเปลี่ยนไปมากจริงครับ... แม้แต่ตัวเราเอง... ก็เปลี่ยน ก็ค่อยๆ กลายมาเป็น
ทุกข์อีกสักกี่ทีหล่ะหนอ...เจ้าถึงจะจำ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธีรนายะตันตระ (oatsclub-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-11-29 18:56:38 |
ความคิดเห็นที่ 897 (3258786) | |
asinatantra | โมโหเจ้าโน๊ตบุค ....อืม อืม จะทุบ มันนนนนนน ด้วยเป็นคนมีความอดทนกับเครื่องใช้ที่มีไฟฟ้าเกี่ยวข้องน้อยเอาเป็นอย่างมาก ในมุมมองของผมมันควรจะเป็นสิ่งที่ตอบสนองความสะดวกสะบายแก่มนุษย์ที่ยอมเสียสตางค์ไปซื้อมันมา แต่พวกมันชอบทำให้ผมปวดหมองกับความพยายามจะรวนใส่ผมเป็นประจำ ไม่ใช่ผมไม่มีอะไรจะเขียนและชอบหายไปนาน ๆ ขนาดนี้แต่บ่อยครั้ง ถึงบ่อยมากที่สูดดดด ที่ผมนั่งดื่มกาแฟ ระรื่นกับบรรยกาศของเช้าวันหยุดของผมอยู่ ไอ้สิ่งต่าง ๆ ที่มันดิ้นขลุก ๆ อยู่ในหัวผม จนผมอยากนำมาเขียนใส่เว๊ป แน่นอนว่าพอมันเกิดขึ้นผมก็จะเดินมาหยิบโน๊ตบุคจากห้องนอน ไปเปิดเครื่องแล้วรออีกเกือบสิห้านาทีกว่ามานจะเปิดโปรแกรม บ้าบอคอแตกอะไรก็ไม้รู้ซึ่งผมไม่เข้าใจอะไรซักอย่างว่าจะยัดเยียดมาให้ผมทำไม อับเดท โน้น นี้ และนั้น กว่าที่ผมจะรอและปิดหน้าต่างป๊อบอับพวกนี้หมด ก็ผ่านไปสิบห้านาทีหลังจากที่ผมใช้นิ้วจิ้มลงไปที่ปุ่มพาวเวอร์เอาจริงๆ เฮ้อออออ หลังจากนั้นก็เปิดหน้า เขียนเอกสาร เพื่อที่จะพิมพ์เหตุเพราะจุดที่ผมชอบไปนั่งเล่นตอนเช้าก็ดันมีสัณญาณเน็ทที่ผมเข้าไม่ได้อีกก็เลยต้องพิมพ์ใส่หน้าเอกสารเอาไว้ก่อน โอเค พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ ระบายสิ่งต่าง ๆ ที่มันอยู่ในหัวผมออกมาใส่หน้ากระดาษอีเลคโทนิค และตรงจุดนี้มันก็เกิดขึ้น พระเจ้า!!! ทุก ๆ ครั้งที่ผมพิมพ์จนจะเสร็จแระ โอ้ พระเจ้า หน้าจอมันก็ขึ้น อะไรเออเร่อ ซักอย่างซึ่งผมจะไปเข้าใจได้ไงว่ามันอยากจะอธิบายอะไรผม หรือผมควรต้องทำอย่างไรต่อไป #@^%#&*(()*^$#@! ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นั่งตาปริบ ๆ ยอมให้ไอ้ทั้งหมดที่ผมพิมพ์มันหายไป just easy like that!!!!! แล้วหลังจากนั้นแน่นอนที่ผมจะโมโหจนหูดำ! เอ้ยไม่ใช่ๆ จนหูแดง ความตั้งใจและสิ่งที่ผมอยากเขียนมันก็หายไปพร้อมกับเครื่องมือไฟฟ้าชิ้นนี้ทุกที ##@&^%&*)(())*^%%$$^* ผมจาทุบมานนนนนนนนนนน (จะ คลิกละนะ ดูดิคราวนี้มันจะลบของผมอีกปะ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2010-12-05 11:01:33 |
ความคิดเห็นที่ 898 (3259111) | |
The Saint | Merry Christmas ล่วงหน้านะคร๊าบบ ตันตริก ทุกท่าน |
ผู้แสดงความคิดเห็น The Saint วันที่ตอบ 2010-12-06 10:25:33 |
ความคิดเห็นที่ 899 (3262362) | |
อาศิรวาทเทวาบารมี | สงสัยท่านต้อง ซื้อมันมาใหม่สะแล้ว อิอิ มันไม่รักดี ทุบๆๆมัน แต่พังแน่ๆๆคร้าบบบ :) |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาศิรวาทเทวาบารมี วันที่ตอบ 2010-12-08 15:24:13 |
ความคิดเห็นที่ 900 (3282737) | |
asinatantra | ประโยคยอดฮิต . . . ที่มักจะได้ยินหรือได้อ่านผ่านหูผ่านตาในช่วงปีใหม่ หรือ กำลังจะข้ามปีใหม่ ว่า ปีเก่ากำลังจะผ่านไปและปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้วหรือยัง ? ผมได้อ่าน ๆ หลาย ๆ สัมภาษณ์หรือแง่มุมความคิดว่า ใครทำและใครไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำให้สมหวังดั่งตั้งใจในปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป ผมก็ตรองดูถึงตัวเองว่า แล้วเราหละ? มีอะไรที่รู้สึกว่ายังไม่ได้ทำมั้ยนะ? ปี 2553 ที่ผ่านมาผมได้กลับมาเป็นตันตริกของคุรุได้เต็มตัวหลังจากได้ออกไปเที่ยวเล่นมานานซักสิบห้าปี สิบห้าปีที่ได้เรียนรู้ทุกข์และสุข รูปธรรมและนามธรรม แบบวิถีมนุษย์ ...แต่จิตและวิญญาณก็เรียกร้องให้ผมกลับมาถนนปูเดินแห่งความเป็นตันตระ ได้หันกลับมามองวิถีของการถือบวชมากขึ้นนัก คือจริง ๆ ขณะนี้ ผมก็ทำได้แค่บวชใจ บวชจิต บวชวิญญาณ แค่นั้น ผมยังคงไม่พร้อมต่อการบวชสังขารแน่นอนเพราะผมยังคงรักอิสระภาพทางร่างกายนี้อยู่และสนุกสนานกับมัน(แบบพอดี) เอาเถอะรอไว้ผมแก่มากซักหน่อย(หากผมจำเป็นต้องมีโอกาสแก่นะ) ผมคงพร้อมที่จะละอิสรภาพทางสังขารนี้ได้ดียิ่งขึ้น . . . ในหลาย ๆ ครั้งที่ผมรู้สึกว่า ผมโตขึ้นนะ ผมเรียนรู้มากขึ้นนะ และก็แอบสงสัยว่า " ความรู้มันจะไปถึงไหนนะ " มันช่างกว้างใหญ่ ลึกล้ำนักแต่ผลของความรู้ก็หอมหวาน มั่นคง และ สงบสุขเพราะทุก ๆ ครั้งที่ผมรู้สึกว่ารู้แล้วเข้าใจแล้วผมก็ยังมีเรื่องที่รู้มากขึ้นอีกเข้าใจมากขึ้นอีก เติบโตขึ้นอีกไม่รู้จบ ปีที่ผ่านมาผลแห่งการตัดด้านมนุษย์ออกไปมากขึ้นและหันกลับมาผูกพันอยู่กับอสินะตันตระมากขึ้น ทำให้ผมได้มีโอกาสเติบโตหรือ(แก่)ขึ้นอีกมาก ความเป็นผมที่เป็นมนุษย์และความเป็นอสินะตันตระที่ก็เป็นผมอีกนั้นแหละจึงปนอยู่ด้วยกันจนผมเองก็นึกขำไปกับมันนัก สองด้านของผมมันดูไม่ค่อยจะเข้ากันเอาซะเลย หลาย ๆ คนที่รู้จักผมในแบบอสินะตันตระก็จะนึกภาพผมแบบพฤติกรรมมนุษย์ได้ยากซักหน่อย และขณะเดียวกันคนที่รู้จักผมในด้านมนุษย์จะไม่เข้าใจวิถีผมแบบอสินะตันตระเอาซะเลย แบบว่า เอ่งนิอะนะจะคิดเป็น ????? ซึ่งผมก็ชอบกับผลลัพท์นี้และสนุกกับมันเอาจริง ๆ จังๆ ใคร ๆ ที่รู้จักผมคงจะเห็นว่าภาพลักษณ์ที่หล่อเหลาเหมือน คีร์อานูลีฟ บวกกับข้าของเครื่องใช้ ของผมนั้นทำให้ผมดูไม่น่าจะมีสมองเอาซะเลย! แต่ในทางกลับกันนะ ผมเป็นคนแยกรูปธรรมและนามธรรมออกจากกันได้เอามากมายทีเดียว ในทุก ๆ ขณะมี่ผมดำรงค์การหายใจเข้าออกอยู่ในชีวิตมนุษย์นี้หัวสมองผมแยกแยะรูปธรรมและนามธรรมตลอดเวลา ผมอาจจะนั่งจิบค็อกเทลแสนอร่อยในสถานที่หรูหร่ากับเพื่อนมนุษย์และสนทนาอย่างออกรสชาติขั้นเอ็กตร้าสุด ๆ แต่ในหัวผมมันก็ยังแยกแยะและปลงความคิดไปในขณะเดียวกันตลอดเวลา ... ผมชอบด้านนี้ของชีวิตปูของผมเอามากจริงๆ เพราะผมไม่สนใจนามธรรมที่อยากจะดูเป็นคนรู้เข้าใจ หรือ ดูเหมือนจะคิดได้ของผมเอาซะเลย เพราะ ท่าน ๆ ฝึกผมมาแต่วัยรุ่นกับประโยคสำคัญว่า " เอ่งเป็นใคร และ เอ่งทำอะไรอยู่ " ผมรุ้ว่าผมเป็นใครและผมกำลังทำอะไรอยู่แล้วแน่นอน ซึ่งแน่นอนรูปธรรมของผมมันไม่บ่งบอกไปทางนั้นเอาซะเลย 555 นั้นแหละความสนุกของชีวิตของผมต่อการเป็นมนุษย์นี้ เอาหละวกกลับมาถึงว่า แน่นอนในปีที่ผ่านมาผมไม่เสียดายอะไรที่ไม่ได้ทำ ผมคิดและพอใจกับการเติบโตในฐานะปูตัวหนึ่งในกระด้งทีเดียว ผมสนุกกับชีวิตคนสองบุคคลิคของผมเอามากซะทีเดียว ผมคาดว่าผมก็คงจะดำเนินวิถีสนุกสนานปาร์ตี้เฮฮา ดริ้งแอนด์ดรั้ง และวิถีสงบสุขกับหนังสือ ความคิด และแกงค์สมุนหน้าตาหน้าเกลียดของผมต่อไป ... และฝันต่อที่อยากจะมีความรู้ตีความเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก หากท่านคุรุเมตตา ท้ายนี้ปี 2553 ที่ผ่านไปแล้วในขณะนี้ และปี 2554 ที่พวกเรากำลังย่ำเดินอยู่ ผมก็ขอให้ปูทั้งหลายอย่าดิ้นเยอะ อย่าเล่นกันจนบาดเจ็บ อย่าตกกระด้งไป และที่สำคัญจงอย่าลืมว่าอะไรที่ปูต้องถือกลับบ้าน (ขนมนะไม่ใช่ถาด) 55555 สวัสดีปีใหม่ ทุกคน |
ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) วันที่ตอบ 2011-01-01 10:15:14 |
<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 ถัดไป >> |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 272812 |