ReadyPlanet.com


สาระพันทุกข์ สุข ของอสินะตันตระ
avatar
asinatantra


เนื่องจากกระทู้สาระพันทุกข์สุข เดิมถึงวาระที่ต้องจากไป  . . จึงได้โอกาสตั้งกระทู้บ่นใหม่ คราวนี้ใส่ชื่อตัวเองไว้เลย จะได้ไม่ต้องละอายใจที่รู้สึกว่า มีทุกข์สุข อยู่กะเค้าคนเดียว  หุ หุ ใครที่แวะมาอ่านก้อเตรียมใจ ถัดจากนี้ไป ผมก้อจะบ่นของผมไปเรื่อย ^_^ - -   eternity complain > > >


ผู้ตั้งกระทู้ asinatantra โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2006-05-30 09:49:21


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 20 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 701 (3000333)
avatar
ธีรนายะตันตระ
image

ความสุข มันเป็น ขนมหวาน

กินเยอะๆ แล้วก็ฟันผุ - เบาหวาน - อ้วน ฯลฯ

พอมีความสุขสักพัก ก็จะลืมไปว่ามันมีวันหมด

พอหมด ก็ช๊อค!!!!

เครื่องน๊อคสักพัก ก็เริ่มกระบวนการใหม่อีกรอบ และอีกรอบ 5555

(ปล. เพิ่งสมัครสมาชิกใหม่อีกรอบ เพราะกดไปดูรายละเอียด ไปๆมาๆ account หายเรย *ซนนัก)

ผู้แสดงความคิดเห็น ธีรนายะตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-04-27 15:08:43


ความคิดเห็นที่ 702 (3003770)
avatar
asinatantra
image

ห้า เดือน  ห้า 

วันจ่ายภาษีชาวตันตริก...

วันนี้คุณจ่ายภาษีแล้วหรือยัง?

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-05 13:36:36


ความคิดเห็นที่ 703 (3004420)
avatar
munung
image

มู๋นึ่งกำลังนั่งทำหน้างงอยู่เจ้าค่ะ

กำลังหันซ้ายหันขวา...

เอ..นู๋จ่ายภาษีแล้วนี่นาตั้งแต่เดือนมีนาคม

แต่ว่าภาษีชาวตันตริกนี่สิคะ

แล้วนู๋จาไปจ่ายได้ที่ไหนอ่ะคะ......

มานั่งรอเดินไปจ่ายภาษีตามผู้ใหญ่เจ้าค่ะ....อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น munung (mootoo_buf-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-07 03:08:26


ความคิดเห็นที่ 704 (3008468)
avatar
**~MAGIC CHARMING~**

อ้าว!!!... หายไปไหนกันหมด..เพคะ...???

ผู้แสดงความคิดเห็น **~MAGIC CHARMING~** (noi_wong-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-16 14:10:34


ความคิดเห็นที่ 705 (3012445)
avatar
BLACK Label
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เห็นท่านอสินะตันตระ น่ังชิลๆอยู่แถวๆหน้าปรัมกลาง อยากจะเข้าไปคุยในสิ่งที่หนูไม่เข้าใจ ปรากฏว่าเข้าไปได้ระยะสักเล็กน้อย น้ำตาก็พาลจะไหลขึ้นมาดื้อๆ ด้วยอาการบอกไม่ถูก สุดท้ายก็ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆแบบว่าเห็นหน้าท่านก็สบายใจแล้ว T^T ซะอย่างนั้น เวลาได้สวัสดีแล้วท่านยิ้มให้ ก็รู้สึกดีแบ่บว่าบอกไม่ถูก ..... เอาเป็นว่า หนูรักท่านค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น BLACK Label ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-25 13:39:39


ความคิดเห็นที่ 706 (3012835)
avatar
asinatantra
image

สวัสดีครับ Black Label ..

พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยนึกขึ้นมาได้ว่า พักนี้ไม่ค่อยได้เจอใครเอาเลยแฮะ  ด้วยอาการชราบวกป่วยนิด ๆ หน่อย ๆ   เลยรู้สึกเหมือนว่าโดนหลายๆ คนลากไปเก็บอย่างไรไม่รู้จนมักจะได้ยินว่า " อย่ามานั่งแบบนี้สิ เดี๋ยวปวดหัวหรอก " " อย่ามาอยู่ตรงนี้สิ เข้าไปข้างใน ไป " แล้วก็โดนลาก ๆๆๆๆ  เข้าห้องแอร์หรือเอาไปส่งบ้านไปซะ ...  นั้นสินะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า?   จนเดี๋ยวนี้ได้ยินคนพูดบ่อย ๆ ว่าจะเข้ามาถามอะไรก็มักจะโดนสกัดซะก่อนว่าอย่ากวนผม!!!!

ป่วยมันก็ป่วยตามสภาพอายุ แก่ก็แก่ตามสภาพอายุเหมือนกัน แต่ถามได้ทักได้ คุยได้ เสมอ.. หรือหากกลุ่มพิบูลที่เทวาลัยดุเกิน ก็เอามาถามทางนี้ได้ หรือ ไม่ก็ ที่ออฟฟิศ จันทร์ - ศุกร์ บ่าย ๆ นั่งอยู่เกือบทุกวัน  มาได้เสมอ

ขอบใจสำหรับรักที่ให้มา  รักนู๋เหมือนกานนนนน..แข็งแรง โตไว ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-26 10:18:16


ความคิดเห็นที่ 707 (3012860)
avatar
BLACK Label
หนูขอให้ท่านแข็งแรงไว และ หายป่วยไวๆน่ะค่ะ (^_^)
ผู้แสดงความคิดเห็น BLACK Label ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-26 11:09:27


ความคิดเห็นที่ 708 (3012873)
avatar
ธีรนายะตันตระ
image

ท่าน คือ ตัวอย่างความเข้มแข็ง

ท่าน สอนพวกเรา อยู่ตลอดเวลา

แม้ไม่เอ่ยอะไร

*******

ขอ ให้ ท่าน ไม่เจ็บ ไม่ป่วย นะฮับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธีรนายะตันตระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-26 11:27:39


ความคิดเห็นที่ 709 (3013114)
avatar
asinatantra
image

เจ้าเด็กลิงเอ๋ยย  ก็ เขียนซะ ผมดูดีเชียว ไม่ถึงขนาดนั้นซักกะตี๊ด ผมเองก็มีเรื่องทุกข์ใจเหมือนมนุษย์ทั่วไปทั้งนั้นแหละ  แต่อย่างที่คอยบอกเราเสมอ ๆ  มีทุกข์นะมีได้เป็นเรื่องปกติแต่ค้องทำความเข้าใจทุกข์นั้นๆ แล้ววางซะ  ด้วยประโยคสามัญประจำตันตริกที่คุรุเมตตาทิ้งไว้ให้พวกเราเรียน  " ทุกข์อยู่ในใจ ไม่นำมาใส่ใจ ใยใจจะทุกข์ "

ยามป่วยก็ทุกข์ด้วยรูปธรรม  คิดแง่ดีก็เป็นบทเรียนใหม่ที่ไม่เคยเรียนมาก่อน ก็ลองดูสิว่าเมื่อรูปธรรมมันทุกข์จะเอาประโยคข้างบนมาใช้ได้ขนาดไหน  ลองคิดดูขำ ๆ ตายไปแล้วนะเรียนเรื่องนี้ไม่ได้นะ เพราะโอกาสหมด จริงมั้ย..

ผมเป็นใครและผมต้องการอะไร และต้องการจะไปไหน ผมก็แจ้งในตนเองหมดแล้ว....

ขอบใจอาจารย์ทุก ๆ ท่านที่ทำพิธีกรรมให้  อาทิตย์นี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกทรมานมากเหมือนหลายๆ เดือนที่ผ่านมาแล้ว  น้ำใจและความปราถนาดีที่มีให้ ผมรับทราบเสมอ แม้ไม่ค่อยได้เจอได้คุยกัน นะ..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-26 20:55:29


ความคิดเห็นที่ 710 (3013697)
avatar
munung
image

วิ่งมาบอกรักเจ้าค่ะ....แหะแหะ

ณ.วันนี้หลายอย่างที่อยู่รอบตัวเราสอนให้เรารู้ว่าสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจจริงๆเลยเจ้าค่ะ

รวมทั้งสุขยิ่งกว่าเมื่อเห็นคนที่เรารักไม่เจ็บไม่ปวดด้วยโรคที่บั่นทอนสังขาร

มีช่วงเวลานึงที่นู๋มองไปว่า"ขอเพียงสุข เท่าที่สังขารนี้ยังมีอยู่"

เท่านั้นก็เพียงพอ  ยิ่งรู้สึกว่าสังขารที่เจ็บป่วยเหมือนระเบิดเวลา

ที่คนสองคนมี มันกลับทำให้เรามองเห็นคุณค่าของกันแระกันมากๆเลย

รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ทำอย่างไรให้ชีวิตมีสุข

และหน้าที่สำคัญของนู๋คือดูแลท่านรับใช้องค์เทพตามบัญชา

ดูแลต้นส้มให้หวานเสมอ...นู๋เองก็แอบชิมส้มของนู๋แล้วเจ้าค่ะ

ว่าหวานมากจริงๆด้วยค่ะ.....นู๋รักท่านที่สุดเลยหายไวไวนะคะมู๋นึ่งอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ.....

ผู้แสดงความคิดเห็น munung (mootoo_buf-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-28 01:46:33


ความคิดเห็นที่ 711 (3014727)
avatar
asinatantra

เมื่อค่ำวานเป็นการเรียนหนังสือที่หัวและสมองของผมปลอดโปร่งมากที่สุดในปี 2552 นี้ ด้วยป่วยมาได้ระยะหนึ่ง  ถึงมันจะไม่ได้หายไปแบบทั้งหมดแต่ความทรมานที่ลดลงมากจนเหลือความคิดที่ทำให้นึกไปถึงว่า  ท่านเคยให้ปัญญาผมมาเมื่อสมัยเด็กด้วยผมเคยเอ่ยปากขอเพราะเหตุว่าปัชญาตันตระในสมัยนั้นมันยากเสียเหลือเกิน  ฟังอย่างไรก็ประติดประต่อไม่ได้หยิบไม่ได้จริงวางไม่เป็นเรื่องราว  .. ท่านประทานให้ผมในครานั้น

เวลาล่วงเลยผ่าน ผมเองก็ไม่ได้นึกฝัน ..ผมต่อวงจรปัชญาตันตระได้ในสมองมนุษย์อันน้อยนิดแต่ลึกคดเคี้ยวนี้ ผมเข้าใจในปัชญาที่คุรุท่านเมาตาสั่งสอนให้ผมพ้นทุกข์ได้ด้วยตนเอง ผมเติบใหญ่ขึ้นในสังขารนี้จนสามารถนำสิ่งที่เรียนมา มาชี้ทางแก่ผู้อื่นต่อ จนมาเริ่มป่วยตั้งแต่ปีก่อนโน้นมาเงียบ ๆ และเริ่มหนักหนาขึ้นจนปีนี้ ผมรู้ว่าปัญญาผมหายไปเยอะปัญญาที่ละเมียดต่อชีวิตประจำวัน ผมไม่ได้กลิ่นหญ้า กลิ่นลม กลิ่นแดด กลิ่นชีวิตในธรรมชาติที่เป็นฐานกำลังของตัวผมเองมานาน แต่คำสอนที่คุรุท่านสอนมาก็ยึดเหนี่ยวให้ดวงจิตผมเข้าใจในการป่วยนั้นและวางมันลง และอยู่ให้ได้ด้วยสุขตามกำลังของสภาพการทุกข์ด้วยรูปธรรม ..ทรมานนะ แต่ผมอยู่ได้ ในหัวผมมีแต่ความคิดแบบนี้ ..จนท่านเมตตาผมอีกครา ผมได้เอ่ยขอสิ่งเดียวกับที่ผมเคยขอท่านเมื่อวันเยาว์ว่าผมอยากมีปัญญาอีกครา ถึงอาการป่วยนี้จะไม่หายหรือมันจะหนักหนาขึ้นจนทำให้ผมลาจากไปแต่ขอให้ได้มีปัญญารับรู้สิ่งต่างๆ ที่มีคุณค่ามากมายนี้อีกครา ได้เป็นก่อไผ่เบียดกันให้ไหม้ไปไหม้อีกครา

ท่านยิ้มและบอกว่าจะช่วย...ด้วยอาการปวดทรมานจนจำชื่อตนเองแทบไม่ได้นั้น ก็ยังคง งงงง ต่อไป

และหลาย ๆ อาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ผมไม่อาจนำมาเล่าได้  เหตุการณ์ที่ท่านๆ เมตตาต่ออสินะตันตระ  ให้ความทรมานกับสังขารนี้ทุเลาลง สิ่งที่หลายๆ คนบอกผมว่า เค้าหากันมาหลายปีก็ยังไม่มีโอกาสรู้ แต่ท่านเมตตาบอกผม..ให้ได้มีโอกาสแก้ไขและขออภัยในสิ่งผิดๆ ในชาติภพก่อน ๆ ให้ทุเลาลง

ผมเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่า ใช้จิตคุมอาการป่วยอยู่จนท่านบอก แต่คุรุท่านสอนเสมอให้เข้าใจใจทุกข์แล้ววางซะ  ผมก็เข้าใจว่ามนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อป่วยก็ต้องทรมานเมื่อทรมานก็ต้องทุกข์ใจแต่เมื่อเจ็บเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกผู้ต้องเป็น แล้วจะหลีกเลี่ยงอย่างไร  ไม่ช้าก็เร็ว..ผมก็คิดแบบนี้มาเสมอๆ  จนอยู่กับมันมาได้เป็นปี ๆ จนร่างกายเดินทางมาถึงคำว่า ..คิดว่ากำลังจะแตกแล้ว..ท่านก็เมตตาผมอีก ถึงขณะนี้มันจะไม่หายไปถึงมันจะกลับมาอีก  แต่อาทิตย์นี้ผมก็มองเห็นว่าแดดสีทองและต้นไม้สีเขียวอีกครั้ง ผมไม่กลัวและผมไม่เสียใจ เช้านี้เลยมานึกถึงประโยคหนึ่งที่คุรุสอนเอาไว้ว่า

"เมื่อถึงทางตันจะมีทางเลี้ยวเสมอ"  ทางเลี้ยวของสังขารผมกำลังเปิดขึ้นให้ผมเดินต่อไป คงต้องมาดูกันต่อไปว่าหนทางเป็นอย่างไร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-30 10:09:04


ความคิดเห็นที่ 712 (3014770)
avatar
เจ้าบ้าน
image

บุญ ทำแล้ว ต้องเห็น ได้ฟังสวด ได้ฟังสรรเสริญ กุศล ทำแล้ว เฉย ทำแล้ววาง ไม่เอาเสียงสวด ไม่เอาสรรเสริญ 029780725-9 สถานที่ไถ่ชีวิต โค กระบือ ปทุมธานี ตัวละ 1.5 หมื่น คู่ละ 3.0 หมื่น สาธุ สาธุ
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-30 13:13:58


ความคิดเห็นที่ 713 (3014782)
avatar
เจ้าบ้าน
ในแสงสว่างมีความร้อน ในความมืดมิดมีความเย็น แม้เห็นด้วยตาก็ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนเท่าเห็นด้วยจิต ในความคิด มีเหตุผล แต่ในเหตุผลก็ไม่สามารถบอกได้ว่า สิ่งใดถูกสิ่งใดควร บุญ บาป จะว่าอยู่ใกล้กัน หรือ ห่างกัน แม้ไม่ใช่ระยะทาง แต่ความหมายของบุญและบาปก็ต่างกันสุดขั้ว หากแต่บุญและบาปเกิดและพลิกผันได้ เพียงเสี้ยววินาที ด้วย ใจ วาจา กาย ด้วยการคิด การพูด การกระทำ ดังนั้น การจะคิด จะพูด จะทำ ต้องมาจาก ปัญญา ผู้มีปัญญา มักจะ คิดดี พูดดี ทำดี คิดถูก พูดถุก ทำถูก การจะเป็นผู้มีปัญญานั้น ต้องรู้จักตนเอง และ ควบคุมตนเอง การรู้จักตนเองฝึกฝนได้ด้วยสมาธิ ทั้ง เวทย์สมาธิ และ เวชสมาธิ การควบคุมตนเอง นั้น ควบคุมด้วยอาการปกติของชีวิต คือ ศีล และ วัตร ศีลใหญ่เพียง 4 ข้อของตันตริก คือ 1ไม่ยินดีในความหลง 2ไม่ยินดีในความรัก 3ไม่ยินดีในความโลภ และ4ไม่ยินดีในความโกรธ ด้านวัตร ทั้ง 4 ของตันตริก นั้น ก็คือ 1ช่วยเหลือสรรพชีวิตเมื่อได้รับการร้องขอ 2ปรารถนาดีต่อทุกสรรพชีวิต 3สุขสบายใจเมื่อทุกสรรพชีวิตมีความสงบสุข 4วางจิตให้สงบนิ่งทุกครั้งที่ประกอบวัตรทั้ง3แล้ว เมื่อสามารถดำรงตนอยู่ในวัตร4และศีล4ได้แล้ว ก็จะรู้จักตนเองควบคุมตนเองได้ การกระทำ การพูด การคิด ก็จะเกิดจากปัญญา นั่นก็คือ เราได้ห่างไกลจาก บาป และเข้าใกล้ บุญ มากขึ้นอีก โอม นมัช ศิวาเย
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-30 13:47:48


ความคิดเห็นที่ 714 (3014784)
avatar
รักและภักดี
โอม ราชะตันตระ นมัช
ผู้แสดงความคิดเห็น รักและภักดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-30 13:51:44


ความคิดเห็นที่ 715 (3015194)
avatar
นู๋ natcha

นู๋ ไม่ ค่อย ได้ เข้า มา อ่าน กระ ทู้ บ่อย ๆ

เพราะ นู๋ ไม่ ค่อย รัก การ อ่าน

และ นู๋ ก็ ไม่ ค่อย ได้ เข้า มา อ่าน ถ้า ไม่ มี ปัญ หา

และ ทุก ครั้ง ที่ เข้า มา นู๋ น้ำ ตา คลอ ได้

นู๋ ตื้น ตัน ใจ ที่ อ่าน แล้ว เหมือน ท่าน กำ ลัง สอน นู๋ อยู่ พอ ดี

และ ตอน นี้ ก็ พยายาม ทำ ตาม คำ สอน ของ ท่าน ให้ ได้

เพราะ เรา รู้ คำ ตอบ แล้ว เหลือ แค่ เรา จะ รับ มัน ได้ หรือ ปล่าว ทำ มัน ได้ หรือ ไม่

อยู่ ที่ ใจ จริง ๆ

ปล.ดีใจทุกครั้งที่พบท่าน แต่นู๋ไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านยังงัย!!

 สุดท้ายรักและเปนห่วงท่านทั้งสองเสมอ

ผู้แสดงความคิดเห็น นู๋ natcha (natcha_cha14-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-05-31 19:55:58


ความคิดเห็นที่ 716 (3015257)
avatar
มังคละตันตระ
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Narong อ่านข้อความ


ร่วมบุญซ่อมสร้างโบสถ์และพระประธานที่ประสบอัคคีไฟ
เพื่อให้ องค์พระพุทธรูป มีหลังคา กันแดดและฝน
และซ่อมพระประธานให้สวยงามเหมือนเดิม

วัดพระธาตุจอมจ้อ อ.เทิง จ.เชียงราย
(พระบรมสารีริกธาตุส่วนดั้งจมูก)
ตามลิงค์
อานิสงค์ใหญ่สร้างอุโบสถและบูรณะวัดพระธาตุจอมจ้อ(พระบรมสารีริกธาตุส่วนดั้งจมูก) อ.เทิง จ.เชียงราย

ร่วมบุญที่บัญชี
ชื่อบัญชี พระบรมธาตุเจ้าจอมจ้อ
ธ.ทหารไทย สาขาอำเภอเทิง จ.เชียงราย
ออมทรัพย์เลขที่ 379-2-70477-1
ผู้แสดงความคิดเห็น มังคละตันตระ (wipas_satimanont-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-01 00:44:52


ความคิดเห็นที่ 717 (3015407)
avatar
BLACK Label
แล้วระหว่างการทำบุญ สร้างกุศล และ การบริจาคทาน ต่างกันยังไงค่ะ หรือว่าทุกอย่างอยู่ที่จิต ทำทุกอย่างให้ออกมาจากใจ อะไรก็ดีทั้งนั้น ??
ผู้แสดงความคิดเห็น BLACK Label (phiscos15-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-01 12:09:54


ความคิดเห็นที่ 718 (3015552)
avatar
Piggyboy
image

ขอบคุณท่านเจ้าบ้าน และท่าน asinatantra มากๆค่ะ นู๋สุขที่ไม่ทุกข์ค่ะ "รักษาศีล และ วัตร" ให้ดีพร้อมเสมอ
ผู้แสดงความคิดเห็น Piggyboy ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-01 15:56:46


ความคิดเห็นที่ 719 (3017698)
avatar
looktane

แบบว่าไม่ได้เข้ามาทักทายท่านอสินะ  ซะนานอยู่หลายเดือนเลย

แต่ก็แบบว่ายังแวะเวียนมาอ่านคำสอนดีๆจากท่านเสมอเลยค่ะ

ช่วงนี้ก็เกิดอาการงงกะตัวเองเล็กน้อย  ถึงมาก  สงสัยต้องใช้การนั่งสมาธิเข้าช่วย

ถึงจะดีขึ้น  และก็ลองทำดูแล้ว  ก็ดีขึ้นจิงๆค่ะ

ช่วงนี้มาตันตระ  ไม่ค่อยได้สนใจอะไรเลย  นอกจากมานั่งสมาธิ   แปลกจัง  แต่ก่อนไม่เคยจะเป็นแบบนี้

แต่ช่วงหลังๆได้มานั่งสมาธิเองนานๆ  โดยไม่มีอาจารย์สวด  รู้สึกว่าตัวเองนิ่งจังค่ะ

รู้สึกว่าคำสอนของท่านเจ้าบ้านที่บอกไว้ว่า  ถ้าเราลองหยุดนิ่ง  เราเองก็จะเห็นใบไม่ไหว

ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วค่ะ  เพราะเวลาที่คนเราหยุดนิ่งได้  มันเห็นและสัมผัสอะไรๆที่ไม่เคยเห็นได้เยอะเลย

ขอบคุณท่าเจ้าบ้าน  ขอบคุณสำหรับคำสอนดีๆ  และขอบคุณวาสนาที่ทำให้หนูรู้จักที่นี่  ขอบคุณจากใจค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น looktane (looktane-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-06 00:04:11


ความคิดเห็นที่ 720 (3018406)
avatar
เจ้าบ้าน
วันนี้ มาคุยกันเรื่อง จริต ฟังคำว่าจริต แล้ว รู้สึกไม่ค่อยเป็นคำในแง่บวกเท่าไหร่ แต่จริต เป็นความจริงที่ทุกคนมีอย่างแน่นอน บางคนมีครบทุกจริต บางคนมีน้อยบางคนมีมาก จริต เป็นคำทางพุทธ แต่ ตันตระเชื่อว่า มันคืออารมณ์ประเภทหนึ่ง วันนี้คุยกันแค่ 3 คู่ ซึ่งมักมาเป็นคู่ๆ พวกแรกคือพวกสวยเลิศ ชอบของสวย ของงาม ของเลิศ ละเอียด ปรานีต มักมาพร้อมคู่หู คือ พวกหลง งมงาย พอ ชอบสวยงามมากเข้าละเอียดมากเข้า ปรานีตมากๆ ก็หลง ติดอยู่ ในความงาม ความเลิศ ความปรานีต สวยเลิศ ตันตระรับได้ แต่ หลงนี่สิ ไม่เอาละกัน ทำให้เหลือแต่สวยเลิศล่ะ ก็พอรับได้ คู่ที่สองคือ พวกนิสัยดี เชื่อคนง่าย รักสัตว์ รักโลก คิดดี หวังดี ชอบช่วยเหลือ มาพร้อมกับคู่ขา คือ ฟุ้งซ่าน คิดไปเรื่อย กังวล หนักอกหนักใจ ห่วงใยไร้สาเหตุ กลัวโน่นกลัวนี่ เกรงนั่น เกรงนี่ และก็เหมือนเดิมคือ ขอแค่ นิสัยดี ไม่เอาคู่หูดีกว่า คู่สุดท้าย คือ พวกฉลาด ทันคน เข้าใจง่ายเรียนรู้เร็ว มากับคู่หูคืออารมณ์ร้าย อารมณ์ร้อน คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เอาแต่ฉลาดละกัน ดังนั้น เอาแค่ สวย ดี ฉลาด พอ แบบที่ หลง ฟุ้งซ่าน ขี้โมโห น่ะ ลด ซะ น่าจะดี
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าบ้าน (59-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-08 09:54:22


ความคิดเห็นที่ 721 (3018710)
avatar
Thanpitcha

เฮ้อออ......ช่วงเดือนนี้เหนื่อยจังเลยค่ะท่าน  คงไม่ได้ไปนั่งสมาธิที่ตันตระอีกนานนนนนเลย 

แบบว่าเหนื่อยทั้งกาย  ทั้งใจเลยค้ะ

มีอะไรเข้ามาวุ่นวายในชีวิตให้ทำ  ให้คิด ให้แก้  ปวดกะบาลจิงๆเลยค่ะท่าน

แต่ถ้าเป็นแต่ก่อน  หนูคงบ้าตายกะความวุ่นวายในชีวิตเป็นแน่

แต่หลังๆมานี่  ก็รู้สึกว่าชิวๆกะชีวิตแล้วค่ะ  ห้าห้าห้า......

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Thanpitcha (looktane-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-09 09:03:41


ความคิดเห็นที่ 722 (3019642)
avatar
Mr.BlackOcean
image

อ่านกระทู้ มาตั้งแต่ต้น

 

ตอนนี้อยากวาง

 

แต่ยังวางไม่ยอมลงสักทีเพราะอะไรหรอครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Mr.BlackOcean ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-11 10:12:01


ความคิดเห็นที่ 723 (3019744)
avatar
BLACK Label
ที่ว่าอยากวางน่ะ วางอะไรเหรอ คุณ Mr.BlackOcean :)
ผู้แสดงความคิดเห็น BLACK Label ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-11 14:38:58


ความคิดเห็นที่ 724 (3020252)
avatar
แก้มป่อง

ต้อนนี้หนูกำลังสับสนคะแต่พยายามนำคำสอนขึ้นมาทบทวนก็ยังสับสนอยู่ดีไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรพยายามทำความเข้าใจกับตัวเองอยู่คะรักท่านทั้งสองเสมอคะจะทำตัวเป็นเด็กดีตลอดไปขอบคุณท่านทั้งสองมากมายกับทุกอย่างที่ท่านประทานให้ทั้งชีวิตมอบให้ครูบาอาจาร์และท่านเสมอคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แก้มป่อง (gift0890-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-12 19:57:37


ความคิดเห็นที่ 725 (3020420)
avatar
asinatantra

อืมม..

เห็นหลายคนมาบ่นให้อ่าน  งั้นผมบ่นมั่งนะ..

ผมคิดถึง พ่อท่าน เหลือเกิน...

เมื่อค่ำ คุรุ ท่านเตือนให้เดินพระเวทย์ในตัว จริงด้วย! ผมลืมไป + พอจิตนึกถึงเลือดในตัว ทุกอนุก็ไหลเวียนและท่านก็มาอยู่ในห้วงคำนึงนึกของผม เลือดผมทุกหยดถวายท่านไปแล้ว ....ผมรักท่านเหลือเกินกว่าที่จะเอื้อนเอ่ย เป็นวาจา ...เมื่อไหร่นะผมจะได้กลับไป ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ

เอาหละ จบ การบ่น

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-13 10:42:25


ความคิดเห็นที่ 726 (3020421)
avatar
asinatantra

อ้อ ..

ส่วนกระทู้ที่ถามมา  เดี๋ยวผมมาตอบนะ ขอออกไปผจญอาการร้อนซักครู่ หากไม่ปวดหัวจนจำชื่อตนเองไม่ได้อีก จะกลับมาตอบนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-13 10:43:36


ความคิดเห็นที่ 727 (3020767)
avatar
จาดับจาดับ
รักนายคร๊าบ
ผู้แสดงความคิดเห็น จาดับจาดับ (toomoot-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-14 13:35:31


ความคิดเห็นที่ 728 (3020875)
avatar
asinatantra

ตอบ 717 ทางพุทธผมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก  แต่การทำบุญ กุศล หรือ ทาน นั้น..อันที่ผมแน่นอนที่จะตอบคือ  ทำโดยไม่หวังผล สุขใจที่ได้กระทำโดยไม่ต้องคำนึงว่าทำแล้วมันจะไปไหน ใครจะทำไมหรือเอาสิ่งที่เราทำไปทำอะไร ไม่ต้องคิดต่อ  ให้หยุดตรงที่กระทำ บุญ กุศล หรือ ทาน แล้วสร้างสุขแก่จิตใจตนเองแล้ววางลงเลย..และก้าวเดินต่อไป และเมื่อพร้อม อยาก สุขที่จะทำอีกเมื่อไหร่ ก็กระทำอีก  อันนี้จะได้แต่ประโยชน์ของการทำ บุญ กุศล และ ทาน  แน่นอน

ตอบ 722 วางไม่ได้เพราะเรายังไม่วางเอง  ก็แค่นั้นแหละครับ เป็นการอธิบายง่าย ๆ ที่อาจจะไม่ถูกใจนัก  ....หลาย ๆ คนมักจะถามผมเรื่องวางทุกข์ที่ทำไม่ได้  ผมก็ได้แต่ตอบว่า หากตนเองตั้งมั่นกับตนเองว่าไม่อยากจะทุกข์กับเรื่องนี้หรือเรื่องนั้นอีกแล้ว  มันก็จะถึงจุดที่จะวางลงเอง อย่างผมเองผมบอกตนเองว่าไม่อยากจะทุกข์อีกแล้ว ไอ้เฉพาะเรื่องทุกข์ระดับพื้นฐานของมนุษย์ก็ปวดหมองแก้ยากจะตายอยู่แล้ว เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อคราที่มันมา โอ้มันแก้ทุกข์นั้นยากจริง ๆ ผมเลยไม่อยากมีทุกข์ประเภทสอดแทรกเช่น รัก โลภ โกธร หลง มาเพิ่มให้เหนื่อยสังขารมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นเมื่อผมตกลงกับตนเองได้ก็วางลงซะและไม่เริ่มที่จะหาสิ่งเหล่านั้นมาสร้างปัญหาซะตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องแก้ปัญหาให้ต้องวางกันอีก ตอนปลาย

หากเป็นตันตริก ย่อมรู้ว่า เราต้องเริ่มต้นจาก " เอ่งเป็นใคร และทำอะไรอยู่ "  ซะก่อนที่จะก้าวไปตกลงและจะหยิบหรือวางเรื่องใด  ต้องรู้ตนเองก่อนว่าอะไรคือเรา และอยากให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร สิ่งที่เราอยากให้เป็นไปมันถูกต้องหรือไม่กับความถูกต้องของตัวเราเอง และหากหาคำตอบนั้นได้  คุณ ๆ จะเห็นว่าอะไรที่อยู่นอกเหนือและไม่จำเป็นต่อการเป็นตัวตนของเรา  เราก็จะวางสิ่งต่างๆ นั้นลงซะ เพราะเราตัดสินใจแล้วที่จะเป็นตันตริก  คือผู้นิยมสุข แล้วถูกมั้ย  ฉะนั้นการวางทุกข์ไม่ลงเพราะเราไม่วางมันลงย่อมไม่ถูกแน่นอน

และอีกอย่างที่ไม่อยากให้ลืมนึกกัน  ไอ้การวางลงเพื่อให้เกิดสุขนั้นเพื่อใครกัน หือ?  ก็เพื่อสุขแก่ตนเองและจิตของตนเอง มิใช่หรือ แล้วใยเราจะไม่ทำมันให้ได้หละ?  จริงมั้ย

ขออวยพรให้เข็มแข็ง และประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ ทุกคน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-14 20:28:52


ความคิดเห็นที่ 729 (3021247)
avatar
Z(Bo__oM)

ขอบคุณค่ะ ท่าน สำหรับคำอวยพร

ผู้แสดงความคิดเห็น Z(Bo__oM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-15 17:55:33


ความคิดเห็นที่ 730 (3021566)
avatar
Thanpitcha

วันนี้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตของหนูด้วยค่ะท่าน

แต่...สิ่งดีๆที่ว่านี้  ไม่ใช่เงินทองนะคะแล้วก็ไม่ใช่วัตถุหรือสิ่งของมีค่าใดๆ

แต่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจค่ะท่าน

ความสุขนี้...คงมาจากคำสอนของท่านที่สอนเรื่องการวางทุกข์  และการทำยังไงให้ชีวิตในแต่ละวันของเรามีความสุข

ตอนนี้หนูวางทุกข์ทุกอย่างลงได้มากแล้วค่ะ  ทั้งๆที่ไม่ได้ไปตันตระเลย  แต่ตันตระและองค์ท่านก็ยังอยู่ในใจหนูเสมอ

วันนี้หนูเข้าใจและคะ  ว่าการที่คนเราวาทุกข์ที่เกิดจากความคิด  ความรู้สึกของเราเอง  ไปจดจ่อ  ไปยึดติดกับมันให้ทุก 

ข์  มันเป็นยังไงทั้งความทุกข์ที่เกิดจากรักไม่สมหวัง  หรือความทุกข์ที่เกิดจากปัญหาต่างๆมากมายหลายสิ่ง  ที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่ละวันของเรา  และการวางทุกข์หรือการวางใครสักคนลง  ก็ไม่จำเป็นว่าเราต้องลืมหรือตัดใจจากเค้าคนนั้นใช่มั้ยคะ  เพียงแต่แค่เราเปลี่ยนโฟกัสซะใหม่  มองแต่ด้านทีดีของสิ่งๆนั้น  ไม่เลือกที่จะมองด้านเสีย  หรือมองให้น้อยที่สุด  เท่านี้เราก็หาความสุขให้ตัวเราได้ในแต่ละวันเหมือนกัน

ทุกข์......พอเราวางมันลงได้แล้ว  เราก็มีความสุขกะชีวิตในทุกๆวันของเรามากมายเลยค่ะ  ชีวิตที่ไม่มีไรให้เครียด  ปวดกะบาล  ชีวิตที่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร  และทำอะไรอยู่  เข้าใจแล้วค่ะท่าน  ขอบคุณคำสอนของท่านจิงๆที่ทำให้หนูหลุดพ้นจากความทุกข์บ้าบอคอแตกในแต่ละวันได้ซะที  ทุกวันนี้ไม่ได้ไปนั่งสมาธิที่ตันตระ  แต่ก็รู้สึกว่าตันตระอยู่ในใจหนูเสมอเลยคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Thanpitcha (looktane-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-16 14:00:21


ความคิดเห็นที่ 731 (3021857)
avatar
asinatantra
image

ยินดีกับคุณลูกตาลด้วยนะครับ  ทุกข์เป็นของๆ เรา เราต้องแก้เองครับ   สุขก็ของๆ เราอีกใครก็เอาสุขของเราไปไม่ได้ครับ..

เพียรเรียนรู้เก็บรักษา สิ่งที่เข้าใจเอาไว้ครับ  มันจะเป็นสมบัติของคุณตลอดไป..

อีกอย่างที่แนะนำ คือ อย่าลืมเหล่าองค์เทพนะครับ  รักท่านบูชาท่านทั้งยามทุกข์และยามสุข  ทุกข์มาหาท่านเวลาสุขก็ต้องมาหาท่านครับ มาบอกเล่าให้ท่าน ๆ ฟังว่าคุณสุขอย่างไร .. กลับข้างคิดหากเป็นเรามีคนมาหาแต่ยามทุกข์ใจเราก็คงมีเสียใจอยู่บ้างจริงไหมครับ ฉะนั้นหากทำได้หมั่นมานั่งสมาธิเอาไว้ครับ  สิ่งง่ายๆ ที่สละเวลาทำได้แน่นอน

ดีใจที่คุณยิ้มได้ ..ยินดีรับใช้เสมอ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-17 10:08:52


ความคิดเห็นที่ 732 (3021923)
avatar
Thanpitcha

ขอบคุณค่ะท่าน  แต่ไม่ได้อ้างนะคะ  คือช่วงนี้หนูเรียนหนักปีสุดท้ายอ่ะค่ะ  เรียนหนักมากๆเลยค่ะท่าน

แทบไม่มีเวลาหายใจเลย  เรียนแต่เช้าทุกวัน  เลิกเรียนก็จะมืดแล้ว  หมดแรงค่ะท่าน  งานก็เยอะหัวบานเลยค่ะ

เวลาอ่ะพอมีนะคะ  หลังจากเลิกเรียน  แต่ก็  หมดแรงซะแล้วค่ะ  เหนื่อยมากกกกกก

ก่อนหน้านี้ก็ไปตันตระแทบจะทุกวัน  จนตันตระเป็นบ้านไปแล้วค่ะ  ห้าห้าห้า....

แต่ก็พยายามบอกกะตัวเองว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปนั่งสมาธิแน่นอน  ตอนนี้หนูไม่ค่อยอยากขอล่ะอะไรองค์ท่านแล้วค่ะ  ไม่ใช่ว่าหนูได้ทุกอย่างแล้วหรอกนะคะ  แต่รู้สึกว่าแค่การนั่งสมาธิ  นั่งแบบที่ว่าจิตเรานิ่งจิงๆ  แค่นั้นหนูก็รู้สึกว่าหน๔ชาร์ตแบตเต็มกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ  ถ้าเป็นแต่ก่อน  เวลาหนูไปตันตระ  ก้คงขอพรท่าน  นู่น  นี่  นั่น  มากมาย  พอได้แล้ว  ก็อยากได้อีก  ไม่รู้จักจบสิ้นสักที  แต่ตอนนี้  รู้สึกว่าแค่ขอให้ท่านเมตตาสั้นๆ  ก็พอแล้วล่ะค่ะ  ทุกครั้งที่ไป  ไปนั่งสมาธิ  ไปไหวท่าน  ขอให้ท่านเมตตา  แค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้วค่ะท่าน

ช่วงนี้ถ้ามีแรงเหลือจากการเรียนอย่างหนักหน่วงก็จะแว้บไปแน่นอนค่ะ  ขอบคุณท่านอสินะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Thanpitcha (looktane-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-17 13:21:21


ความคิดเห็นที่ 733 (3022771)
avatar
The Saint

ขอบพระคุณอย่างสูง ในคำสอนของท่านคร๊าบบ บัดนี้การวางทุกข์ของข้าพเจ้าเริ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยแล้ว

ขอบพระคุณอย่างสูงที่มอบคำสอนให้กระจ่างในเป้าหมายข้างหน้าคร๊าบบ (เอาหัวมันมาชั่ง) คิคิ

ผู้แสดงความคิดเห็น The Saint ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-19 14:33:10


ความคิดเห็นที่ 734 (3023320)
avatar
asinatantra
image

เช้าวันฟ้าใส..

วันนี้ตื่นลืมตาประมาณสองโมงเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือผ้าม่านในห้องนอนเรืองแสง ซึ่งหมายถึงว่าภายนอกนั้นแดดแรงทีเดียว  เมื่อก่อนวันใดตื่นมาเห็นท้องฟ้าสีครามกับแดดเปรี้ยง ๆ ก็รู้สึกสดใส ดี๊ด้า อารมณ์ดีกว่าวันฟ้าหม่นด้วยเมฆฝน  แต่เดี๋ยวนี้ผมดูจะพอใจฝั่งตรงข้ามซะมากกว่า เฮ้ออ นี้หละน่า มนุษย์ !!  

นั่งพิจารณาสังขารอยู่บนเตียงอยู่ซักพัก ก็นึกถึงกิจวัตรขึ้นมาได้ว่า หมูอ้วนรออยู่ .. เล่าถึงหมูอ้วนให้อ่าน ก็อยากจะถามว่าคุณ ๆ เคยเห็นสุนัข อั้นฉี่ อั้นอึ กันไหมครับ?  ผมเกิดมาก็พึ่งเคยเห็นนิหละครับเพราะโดยส่วนปกติแล้วสุนัขมักจะชอบวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้ามากกว่าการอยู่ในห้องแต่หมูไม่ใช่????  หมูน้ำตาลหรือที่คนสวนเรียกหมูใหญ่ มักจะทำบ่อย ๆ ถึงบ่อยที่สุดจนเกิดการตบตีกันระหว่างผมกับหมูบ่อยขึ้น ๆ ในระยะที่ผ่านมาด้วยเหตุว่าหมูน้ำตาลฉี่ราดในบ้าน!! ผมก็เข้าใจว่าหมูขี้เกียจ หมูหวงของใช้ หมูหวงห้องนอน หมูหวงเจ้านาย  แต่ขนาดอั่นฉี่อั่นอึมันก็ดูจะเกินเหตุไปหน่อย ซึ่งผมก็เข้าใจว่าผมไม่ค่อยได้เล่นด้วยซักเท่าไหร่ฉะนั้นพอมีเวลาอยู่ด้วยกันหมูก็จะมานั่งตามเดินตามซึ่งก่อนหน้านั้นอั่นไว้อีกกี่ชั่วโมงด้วยความขี้เกียจก็ไม่รู้ได้อีก เลยทำให้บ่อยครั้งขณะนั่งขย้ำหน้าหมูเล่นอยู่ หมูก็จะฉี่ราดออกมาเลยแล้วก็เริ่มเดินหนีเพราะรู้ว่าผมจะเริ่มอาละวาด แล้วลองนึกดูสิครับว่าหมูก็จะเริ่มเดินหนีผมพร้อมกับฉี่ไปด้วยซึ่งทำให้เลอะเต็มบ้าน!!!! พระเจ้าาาาาา  ผมนะหมดอารมณ์โรแมนติกไปเลย หรือไม่ก็ขณะที่นั่งเฝ้าผมทำอะไรอยู่ที่ห้องนั่งเล่นหรือห้องครัว หมูก็จะเริ่มตด ปูดดดดด ปูดดดดด ซึ่งพระเจ้ามันเหม็นเกินทนจริง ๆ แล้วหมูก็สามารถตดอยู่อย่างนั้นได้หลายสิบนาที  ซึ่งผมก็จะเริ่มอาละวาดอีกว่า ทำมายยยยไม่ไปอึ  ซึ่งหมูแน่นอนว่าไม่เข้าใจจนกว่าผมจะทนไม่ได้เดินพาไปอึที่สนามหญ้าซึ่งหมูน้ำตาลก็จะรีบวิ่งไปอึแค่ขอบ ๆ สนามพร้อมกับหันหน้ามาดูผมไปด้วยว่าจะเดินเข้าบ้านก่อนหรือเปล่า อึ อึ อึ แล้วก็รีบวิ่งกลับมาพร้อมอึติดอยู่ที่ก้นด้วย!!!! โอ้พระเจ้าาาาาา   ผมก็เคยได้ยินความฮาของสมุนพันธ์นี้ว่าชื่อเสียงโด่งดังแต่ของจริงมันสุดยอดกว่าในทีวีหรือหนังสือเยอะ  มีอีกอันที่ตลกแต่ไม่สกปรกคือ ยืนหลับ! ด้วยอาการติดผมค่อนข้างหนัก ไปไหนก็ไปด้วยหละนะแต่ง่วงอะ  หมูมายืนดูผมทำโน้นทำนี้ในครัวโดยที่บ่อยครั้งก็ยืนหลับไปเลยแบบสัปหงก คอตก น้ำลายยืด เหมือนหมูเกิดอาการตายฉับพลันซึ่งหลังจากผมยืนดูหัวเราะได้ซักพักก็จะเรียกให้ตื่นถามว่า ทำไมไม่ไปนอนหมูก็จะสะดุ้งตื่นสะลึมสะลือตาห้อยแดงๆ มองผมแล้วก็พล่อยหลับไปอีกทั้งๆ ที่ยืนอยู่ 555555

อืมมม หันไปมองฟ้าแดดเริ่มหายไป เป็นเมฆฝนเข้ามาแทนที  ได้ที ที่ จะอาบน้ำแต่งตัวไปพบคุณหมอรับยาแก้โพรงจมูกพิการซักหน่อย ก่อนไปโรงพยาบาลก็จะแวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าโปรดซัหน่อย ยั้ม ยั้ม แล้วผมจะกินเผื่อนะ ะ ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-21 10:38:24


ความคิดเห็นที่ 735 (3023525)
avatar
montra

ความตั้งมั่นและรักในองค์เทพ ถ้ามีความตั้งใจจริงสิ่งที่ทุกคนขอจะได้สมดั่งใจ และต้องเชื่อมั่น ผมเคยขอในสิ่งที่เป็นอนาคตข้างหน้าในอีก 1 ปีซึ่งเป็นการพิสูจน์ในสิ่งที่มองไม่เห็น สวดภวานาและนั่งสมาธิทุกคืนและตั้งมั่น ผลที่อกกมาเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายเป็นจริงอย่างที่เราเชื่อมั่นในองค์เทพ ทั่งๆที่เราเองก็ยังไม่รู้ว่ามีจริงแค่ไหน(ตอนนั้นยังไม่รู้จักที่ตันตระ)บอกใครๆก็ไม่เชื่อว่าเราของสิ่งต่างๆกับองค์เทพมาได้ดั่งใจแต่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไปอีกข้างหน้า ไม่ใม่เชื่อในองค์เทพนะครับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้ไปที่ตันตระมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังนึกถึงและนั่งสมาธิระลึกถึงทุกวันที่บ้านครับ

อาจารย์หลายๆท่านให้คำแนะนำและสอนผมไว้มาก ผมยังจดจำและนำเอามาใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน และสุดท้ายขอให้คุณ asinatanta มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น montra (detail_home-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-06-22 02:11:54


ความคิดเห็นที่ 736 (3028978)
avatar
key holder
Good Morning My Princess Asina , I hope ur doing well ( as always ) na ka! I"m in Germany now , Forgive me that I didn"t say goodbye before I leaved. I"ve heard that ur sick :( ... I wish I could say something to cheer u up but I didn"t find a word that is good enough :( .. So ... What about a bottle of South Africa wine from Germany?? .. Would that help u a little bit , My Princess ?? :) Just tell me what do u want and I"ll try the best I can .. Ok!!! Long live the Princess ( Not sure if u like that ;P )
ผู้แสดงความคิดเห็น key holder (asitteetantra-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-10 05:09:44


ความคิดเห็นที่ 737 (3029342)
avatar
asinatantra
image

 

OHHHH....Key Holder Go Inter!!!!

No No!! No more Wine,,there is a lot at home already that I counld even not able to drink it >> see?

Be Happy on you side that is the best already,,

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-11 10:49:55


ความคิดเห็นที่ 738 (3029532)
avatar
Little_Brain
หนูจะพยายามทบทวนคำสอนของท่าน มาใช้กับ "ทุกข์ในรัก" ที่หนูประสบอยู่ ณ ขณะนี้ฮับ

ทรมานสุดๆฮ่ะ เศร้าอย่างแรง

หนูต้องทำให้ได้ ต้องผ่านบทเรียนไปให้ได้

ช่วยหนูด้วย T-T
ผู้แสดงความคิดเห็น Little_Brain (cartoonphee-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-12 00:26:19


ความคิดเห็นที่ 739 (3029941)
avatar
Thanpitcha

ปล่อยมือนั้นง่าย..

ปล่อยวางสิยาก

ทุกคนรู้วิธีที่จะคลายนิ้ว

แต่กี่คนที่จะรู้วิธีคลายใจ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Thanpitcha ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-13 13:24:19


ความคิดเห็นที่ 740 (3032894)
avatar
Little_Brain
ท่านasinatantra คับ คือว่าหนูมีเรื่องมาขอรับความกระจ่างในคำสอนบางอย่างอ่ะคับ

"ทุกข์อยู่ในใจ ไม่นำมาใส่ใจ ใยจะเกิดทุกข์ ทุกข์อยู่ในจิต ไม่นำมาคิด จะทุกข์ได้อย่างไร"

คือหนูพยายามทำความเข้าใจตรงที่ว่า ทุกข์อยู่ในใจ มันคือความจิง เพราะใจหนูมันคิดอยู่แต่เรื่องเดิมๆ

ก็เลยทุกข์อยู่อย่างนั้น พยายามที่จะไม่คิดไม่สนใจกับความคิดเหล่านั้น

แต่สิ่งที่ตามมาคือ "ความรู้สึก" หนูลดปริมาณการคิดเรื่องที่ทำให้หนูทุกข์ลงแล้ว

แต่ไม่กล้าปฏิเสธกับตัวเองว่า "เราไม่รู้สึกนะ" หนูรู้ตัวอย่างนึงว่า หนูคิดเรื่องนั้นน้อยลงแล้ว

แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้ไม่รู้สึกได้ รู้สึกเจ็บ รู้สึกเครียด รู้สึกไม่ดีเลย ตื่นเช้ามาทั้งๆที่น่าจะสดชื่น

แต่กลับกลายเป็นว่า "ทำไมหนูต้องตื่นมาด้วย?" กลับกลายเป็นว่า ไม่เอ็นจอยที่จะตื่นมาเลย

รู้สึกแย่อย่างร้ายกาจ ไม่เข้าใจสถานะทางสมอง ความคิด จิตใจ ของตัวเองเลยอ่ะคับ

"ความคิด" หนูไม่ได้เลิกที่จะคิด แต่ลดระยะเวลาในการคิด "ให้น้อยลง"

"ความรู้สึก" ปรหนึ่งว่าหนูควบคุมมันไม่ได้เลย ยิ่งไม่คิด กลับเป็นว่า "ยิ่งรู้สึกกับสิ่งนั้นมากขึ้น"

ณ ตอนนี้หนูพยายามหาวิถีทางที่จะทำให้ตัวหนูเอง "เข้าใจในทุกข์" มันดูเลือนลางเหลือเกิน

คำถามเมื่อก่อนมักจะเกิดแต่แบบ "ทำไมเขาทำอย่างนั้น??" "ทำไมเขาทำอย่างนี้??" ฯลฯ

ซึ่งหนูกลับมาถามตัวเองว่า ในเมื่อหนูไม่สามารถทำให้เขาเป็นอย่างที่หนูหวังได้

แล้วหนูจะหวังไปทำไม? แล้วหนูจะไปเปลี่ยนเขาทำไม? แล้วหนูจะชอบเขาที่เขาเป็นอย่างนี้ไม่ได้หรอไร?

ท่านเคยสอนไว้ว่า เปลี่ยนที่ตัวเราเองง่ายที่สุด หนูคิดว่าหนูทำได้ในระดับนึง

แต่ผลที่ตามมาจากการที่หนูเปลี่ยนตัวเองตรงนั้น คือ หนูยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในคำสอน

มันคือการหลอกตัวเอง ด้วยคำตอบที่จะทำให้เราสบายใจ อย่างนั้นหรอคับ

ไม่คิด ไม่ทุกข์ แต่รู้สึก ทุกอย่าง และแล้วก็กลับกลายเป็นว่า หลอกตัวเอง

ขอท่านฯได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคับ หนูตันปัญญา หนูกลัวโดยไร้เหตุผล ทุกข์ทรมาน
ผู้แสดงความคิดเห็น Little_Brain (cartoonphee-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-22 14:24:34


ความคิดเห็นที่ 741 (3033009)
avatar
asinatantra

อืมม.. ผมกำลังรวบรวมคำพูดไม่ให้โหดอยู่นะ ..เพราะด้วยตนเองเป็นคนไม่เชื่อในความรักแนว ฉันท์แฟนหรือคนรักเอาซะเลยแต่พูดแบบนี้ก็เหมือนขวางโลกทั้งใบ  แต่โดยสถิติแล้วทุุกคนลองหันซ้ายแลขวาแล้วลองนับคู่ที่รักกันแล้วมีสุขหรือไม่ค่อยทุกข์ดูกันเอา ผมเชื่อว่าแทบจะไม่มี  แล้วลองแอบคิดกับตัวเองดูนิดว่า เอ อ้ายจำนวนทั้งหมดหกสิบล้านคนโดยประมาณแล้วหารสองเอาง่ายๆ ว่าจับคู่กันได้หมด  ที่มีความสุขมันมีกี่คนแล้วเราจะเป็นผู้โชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ..อันนี้เป็นความจริงเกินไปนะ หลายๆ คนไม่ชอบฟัง เดินหนีกันไปหมด

การแก้ทุกข์ ไม่สามารถทำให้หายไปได้เหมือนดีดนิ้ว โป๊ะ!!  หายไปเลย  มันต้องผ่านการฝึกฝนและทำความเข้าใจในทุกข์นั้น  อย่างตัวอย่างที่ผมยกในท่อนบนนั้น เพื่อให้เห็นว่าความเป็นจริงของโลกนี้มันเป็นแบบนั้น เมื่อมองเห็นว่าความเป็นจริงมันเป็นแบบนั้น  การจะไม่ทุกข์ทรมานจากรักนั้นดูจะแปลก จริงมั้ย การมองถึงความจริงว่ามันเป็นอย่างไรและไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นทุกข์ จะทำให้ผ่อนลงได้นิดหน่อย ใช้ได้เป็นระยะ

ประโยคที่ว่า ทุกข์อยู่ในใจ หากไม่นำไปใส่ไว้ในใจ ใจก็ไม่ทุกข์ ...  นั้นคือ หยุดคิด เมื่อหยุดคิดความรู้สึกก็จะหายไป เพราะ เลิกคิดไปแล้ว  แต่หากการไม่คิดนั้นทำได้บ้างไม่ได้บ้างผลข้างเคียงก็ต้องมีความรู้สึกแย่ ๆ ตามมาเป็นระยะอยู่แล้ว  ข้อนี้ เวลาและ การเข้าใจตนเองจะช่วยได้มาก  ขณะที่รอเวลาให้ตนเองเข็มแข็งขึ้นและวางสิ่งที่ทำให้ทุกข์ลงได้ ก็ต้องอธิบายให้ตนเองเข้าใจว่าทุกข์ที่เกิดจากรักเป็นเรื่องธรรมดา หากกล้าจะมีความรักย่อมต้องกล้ารับทุกข์ไปด้วยเพราะมันไม่มีหนทางอื่นเลยจริง ๆ

การแก้ทุกข์นั้น หากอธิบายถึงทุกข์ที่มีได้ เช่น  ทุกข์รู็ว่าทุกข์ แสนสาหัสเหลือเกิน เพราะอะไรหละเราถึงกำลังทุกข์อยู่ ทุกข์เพราะรักมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกข์ที่ทำให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีก แต่ แต่ เราทุกข์หนักหนาเพราะคิดสู้กับมันอยู่ เราทำเพื่อตัวเราเอง วันหนึ่งมันต้องหาย วันหนึ่งมันต้องดี แน่นอนว่าทุกข์ต้องทรมานเป็นธรรมดา อายุเรามีตั้งกี่สิบปี จะทุกข์ให้ได้นาน 40 ปี รี ก็ลองดู มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว  ปีนึง สองปี สามปีเลยเอ้า  เมื่อเปรียบเทียบกับอายุ 70 ปีตามค่าเฉลี่ยของคนไทย เวลายังเหลืออีกเยอะแยะ  ลองสู้ดู อย่างน้อยเราไม่ต้องยืมอะไรใครในการสู้กับตนเอง มีแต่ได้กับได้ ..ลองคิดแบบนี้ดูก็ได้ ผมเคยลองกับตนเอง  ยามว่างหาอะไรที่มีประโยชน์กับตนเองทำ  ..สติ คือสิ่งที่ต้องประคับประคองเอาไว้ เพื่อนำตนเองไม่ให้เดินผิดทาง

เมื่อยามทุกข์อย่าไปหลอกตนองว่าไม่ทุกข์  ยอมรับว่าทุกข์แต่สู้กับมัน แน่นอนว่าทุกข์ก้ต้องทรมานเป็นเรื่องปกติ ทุก ๆ คนเป็นหมด ท่องกับตัวเองไว้ว่าเราทำเพื่อตัวเองวันหนึ่งเราจะดีขึ้น ๆๆๆๆๆ  เหนื่อยล้าอาบน้ำเย็นๆ นั่งสมาธิระลึกถึงองค์เทพที่คุณรัก แล้วนอน อยากร้อไห้ก้ร้องไม่ต้องไปอายใคร ร้องให้พอเท่าที่อยากจะร้อง ร้องมากๆ ตาก็บวมปิดง่วงไปเองโดยธรรมชาติ ดื่มน้ำเยอะ ๆ แล้วก็ร้องไป อย่าไปอด อย่าปิด อย่าโกหกตนเอง อย่าไปอายในความทุกข์ของตน  ท่องไว้วันหนึ่งจะดีขึ้น วันหนึ่งจะดีขึ้น

อีกประโยคหนึ่งที่คุรุท่านสอนผมเสมอ ๆ คือ..อยากได้ของ ๆ เค้า   ก็ต้องเสียของ ๆ เราเสมอ

ฉะนั้นหากยังอยากให้เค้าเป็นโน้น นี่ นั้น หรือ อยากได้อะไรก็ตามที่มาจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา เราก็จะเสียของๆ เราไปเสมอ อย่างแรกที่เห็นได้ชัด ๆ คือ ความรู้สึก ..ลองเลิกอยากได้อะไรจากใคร เลิกอยากให้ใครเป็นผู้ผิดหรือผู้ถูก เลิกหาคำตอบในสิ่งที่ไม่มีวันได้คำตอบแบบนั้น วางมันลงซะ แล้วเราก็จะไม่เสียอะไรของเราไปอีก

ผมเอาใจช่วย คุณไม่ใช่คนเดียวในโลกแน่นอนที่ทุกข์ใจ ..ขอให้ผ่านพ้นไปได้ ปีนึง สองปีก็ไม่สาย ผมจะเป็นกำลังใจให้เสมอ ตรงนี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-22 21:10:42


ความคิดเห็นที่ 742 (3033019)
avatar
Little_Brain
ขอบพระคุณอย่างสูงเลยคับ วันนี้ตั้งแต่หนูนั่งพิมพ์สิ่งที่จะถามท่านฯ หนูก็นั่งรีเฟรชหน้านี้โดยเฉลี่ยก็บ่อยใช้ได้ เพราะด้วยความที่ร้อนใจอย่างรุนแรง แล้วสิ่งที่หนูได้จากการนั่งรีเฟรชจอคอมก็คือ หนูได้เริ่มที่จะเรียนรู้เรื่องจังหวะเวลา ที่มีพี่สาวคนนึงบอกหนูไว้ ทุกอย่างมีเวลาของมัน ถ้ายังไม่ถึงเวลา เราไม่ได้รับรู้มัน อื่มมมมม หนูก็เลยคิดว่า ระหว่างที่หนูรอ หนูก็น่าจะทำอะไรให้มันดูมีประโยชน์กับตัวหนูเองน่าจะดีก่า แล้วที่ท่านฯได้กล่าวมา หนูทำหมดเลยระหว่างนั้น อาบน้ำ ทานข้าว ทานขนม นั่งสมาธิระลึกถึงองค์เทพที่หนูรัก เวลาหนูจนปัญญาแล้วตันจิงๆ หนูจะเริ่มด้วยการนั่งสมาธิ ซึ่งตอนเริ่มนั่ง ยากมากกกกกก ใจไม่สงบอย่างรุนแรงและร้ายกาจ แต่พอค่อยๆอดทนและพยายามนั่งหนึ่งร้อยลมหายใจ ไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็นิ่งได้เอง ไม่ได้หยุดคิดวุ่นวายนะคับ แต่รู้สึกว่า ความคิดมันบรรเทาความรุนแรงลงได้มาก ถึงแม้จะไม่สนิทดี แต่ก็ช่วยได้เยอะ

"สักวันจะต้องดีขึ้น หนูจะไม่เจ็บดักดานอยู่อย่างนี้" นี่คือสิ่งแรกที่หนูแว่บขึ้นมาในสมอง หลังจากที่ได้อ่านข้อความที่ท่านฯได้กล่าวตอบกลับมาให้หนูในรอบแรก(ขอหนูอนุญาตรวบเอาเองนะคับ) หนูจะนั่งทบทวนหลายๆรอบคับ

ขอบพระคุณคับที่ได้เตือนสติหนูให้อยู่กับตัวเอง ไม่ให้หลุดลอยไปกับสิ่งเร้าต่างๆรอบตัวไปมากก่านี้ ตอนนี้หนูคิดว่า หนูพอจะเข้าใจเพิ่มขึ้นในระดับนึงแล้วว่า "ทุกข์อยู่ในใจ หากไม่นำไปใส่ไว้ในใจ ใจก็ไม่ทุกข์" อื่มมม ในความเข้าใจที่หนูได้อ่านคือ สิ่งที่มาคู่กันกับความคิด คือ ความรู้สึก ถ้าไม่คิดมันก็ไม่รู้สึก ถ้าคิดก็จะรู้สึก ในบางครั้งหนูคิดว่าหนูหลอกตัวเองว่าหนูไม่คิดแล้วก็ดันรู้สึก อื่มมมมม คิดว่าแก่นของปัญหาน่าจะอยู่ที่ การที่หนูหลอกตัวเอง อยู่ร่ำไป ... อื่มมมมม ท่าจะจิงแฮะ

ในเมื่ออยากจะเล่นกับมันก็ต้องรับสภาพให้ได้ อื่มมม ขอบพระคุณท่านมากคับ หนูเริ่มๆที่จะเกตละ กับคำๆนี้ ทุกอย่างหนูเป็นคนเลือกเองจิงๆล่ะคับ หนูเลือกที่จะไม่ต้อง "รัก" ก็ได้ แต่ทางมันเรียบไป(โดยนิสัยของความเป็นมนุษย์ที่หนูมีทั้งร่าง)อยากที่จะเลือกทางเดินที่ขรุขระ เจ็บๆถลอกปอกเปิกบ้าง ก็เลือกที่จะเดินอยู่ดี แต่พอเริ่มที่จะเจ็บ เริ่มที่จะมีแผลบ้าง กลับกลัวซะงั้น รับสภาพไม่ได้ซะงั้น ไม่อยากเดินแล้ว อยากหนี เฮ้ออออ แต่ในเมื่อหนูเลือกแล้วก็ต้องเดินต่อไป เดินไปให้สุดทาง แล้วสิ่งที่ได้รับต้องคุ้มค่าแน่ๆ หนูเชื่ออย่างนั้น

"สติ" จิงๆด้วยคับ หนูสติหลุดตลอด(มันคล้ายกับสิ่งที่เรียกว่า "จิตหลุด" ป่าวคับ) ประมาณว่าตาบอดตลอดเลยพอเริ่มที่จะรู้สึกเจ็บ วันนี้หนูได้อ่านหนังสือเล่มนึง(ก่อนที่จะมาพิมพ์ถึงท่านฯคับ) ในนั้นมีอยู่หัวข้อนึงบอกไว้ประมาณว่า "คนเรามีปัญญา แต่ไม่มีเวลาจะใช้ปัญญา" อื่มมมม หลายๆสิ่งเลยที่หนูควรได้จากการอ่านครั้งนั้น แต่หนูก็เลือกที่จะตาบอด ด้วยเหตุที่ว่า "อ่านแก้เซ็งไปงั้นล่ะ" แต่พอเมื่อสักครู่นี้ได้กลับมาลองอ่านดู อีกรอบนึง อื่มมมม ถึงบางอ้อที่ว่า ทำไมสติที่มีจะประคองไว้ไม่ได้ ถึงมันจะแกว่งไปบ้าง แต่เราก็ดึงกลับมาอยู่กับตัวได้ไม่ใช่หรอ แล้วปัญญาล่ะ เลือกที่จะใช้หรือเลือกที่จะทิ้งมัน เงื่อนไขของทั้งสองอย่างนี้อยู่ที่ "เวลา" จิงๆด้วย ค่อยๆเรียนรู้ไป ค่อยๆทำความเข้าใจไป "สติมาปัญญาก็เกิด" ยังใช้ได้ดีอยู่ อื่มมมม ขอบพระคุณท่านฯมากๆคับ

หนูว่าหนูพิมพ์ไปพิมพ์มาหนูเริ่มจะงงซะเองละคับ เหอๆ ขออภัยท่านฯมา ณ ที่นี้ด้วยนะคับ

อีกสิ่งนึงที่หนูยังทำได้ไม่ดีคือ การไม่หลอกตัวเอง และ การกลืนบุคลิกของคนรอบข้าง ในบ้างครั้งหนูตอบคำถามตัวเองได้หมดทุกคำถาม เป็นคำตอบที่ดีด้วย แต่ทำไมหนูไม่รู้สึกว่าหนูเชื่ออย่างนั้นอ่ะคับ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีอะไร แต่หนูไม่เชื่อในคำตอบของตัวหนูเองเลย หนูกำลังหลอกตัวเองอยู่รึเปล่าคับ หลอกเพื่อให้ตัวหนูเองเนี่ยรู้สึกว่าดีในคำตอบ อื่มม งงเองละ คือว่า หนูตอบคำถามได้แต่ไม่เชื่อในคำตอบ มันคือการที่หนูยังหา "ตัวตน" ของหนูเองไม่เจออยู่รึเปล่าคับ ... ส่วนเรื่องของการกลืนบุคลิกของคนรอบข้าง หนูมีปัญหาจะเข้าไปถามท่านฯในหลายๆโอกาสที่ผ่านมา แต่ก็ด้วยความกังวลส่วนตัวหนูเองว่าจะเป็นการไปกวนท่านฯรึเปล่า ก็เลยไม่ถามดีกว่า จะไปถามท่านวศินะตันตระ ก็เกรงด้วยว่าท่านงานเยอะ หนูก็เลย...ไม่ถามดีก่า เหอๆ เก็บมาขบเองดีก่า แต่จนแล้วจนรอด หนูก็ "ตัน" คับตันด้วยปัญญา ตันด้วยความรู้สึก ตันด้วยสมองที่น้อยนิดอันนี้ ตอนนี้ก็เลยถือโอกาสนี้ถามท่านฯอ่ะคับ ... หนูรู้สึกตัวเองว่า "หนูไม่มีบุคลิกที่เป็นตัวของหนูเองอยู่เลย" ด้วยเหตุที่ว่าหนูได้รู้จักและได้คลุกคลีอยู่กับหลายๆบุคคล หลายๆกลุ่ม จึงน่าจะเป็นเหมือนการรับอิทธิพลของอะไรสักอย่าง ที่ทำให้หนูลบเลือนความเป็นตัวตนออกจากสารบบสมองหนูเอง แล้วพอหนูมานั่งสังเกตตัวหนูเองดู กลับกลายเป็นว่า หนูมีบุคลิกของ "ทุกๆคนที่หนูรู้จัก" อยู่ในตัวหนูแต่ "หนูไม่มีตัวหนูอยู่ในตัวเองเลย" หนูจะมีของคนนั้นอย่างนึง คนนี้สองอย่าง คนโน้นหน่อยนึง คนนู้นเยอะหน่อย ฯลฯ หนูเฝ้าถามตัวเองแล้วมันดีรึเปล่า? กับตัวหนูเองเนี่ยนะ มันดีแน่หรอ กับการที่หนูไม่มีตัวตนของหนูเองเลย แต่มันก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ทำไมหนูถึงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จิงว่าหนู เป็นอย่างไรกันแน่ "ตัวตนของหนู" ???

ขอบพระคุณท่านฯมากๆคับ ที่ชี้ทางให้หนูได้เดินอย่างเข้าใจมากขึ้น ขอบพระคุณมากๆคับ
ผู้แสดงความคิดเห็น Little_Brain (cartoonphee-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-22 22:11:23


ความคิดเห็นที่ 743 (3033067)
avatar
PrincessA_o_b

^________^

มีคำพูดมากมายเหลือเกินค่ะที่อยากจะพูด

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพิมพ์ออกมาอย่างไรหมด

เอาเป็นว่า ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆๆๆๆๆเลยนะคะ

ณ ตอนนี้ หนูยังวางไม่ได้ แต่ก็พบหนทางที่จะวางแล้ว

ที่เหลือก็แค่จะวางได้เมื่อไหร่แค่นั้นเอง ^_____________^

ขอบคุณโชคชะตา และวาสนา ที่ทำให้ได้มาที่นี่ รักบ้านหลังนี้เหลือเกิน

จิตและใจสั่งให้ไปทุกวัน สุขที่ได้มา สุขที่ได้อ่าน สุขที่ได้ไป

(ขามันพาเดินไปเองต่อให้เหม่อๆลอยๆๆแค่ไหนสุดท้ายเงยหน้ามองพบพบเจอเลข21ทุกทีเลย อิอิ..)

ดีใจจริงๆที่เจอ มีคำถามมากมายที่อยากรู้ แต่ถ้ารู้แล้วต้องจ่าย ขอรู้เมื่อถึงเวลาจ่ายดีกว่าค่ะ

ไม่ได้เป็นตันตริก แต่ขอคารวะอาจารย์ด้วยคนค่ะที่เมตตาสั่งสอน ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น PrincessA_o_b (kobbong-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-23 00:13:27


ความคิดเห็นที่ 744 (3033191)
avatar
Thanpitcha
เราทุกคนต้องผ่านการทดสอบ ..แต่มันมักจะมาในรูปแบบที่เราไม่คาดหวังให้เป็นเสมอ
ผู้แสดงความคิดเห็น Thanpitcha ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-23 11:19:42


ความคิดเห็นที่ 745 (3034028)
avatar
สงสัย

อาจารย์คะขอถามได้ไหมคะ คือหนูมักจะรู้สึกว่างเปล่า รู้สึกขาดอะไรสักอย่างไปอยู่เสมอๆ

 ซึ่งบางทีมันทำให้หนูทุกข์หนูจะจัดการมันได้อย่างไรคะ หลายๆครั้งที่รู้สึกว่างเปล่า

จึงพยายามหาอะไรมาเติมให้เต็มแต่ บางครั้งแม้จะเติมเท่าไหร่มันก็ไม่เต็มอ่ะค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น พออยู่คนเดียว ก็เหงา ก็รู้สึกว่างเปล่า แต่พออยู่กับเพื่อนหลายๆคน ทั้งที่น่าจะไม่รู้สึกเหงาและว่างเปล่า แต่ก็รู้สึกอยู่ดีอ่ะค่ะ

เพราะมันรู้สึกว่างเปล่า หลายๆครั้งจึงอยากเรียกร้องเอาจากสิ่งรอบข้าง บางทีได้มาก็ช่วยบรรเทาแต่ไม่เคยหายขาด บางทีไม่ได้ทุกข์หนักกว่าเดิมอีก

มีหนทางไหนบ้างคะถึงจะหยุดความรู้สึกนี้ได้ หนูไม่รู้ว่าการที่ไม่ยอมวางทุกข์ในเรื่องความรัก ไม่ว่าจะจากแฟน จากเพื่อน หรือจากครอบครัว

มันเกิดเพราะหนูกลัวความว่างเปล่าหรือเปล่าค่ะ

ไม่ทราบว่ามันเกี่ยวกันไหมคะ อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สงสัย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-26 09:08:25


ความคิดเห็นที่ 746 (3034032)
avatar
asinatantra

เกิดเราก็เกิดมาคนเดียวถูกมั้ย ตายก็ต้องตายคนเดียวอีกอยู่ดี ..จะไปกลัวทำไมกับความว่าง เปล่า สังคมคนเอเชียจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งจะทำให้มีผลข้างเคียงด้านเสียในข้อนี้มากกว่าเผ่าพันธุ์ผิวขาวอยู่แล้ว สังเกตุดูว่าส่วนมากเข้าห้องน้ำยังเข้าคนเดียวไม่ได้เลยทั้ง ๆ ที่ตอนปลดทุกข์ก็ต้องทำคนเดียวอยู่ดี  ดูหนังก็ดูคนเดียวไม่ได้ กินข้าวคนเดียวก็ไม่ได้อีก  .. อย่างนี้ลำบาก ถึงเวลาต้องจากโลกใบนี้ไปคนเดียวจะทำอย่างไร เพราะไม่มีใครยอมไปด้วยแน่ ๆ   แต่เขียนแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าการอยู่เป็นกลุ่มไม่ดี หากแต่ต้องอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียวให้เป็นและเมื่อเป็นแล้วถนัดแล้ว จึงเลือกทำได้ตามความชอบทั้งสองด้านคือ คนเดียวและเป็นกลุ่ม เมื่อเป็นดังนี้แล้วความว่างเปล่าก็จะไม่เกิดขึ้น  ผมเชื่อว่ากิจกรรมที่มีประโยชน์และทำให้ไม่มีเวลารู้สึกถึงความว่างเปล่านั้นมีมาก เช่น ศึกษาสิ่งที่ตนเองสนใจลงเรียนสิ่งที่สนใจ  อ่านหนังสือก็ให้ความรู้ที่ดีและในโลกนี้มีหนังสือมากมายจนเชื่อว่าชีวิตหนึ่งก็อ่านกันไม่หมด  สมัยผมเด็ก ๆ เมื่อผมบ่นหรือกลุ่มใจเรื่องพวกนี้ คุรุจะบอกว่า เหตุเกิดเพราะผมขี้เกียจ จึงว่างมีเวลาคิดเรื่องนี้ ห้องหรือบ้านที่อยู่เก็บสะอาดหรือยัง งานที่ทำทำจนไม่มีอะไรค้างดีหรือยัง สิ่งที่ควรศึกษา ศึกษาจนรู้ดีแล้วหรือยัง หากยัง แสดงว่ายังใช้เวลาไม่เป็นประโยชน์หรือขี้เกียจนั้นเอง 

สำหรับผมนะ ผมนิยมความว่างมากกว่า การเต็มไปด้วย ปัญหา..นะ แต่อย่างไรก็ดี ของทุกสิ่งก็มีทั้งด้านดีและไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น ลองหาตรงการกลางระหว่างสองข้างดู ก็น่าจะเกิดความพอดีได้

ความว่างเปล่ามิเคยนำปัญหาใดมาให้แก่ชีวิตนอกจากทุกข์ที่เกิดจากความคิดในสมองเราปั้นแต่งมันขึ้นมาเอง  แต่ในทางตรงกันข้าม การเติมเต็มด้วยมนุษย์อื่นๆ นั้นย่อมนำมาด้วยปัญหาที่เพิ่มพูนเสมอ ๆ

ถามว่าจะทำอย่างไรให้หยุดความรู้สึกนี้ได้  ก็แค่ตกลงกับตัวเองให้ได้แค่นั้นเอง คุณรู้แล้วว่าอะไรดีและอะไรไม่ดีเพราะคุณเขียนออกมาได้ทั้งสองฝ่ายแล้ว เหลือแค่ลงมือปฎิบัติ ก็จะแก้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-26 09:44:22


ความคิดเห็นที่ 747 (3034137)
avatar
สงสัย

อาจารย์คะ คือว่าหนูฝันแปลกมากๆอ่ะค่ะ อย่างนี้เรียกว่าจิตหลุดไหมคะ แต่ไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน

หนูฝันว่ากำลังเดินทางกลับบ้านอ่ะค่ะ แล้วอยู่ดีๆทางที่เดินมันก็เปลี่ยนไปจากที่รอบข้างเป็นถนน กลับกลายเป็นเหมือนกับ

ป่าหรือทางเดินของคนแบบชนบทแทนอ่ะค่ะมีต้นไม้ข้างๆเต็มไปหมด กลายเป็นทางเดินดิน

บรรยากาศแบบครึ้มๆส้มๆเกือบกลางคืนอ่ะค่ะ ในฝันรู้สึกกลัวมากอ่ะค่ะ

เพราะสถานที่มันเปลี่ยนทุกสิ่งรอบๆเปลี่ยนหมด เหมือนหลงอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  สุดท้ายหนูเลยสวดคาถาชินณบัญชรในฝันอ่ะค่ะ

พอเริ่มสวดเหมือนมีอะไรมาจับข้อเท้าหนูแล้วลากหนูไปจากตรงนั้นอ่ะค่ะ

รู้สึกแบบตัวเองลอยจากตรงนั้นเรื่อยๆจนมาถูกทิ้งอยู่เกือบที่เดิม ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนอ่ะค่ะ

พอถึงที่นั่นก็พยายามหาทางกลับบ้าน แต่ก็ยังติดขัดอยู่นิดหน่อย สุดท้ายยังหาทางไปต่อไม่ได้ แต่มีคนเดินมาทางที่หนูอยู่

หนูเลยสั่งให้ตัวเองตื่นอ่ะค่ะ เพราะกลัวไม่รู้จะเป็นไงต่อ ไม่เคยฝันแบบนี้อ่ะค่ะ เลยเอามาถามอาจารย์ ว่ามันจะสื่ออะไรไหมคะ หรือมันก็แค่ฝันอ่ะ คะ

อีกอย่าง...วันนี้นั่งสั่งตัวเองให้วางรักทั้งวันเลย คิดปุ๊ปสั่งวางปั๊ป พอหลับฝันถึงเค้าซะงั้นแต่เป็นฝันดีนะคะอาจารย์

แต่พอหลังจากฝันถึงเค้าเสร็จมาฝันเรื่องนี้

แล้วเลยใจหายซะงั้น หนูเลยอยากถามว่าการที่คนเราฝันมันสามารถสื่ออะไรได้ไหมคะ หรือมันเป็นแค่ฝันอ่ะค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สงสัย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-26 17:46:09


ความคิดเห็นที่ 748 (3034364)
avatar
asinatantra
image

 

สำหรับผมนะ มันจะเป็นการยากเกินไปที่จะต้องตีฝันครับ มันไม่ค่อยมีความแน่นอน คิดซะว่าฝันก็คือฝัน สนุกกับมันไปดีที่สุดครับ ..ไม่ชอบเมื่อไหร่ก็สั่งให้ตัวเองตื่น

ผมก็ชอบนะ ฝันบางทีสนุกเอามาก ๆ เรื่องบางเรื่องฝันมาตั้งแต่เด็ก จนแก่มาขนาดนี้ก็ยังฝันอยู่แต่ก็ยังสนุกดีแบบ รู้ทันแล้วว่าเลี้ยวไปตรงนี้เดี๋ยวผีก็จะโผล่มาแบบนี้ แกล้งเราแบบนั้น...สนุกดีครับ ผมชอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น asinatantra (1-at-tantradevalai-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-27 12:23:03


ความคิดเห็นที่ 749 (3034480)
avatar
สงสัย

-ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ ตอนแรกกะจะมาลบข้อความแย้วนึกว่าอาจารย์จะบอกว่านู๋เพ้อเจ้อ อิอิ... ตอนนี้กำลังฝึกทำตัวให้ชินกับความว่างเปล่าอยู่ค่ะ

แล้วผลเป็นอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบภายหลังค่ะ ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สงสัย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-27 18:15:05


ความคิดเห็นที่ 750 (3034897)
avatar
สงสัย

มารายงานความคืบหน้าค่ะ อาจารย์วันนี้เริ่มสั่งตัวเองให้วางได้แย้วววววว เย้มีความสุขมากมาย

วันนี้ได้อ่านคำสอนเก่าๆของอาจารย์ ด้วยค่ะ ได้แง่คิดไปอีกโข

ชอบสุดก็เห็นจะแนวคิดเรื่องคนรักก็เหมือนโต๊ะ อันนี้โดนมากค่ะ

จริงๆแล้วก็พอรู้นะคะว่าเพราะใส่นามธรรมให้เลยทุกข์เอง

ตอนนี้เลยยังเข้าคอร์สลดนามธรรมต่ออยู่ค่ะ ยังคิดอยู่บ้างแต่คิดแล้วสั่งให้หยุดได้

ตอนนี้ใจเลยเบาขึ้นเยอะเลยค่ะ หนูว่าการที่เราปล่อยวาง มันทำให้เรามองโลกในมุมที่ดีขึ้น

แล้วก็ไม่กดดันตัวเองด้วย อันนี้หนูคิดถูกไหมคะ

อย่างเมื่อก่อนเวลาสอบหนูเครียดมาก อ่านๆๆๆ อ่านแทบตาย ทำสอบ ถ้าทำไม่ได้กดดัน เครียด เสียใจ

แต่ตอนนี้ สบายใจค่อยอ่าน อ่านไปเรื่อยๆชิลๆแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่กดดัน ไม่คาดหวัง ทำสบายๆ

ทำสอบ ทำได้ก็สบายๆ ไม่ได้ก็ชิลๆ ไม่เครียดไม่เสียจาย ลัลล้า อย่างนี้หนูเอามาปรับใช้ได้ถุกไหมอ่ะคะ

หนูว่าถ้าเราไม่กดดันตัวเองก็ไม่มีใครมากดดันเราได้ ถ้าเราไม่ทุกข์เอง ก็ไม่มีอะไรทำให้เราทุกข์ได้อันนี้ถูกต้องไหมคะอาจารย์ขา...^v^

ผู้แสดงความคิดเห็น สงสัย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-07-28 19:15:27



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 20 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.